พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 197

เมื่อเห็นเซียวซือฉันก็รู้สึกเกรงใจ คิดว่าตัวเองรบกวนเวลาอยู่ด้วยกันของเธอกับสีชิงชวนแล้ว

ฉันดูออกว่าเซียวซือยังคงรักสีชิงชวนมาก ผู้หญิงหยิ่งยโสอย่างเธอ มีเพียงตอนอยู่กับสีชิงชวนเท่านั้นที่แววตาจะเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่

ฉันอย่างความคิดอ่านของสีชิงชวนไม่ได้ ทว่ากลับสามารถอ่านใจเซียวซือได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ฉันรู้จักสังเกตสีหน้าคนตั้งแต่เด็ก คุณแม่บอกว่าหากรู้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเราก็จะกลมเกลียวกับคนอื่นมากขึ้น

ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าสีชิงชวนกำลังคิดอะไรอยู่มาแต่ไหนแต่ไร ความสัมพันธ์พวกเราจึงระหองระแหงเสมอมา

“อาหารพวกนี้ล้วนเป็นฝีมือของเชฟจากร้านอาหารมิชลินครับ อาหารจีนก็เป็นฝีมือของพ่อครัวระดับห้าดาวครับ” ป๋ออวี่แนะนำให้พวกเรา

มีอาหารเต็มโต๊ะไปหมด แค่ดูก็น้ำลายไหลย้อยแล้ว

และเมนูที่สะดุดตาฉันก็คือปูผัดผงกะหรี่กับFried Crab with Typhoon Shelter Style ดูแล้วน่ากินกันทั้งนั้น

ตอนที่ฉันคีบปูผัดผงกะหรี่ สีชิงชวนก็กล่าวทักทายทุกคนอย่างกระตือรือร้น “เซียวเซิงก็ทำเมนูนี้เป็นด้วยนะ”

“ใช่เหรอครับ?” ป๋ออวี่เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ

“รสชาติแย่มาก เซียวเซิง คุณลองชิมดูว่าฝีมือของคุณกับพ่อครัวบนเรือสำราญมันต่างกันขนาดไหน” เขาคีบปูใส่ถ้วยของฉันด้วยรอยยิ้มละมุน

ฉันอยากโยนปู่ใส่หน้าเขาเหลือเกิน ใบหน้าของเขาจะได้มีแต่ผงกะหรี่

เขานี่ใช้ไม่ได้เลย คืนนั้นเขากินเยอะกว่าใครๆ แต่ตอนนี้ดันมาตำหนิฉันซะงั้น

ฉันกินปูด้วยความฉุนเฉียว ส่วนสายตาก็จดจ่ออยู่กับก้านปูขนาดใหญ่

สีชิงชวนใช้คีมแกะปูแกะก้านปูอย่างคล่องแคล่ว เพียงส่งเสียงครั้งเดียวก้ามปูก็เผยเนื้อชิ้นโตๆ ออกมา

ฉันไม่รู้ว่าเขาแกะให้ใคร ซึ่งฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใจดีแกะให้ฉันหรอก ทว่าเขากินไม่ได้ ฉันจึงเตือนด้วยความหวังดี “คุณกินปูไม่ได้”

“คุณอยากกินก็พูดตรงๆ สิ” เขาชูเนื้อในส่วนของก้านปูให้ฉันดู “ผมไม่มีหน้าที่บริการคุณหรอกนะ”

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะกินซะหน่อย”

เพิ่งจะสิ้นเสียงของฉัน เขาก็ส่งเนื้อปูให้เซียวซือ “ลองชิมฝีมือพ่อครัวของพวกเราหน่อยนะ”

“ขอบคุณ” เซียวซือคลี่ยิ้มพร้อมกับกวาดสายตามองมาที่ฉัน ประหนึ่งขนนกที่กระทบใบหน้าฉันจนรู้สึกแสบๆ คันๆ เล็กน้อย

เวลาเซียวซือกินข้าวนั้นดูดีเหมือนภาพวาด ฉันคิดว่าท่าทางการกินของฉันก็ไม่ได้ดูแย่มากนัก สมัยฉันยังเด็ก คุณแม่พร่ำสอนฉันเสมอว่าเด็กผู้หญิงต้องกินอย่างมีมารยาท จะเอาแต่กินให้อร่อยโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ไม่ได้ เพราะขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ย่อมสวยในแบบฉบับตัวเองแต่กำเนิดอยู่แล้ว จะปล่อยให้พฤติกรรมตัวเองกระทบต่อความงามที่มีมาแต่กำเนิดไม่ได้

ฝีมือของพ่อครัวเก่งกาจยากจะพรรณนา เพราะอาหารอร่อยเลิศทุกเมนู

แต่เหมือนจะไม่มีของกินสำหรับสีชิงชวนมากนัก เพราะเขากินปูไม่ได้ จึงใช้กรงเล็บจอมมารคีบกุ้งตัวโตๆ มากิน ซึ่งกุ้งตัวนี้ใหญ่จนน่าทึ่ง ขนาดของมันเท่าฝ่ามือของคนเลย

ฉันเห็นเขาถือตะเกียบแล้วเอื้อมมือไปยังกุ้งตัวใหญ่ ฉันก็รีบเหยียบเท้าใต้โต๊ะเขาหนึ่งครั้ง

เขาหันขวับมาจ้องฉันด้วยความเดือดดาล ทว่าเพราะส่งเสียงดังไม่ได้ จึงใช้ระดับเสียงที่แทบจะเรียกได้ว่าขยับริมฝีปากอย่างเดียว “ทำไร?”

