ฉันหยุดยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ไกล มือหนึ่งของเซียวซือจับราวกั้นไว้ ฉันเห็นว่าหน้าเธอแดงเล็กน้อย เพิ่งสังเกตว่าในมือข้างนั้นของเธอถือเหล้าอยู่แก้วหนึ่ง
เซียวซือดื่มเหล้าเหรอเนี่ย เหมือนฉันจะเพิ่งเคยเห็นเธอดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก
มันอันตรายมากที่เธอยืนอยู่ข้างๆ ราวกั้น ถ้าไม่ระวังก็อาจจะตกลงไปได้ คลื่นลมแรงขนาดนี้ มันอันตรายมากจริงๆ
“เซียวซือ” ฉันเสียงสั่นทุกครั้งที่รู้สึกตื่นเต้น “พี่อย่าเดินไปไหนมั่วๆ นะ มันอันตราย พี่ยืนนิ่งๆ”
ฉันเดินไปหาเธอ เสียงของเซียวซือลอยมาตามลม “เธออย่าเข้ามานะ!”
“อย่าไปยืนใกล้ๆ ราวกั้น ช่องว่างระหว่างราวกั้นมันกว้างมาก ถ้าไม่ระวังจะตกลงไปได้นะ”
ท่ามกลางลมทะเลที่เกลียวคลื่นโหมกระหน่ำ เราสองคนยืนคุมเชิงกันอยู่บนดาดฟ้าเรือ
ดูเหมือนเซียวซือจะค่อนข้างกระวนกระวาย ตอนค่ำฉันเห็นท่าทางเธอยังสบายๆ อยู่เลย
ฉันหันหลังกลับไปมองรอบๆ อย่างกังวล หวังว่าจะมีใครสักคนหนึ่งมา เซียวซือทำแบบนี้มันอันตรายเกินไป…แต่ก็ไม่มีใครเลยสักคน
เซียวซือยกแก้วขึ้นแล้วทำเหมือนชนแก้วกับพระจันทร์ จากนั้นก็ดื่มลงไปรวดเดียวหมดแก้ว
เหมือนเธอกำลังเมา มือข้างหนึ่งของเธอจับราวกั้นไว้แล้วยกเท้าขึ้นเหมือนกำลังเต้นบัลเลต์อยู่อย่างไรอย่างนั้น
ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเซียวซือเคยเต้นบัลเลต์ ตอนเธอไปรายงานการแสดง คุณพ่อยังพาฉันกับเซียวหลิงหลิงไปดูด้วยกันอยู่เลย ท่าทางที่เซียวซือเต้นรำอยู่บนเวทีเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นเหมือนหงส์ขาวผู้สูงศักดิ์จริงๆ
ต่อมาเธอก็เลิกเต้นไป แต่บุคลิกเธอก็ยังดีเหมือนเดิม
ฉันแอบขยับเข้าใกล้เธอโดยไม่ให้เธอรู้ตัว อาศัยจังหวะที่เธอไม่ทันระวังคว้าข้อมือเธอไว้แล้วดึงตัวเธอมายืนกลางดาดฟ้า แต่เธอเมาจึงดิ้นรนอย่างสุดกำลัง เราสองคนแทบจะเล่นมวยปล้ำกันอยู่แล้ว
“เซียวซือ พี่อย่าเดินมั่วสิ พี่มาทางนี้หน่อย ทางนั้นมันอันตราย”
เธอออกแรงผลักฉัน หลังของฉันจึงกระแทกเข้ากับราวกั้นจนมันรู้สึกเจ็บไปหมด ที่กระดูกสะบักร้าวตอนนั้นก็ยังไม่หายดี ตอนนี้พอไปกระแทกเข้าตรงนั้นก็เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา
เซียวซือก็ยืนพิงอยู่ที่ราวกั้น เธอจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ เหมือนกำลังจะร่วงลงไปได้ในทันทีทันใด
ฉันยื่นแขนออกไปดึงมือเธอไว้ เธอออกแรงดึงทันที เพราะแรงเฉื่อยทำให้ฉันชนเข้ากับเธอ ทันใดนั้นเธอก็พลิกตกจากราวกั้นลงไปทันที
ฉันรีบคว้าแขนเธอเอาไว้โดยอัตโนมัติ เธอตกไปอยู่นอกราวกั้นและห้อยอยู่นอกตัวเรือแล้ว มันเหมือนกับพวกซีนอันตรายๆ ในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น
