พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 187

พอฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก เดินรอบบ้านจนครบแล้วแต่ก็ยังมองไม่เห็นตัวสีชิงชวน เขาไปไหนแต่เช้าตรู่เลยนะ?

ฉันถามอลิซาเบธ มันไม่ยอมบอกกับฉันดีๆ “ไม่รู้สิ”

“งั้นเขาออกจากบ้านไปแล้วเหรอ?”

“ไม่รู้สิ”

ฉันเริ่มหงุดหงิด แต่พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเงาของสีชิงชวนเดินผ่านระเบียงทางเดินไปแว๊บๆ เพราะอาหารเช้ายังมาไม่ถึงด้วย ฉันจึงรีบเดินไปหาเขา พอฉันเดินขึ้นไปชั้นบน เขาก็ไม่ได้อยู่ตรงระเบียงทางเดินซะแล้ว ฉันเปิดประตูไล่ดูทีละห้องทีละห้องเพื่อตามหา แล้วมาพบเขาที่ห้องหนังสือ เขายืนอยู่ตรงริมหน้าต่างหันหลังให้ฉัน ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่

ฉันเรียกชื่อเขา “สีชิงชวน”

เขาตอบฉันด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “อืม”

“คุณตื่นนานหรือยัง?”

“ตื่นได้สักพักแล้วล่ะ”

“ทำไมมาอยู่ในห้องหนังสือล่ะ?”

“ผมพอใจที่จะอยู่ที่นี่ไงล่ะ”

“อลิซาเบธสั่งอาหารเช้าให้แล้วนะ สักพักก็มาส่ง ลงชั้นล่างไปทานอาหารเช้ากันนะ”

“ผมยังไม่หิว”

ฉันรู้สึกว่าเขาดูแปลกๆ ฉันเดินไปใกล้เขา “ทำไมต้องหันหลังให้ฉันตลอดเวลาพูดคุยกันด้วยล่ะ?”

ฉันเอามือไปจับไหล่ของเขาหมุนตัวไปอยู่ตรงหน้าเขา “เอ๊ะ ทำไมคุณต้องใส่แว่นกันแดดด้วยล่ะ?”

มันน่าสงสัยจริงๆ เช้านี้ไม่มีแสงแดดเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างอยู่ในตัวบ้านไม่เห็นจำเป็นต้องใส่แว่นกันแดดด้วยเลย เขาเป็นอะไรอีกล่ะ?

เขาดึงมือฉันลง “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”

“ดวงตาเป็นอะไรล่ะ?” ฉันเขย่งปลายเท้าเพื่อจะถอดแว่นกันแดดที่อยู่บนหน้าเขาออก

ดวงตาของเขาแดงเหมือนกระต่ายเลย รอบๆบริเวณหนังตายังบวมอีกด้วย

“ดวงตาของคุณทำไมทั้งแดงทั้งบวมด้วยล่ะ?”

เขารีบเอาแว่นกันแดดในมือของฉันกลับไปสวมใส่เหมือนเดิม “ระวังว่าผมจะปิดปากคุณด้วยนะ”

“ทำไมถึงบวมขนาดนั้นด้วยล่ะ? บวมขนาดนี้ทำไมไม่ไปหาหมอล่ะ?”

“ไม่เป็นไร ผมกินปูทีไรก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละ”

ที่แท้ก็เป็นอาการของคนแพ้อาหารทะเลนี่เอง ฉันยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ “คุณรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแพ้อาหารทะเลแล้วทำไมยังทานมันอีกล่ะ?”

“ผมนึกว่าผมหายดีแล้ว” ถึงแม้ว่าภาพที่เขาใส่แว่นกันแดดมันจะดูหล่อมาก แต่ว่าเมื่อสวมใส่ในบ้านแล้วมันดูเอ๋อๆยังไงไม่รู้?

“งั้นก็ลองทานยาหรือใช้ยาทาสักหน่อยสิ”

“ไม่จำเป็น เรื่องเล็กนิดเดียว”

“ถ้าเห็นว่าเรื่องมันเล็กแล้วคุณจะใส่แว่นกันแดดอีกทำไม ทำไมคุณถึงไม่ชอบไปโรงพยาบาลเลย คุณกลัวเหรอ?”

“คุณดูแลตัวเองดีๆก็พอ” เขาดึงแขนฉันแล้วพาเดินออกจากห้องหนังสือ

สีชิงชวนช่างเป็นคนที่แปลกประหลาดมาก สิ่งที่เขากลัวฉันกลับมองมันว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรกลัว สิ่งที่น่ากลัวจริงๆเขากลับไม่กลัว อีกอย่างเขาเป็นคนที่ไม่ชอบการทานยาเลย แต่ว่าตาของเขาแดงขนาดนี้ควรทำไงดี?

พวกเรานั่งทานอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะด้วยกัน เขาใส่แว่นกันแดดทานโจ๊ก ฉันเป็นห่วงจริงๆว่าเขาจะตักโจ๊กเข้าจมูก

“สีชิงชวน”

“อะไรล่ะ?”

“ปกติแล้วดวงตาของคุณจะบวมแดงอยู่กี่วัน?”

“หนึ่งอาทิตย์”

“งั้นอีกสองวันเราไปเกาะพระอาทิตย์กัน คุณกะจะใส่แว่นกันแดดอยู่ตลอดเวลาเหรอ?”