“คุณกินอาหารทะเลไม่ได้ เดี๋ยวตาจะบวมเหมือนหลอดไฟเอา”

“แล้วให้ผมกินอะไร?”

“กินขนมปังกับสลัดผัก”

“เดี๋ยวจะมีสเต็กเนื้อด้วย”

“เนื้อวัวกับเนื้อแพะมีธาตุร้อนด้วยกันทั้งคู่ คุณลืมแล้วหรือว่าเมื่อกี้คุณท้อง ใช่แล้ว คุณกินยาหรือยัง?” ฉันค้นจนทั่วกระเป๋าถือ จากนั้นก็เห็นยาที่ฉันพกติดตัวมา อันนี้เป็นยาแก้อักเสบ ถึงตอนนี้เขาจะไม่ท้องเสียแล้ว แต่ก็ต้องกินยาแก้อักเสบกันไว้ก่อน

ฉันเอายาเม็ดแล้วยัดใส่ฝ่ามือเขา “กินกับน้ำเปล่า ห้ามกินกับเครื่องดื่มชนิดอื่นเด็ดขาด”

“ผมไม่กินยาหรอก” เขายกมือทำท่าจะโยนยาทิ้งทะเล

ฉันอยากลงจากดาดฟ้าเรือ จากนั้นก็ไปอาบน้ำ แต่พ่อครัวกลับเรียกฉัน “คุณนายสีครับ เดี๋ยวจะมีของหวานมาเสิร์ฟนะครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”

“ฉันอิ่มแล้วค่ะ”

“ชิมนิดหน่อยก็พอครับ หวังว่าคุณนายสีกับคุณเซียวจะให้คำติชมกับพวกเรานะครับ”

เมื่อหัวหน้าพ่อครัวขอร้องด้วยความจริงใจแบบนี้ ฉันย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ก้นตัวเลยอยู่เหนือเก้าอี้แล้วแท้ๆ แต่ก็ยังกลับไปนั่งเหมือนเดิม

ฉันว้าวุ่นใจราวกับมีเมฆดำอัดแน่นอยู่ในใจ

ปกติฉันไม่ใช่คนชอบโมโห เฉียวอี้มักจะบอกว่าฉันเป็นคนใจกว้างเสมอ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณพ่อมอบกระโปรงหรูตัวสวยให้ฉันเป็นของขวัญ ฉันคิดจะเก็บไว้ใส่ตอนงานวันเกิดของเฉียวอี้ แต่สุดท้ายเซียวหลิงหลิงกลับเอากรรไกรตัดจนไม่เหลือชิ้นดี

ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่นาน ทว่าก็ไม่ได้บอกคนอื่น และเมื่อเจอหน้าเซียวหลิงหลิงอีกครั้ง ฉันก็ไม่รู้สึกโกรธมากแล้ว

ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉัน และรู้สึกด้วยชาติกำเนิดของพวกเรา เธอไม่มีทางชอบฉันเด็ดขาด ทว่าเวลาอยู่กับสีชิงชวน ทำไมความอดทนของฉันถึงเป็นศูนย์น่ะ?

พอฉันกินอิ่ม ฉันก็บดกุ้งในถ้วยเละเหมือนโจ๊ก

หลังจากที่พวกพ่อครัวกับสีชิงชวนคุยเสร็จ พ่อครัวก็ไปเตรียมของว่าง เซียวซือก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำด้วยวาจาสุภาพ ส่วนป๋ออวี่ก็ไปตรวจความเรียบร้อยในห้องครัว จึงเหลือฉันกับสีชิงชวนบนโต๊ะสองคน

ฉันยังคงไม่แยแสเขา ฉันคิดไว้ว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปยาวๆ เลย

ฉันปล่อยคำถามใส่ตัวเองรัวๆ ทำไม ทำไมต้องสนใจเขาด้วย ทำไมต้องแยแสเขาด้วย ทำไมต้องสนใจว่าเขาจะกินยาหรือเปล่าด้วย ทำไมต้องกลัวเขาปวดท้องด้วย?

ฉันกำลังคุยกับตัวเองอยู่ สีชิงชวนก็ตบไหล่ฉันกะทันหัน

ฉันหันไปมองด้วยความเดือดดาล “ทำไรของคุณ?”

เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งมายังฉัน ก่อนจะแบมือ “คุณดูนี่สิ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)