“เวลาไปทะเลและเวลาอยู่บนเกาะก็ต้องใส่แว่นกันแดดกันอยู่แล้วนิ”

“แสงแดดส่องเข้าตาคุณมันจะไม่แย่ไปกว่าเหรอ?”

“ทำไมเธอถึงดีกับเขาขนาดนี้?” เฉียวอี้พูดด้วยเสียบหอบ เหมือนว่ากำลังเปลี่ยนชุดอยู่ “อ้อ อ้อ อ้อ อ้อ” จู่ๆหล่อนก็ร้องขึ้นมา “เซียวเซิง ไม่ใช่เพราะเธอ หรือว่าเธอ”

หล่อนร้องจนทำให้ฉันเกิดความหงุดหงิดใจขึ้นมา “อะไรของเธออีก?”

“อย่าบอกนะว่าเธอ” เฉียวอี้กรีดร้อง “เธอโดนเขาข่มขู่อีกแล้วใช่ไหม? สีชิงชวนเขาทารุณเธออีกแล้วใช่ไหม?”

“เขาเคยทารุณฉันตอนไหนยะ?” น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวงจรสมองของเฉียวอี้ไม่เหมือนกับคนอื่น ใจที่ฉันพึ่งดึงกลับมาอย่างปลอดภัยได้ตกลงไปอีกครั้ง

“เอาล่ะ ฉันจะไปถอนให้เธอ แล้วจะส่งให้เธอยังไงล่ะ?”

“ฉันขับรถไม่เป็นซะหน่อย เธอต้องส่งมาให้ฉันสิ”

“อ้อ”

เฉียวอี้เป็นเพื่อนที่ดีมากๆคนหนึ่ง ไม่ว่าฉันขอร้องให้ช่วยเรื่องอะไรหล่อนก็จะทำให้หมดเลย เพียงแต่ว่า หล่อนจะเป็นเหมือนเด็กน้อยที่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ

ยังดีที่ก่อนออกมาส่งให้ฉัน หล่อนวีดีโอคอลมาโอ้อวดให้ฉันดูก่อน ในวีดีโอมือของหล่อนได้กำดอกไม้ช่อใหญ่ที่เป็นลำต้นของดอกไว้แล้วชูขึ้นมาให้ฉันดู “เซียวเซิง เธอดูสิ ฉันถอนออกมาเยอะมาก รอบนี้สีชิงชวนตกลงไปในกองปูก็ไม่ต้องกลัวกันแล้วล่ะ”

ฉันมองดูหล่อนด้วยความเห็นใจ “ครั้งนี้ รอให้คุณแม่เฉียวกลับมาแล้วฉันจะพูดกับสีชิงชวนให้นะ ว่าให้เธอมาพักอยู่บ้านของเขาสักพัก เพื่อที่จะได้มาหลบเลี่ยงสถานการณ์ต่างๆที่นี่ก่อน”

“ทำไมล่ะ?”

“อันที่เธอถอนมันไม่ใช่ดอกขจร มันคือดอกไฮเดรนเยียต่างหากเล่า! ดอกไฮเดรนเยียสีฟ้า เป็นของประเภทที่ล้ำค่าและมีน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เธอตายแน่ๆ เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่แม่บุญธรรมชอบมากๆซะด้วยสิ”

ระหว่างวีดีโอ หน้าเฉียวอี้เหมือนเถ้าที่ดับมอดไปแล้ว ดอกไม้ที่อยู่ในมือร่วงลงสู่พื้นอย่างยุ่งเหยิง

หล่อนร้องไห้เสียงดัง “ทำไมเธอไม่พูดตั้งแต่แรกล่ะ?”

“ฉันได้ส่งรูปภาพให้เธอแล้วนะ ใครบอกให้เธอไม่ดูให้ละเอียดล่ะ? อีกอย่างดอกไม้ในสวนบ้านเธอ เธอไม่รู้จักเลยเหรอ?”

“ฉันต้องตายแน่ๆเลย คุณแม่ฉันเป็นคนที่ใจแคบมาก ท่านคงต้องถลกหนังฉันแน่ๆ”

“เธอจะต้องปลอดภัยนะ เดี๋ยวให้คนสวนบ้านเธอปลูกมันกลับไปที่เดิม เพิ่งถอนออกมาน่าจะยังปลูกได้รอดอยู่ เธอเอากล้องส่องไปทางโน้นนิดหน่อย มองเห็นหรือยัง สีเหลืองอ่อนนั่นไง บนพุ่มไม้เตี้ยนั่น ก็คือดอกขจรไง ฉันน่ะยอมเธอจริงๆเลย”

เฉียวอี้ให้คนสวนบ้านหล่อนช่วยถือโทรศัพท์เอาไว้ จากนั้นก็ถ่ายทอดสดเหตุการณ์ครึกครื้นที่ยิ่งใหญ่ในการถอนต้นดอกขจรให้ดูจนจบ ฉันรอหล่อนที่บริเวณหน้าประตูบ้านพักของสีชิงชวน มองเห็นรถของเฉียวอี้กำลังขับมา โบกมือเรียกให้หล่อนหยุดรถ

หล่อนยื่นศีรษะออกมาจากกระจกรถ สีหน้าหล่อนเต็มไปด้วยความสนใจ “รีบขึ้นรถมานำทางสิ ฉันจะดูว่าดวงตาของสีชิงชวนบวมถึงขั้นไหนแล้ว?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)