ด้านล่างคือน้ำทะเลที่กลายเป็นสีดำในยามค่ำคืน คลื่นลมกำลังพัดโหมใส่พวกเราอยู่
แขนฉันใกล้จะขาดเต็มทน และตอนนี้เซียวซือเองก็เริ่มสร่างแล้ว แววตาเธอเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว
เธอรีบจับมือฉันไว้แน่น ฉันก็จับแขนเธอไว้แน่นเช่นกัน แต่แรงฉันมันพอแค่จับเธอไว้อย่างนี้เท่านั้น มันไม่พอที่จะดึงเธอขึ้นมา
ฉันอยากร้องของความช่วยเหลือมาก แต่ก็ตะโกนไม่ออก แรงทั้งหมดมันไปอยู่ที่แขนหมดแล้ว ในคอตอนนี้ราวกับมีต้นหญ้างอกออกมาเต็มไปหมด ไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้เลย
เมื่อคิดถึงซีนในภาพยนตร์พวกนั้น ทั้งสองคนจับมือกันอยู่แบบนี้แถมยังพูดกันอีกตั้งหลายประโยค แค่ดูก็รู้แล้วว่าปลอม
เลือดฉันจะแทบจะไหลลงสมองและรู้สึกเหมือนแขนถูกดึงจนมันเกือบจะหลุดอยู่แล้ว เซียวซือร้องไห้ น้ำตาหยดโตๆ หยดแล้วหยดเล่าไหลส่องแสงอยู่ภายใต้แสงไฟประดับหลายสีที่พันอยู่บนราวกั้น ราวกับอัญมณีใสหลากสีอย่างไรอย่างนั้น
น้ำตาพวกนั้นตกกระทบไปในทะเลแล้วก็หายไป
ไม่รู้ว่าจะอธิบายความหวาดกลัวในใจฉันยังไงดี
ร่างกายของเซียวซือไร้เรี่ยวแรง นิ้วของเธอกำลังจะจับฉันไว้ไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
ความจริงฉันก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วเช่นกัน แต่ถ้าฉันปล่อย เซียวซือก็จะตกลงไปในทะเลทันที คลื่นลมแรงขนาดนี้ ใครจะช่วยเธอได้กัน?
ฉันตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งและใช้แรงทั้งหมดที่ฉันมี “เซียวซือ จับฉันแน่นๆ จับฉันไว้!”
ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร จากนั้นแขนที่แข็งแรงและทรงพลังก็กอดฉันเอาไว้ แล้วฉันก็ได้กลิ่นเย็นฉ่ำจากสบู่เหลวอาบน้ำบนตัวสีชิงชวน
“ชิงชวน ช่วยฉันด้วย” เซียวซือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลืออย่างอ่อนแรง
จากนั้นก็มีใครหลายคนเดินเข้ามา พวกลูกเรือดึงเซียวซือขึ้นมา แล้วฉันก็ล้มลงในอ้อมกอดของสีชิงชวนด้วยอาการชา
ฉันเอนตัวลงนอนบนดาดฟ้าเรือ มองดูหมู่ดาวมากมายที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า
ได้ยินว่าการต่อข้อต่อที่หลุดเข้าไปมันจะเจ็บมาก ฉันกลัวจนขาอ่อนไปหมด ยังดีที่นอนอยู่บนเตียง ไม่งั้นฉันคงกลัวจนล้มพับลงไปกับพื้นแน่ๆ
ป๋ออวี่กุมมือฉันไว้ข้างหนึ่งอย่างอบอุ่น “ไม่เป็นไรนะครับคุณเซียว ทนหน่อยนะครับ”
ฉันกัดฟันหลับตาลงและกุมมือป๋ออวี่ไว้แน่น
“ถ้าคุณเจ็บก็กัดแขนผมได้นะ” เขายื่นมือมาที่ปากฉัน
“ไม่ค่ะ ฉันเจ็บคนเดียวก็พอแล้ว ทำไมต้องให้คนอื่นมาเจ็บกับฉันด้วยล่ะ?”
หมอคลำไหล่ฉันไปมาพร้อมกับคุยสัพเพเหระกับฉันไปด้วย “อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปอยู่ที่ราวกั้นได้ล่ะครับ มันอันตรายขนาดนั้น”
“ที่จริงจะออกไปสูดอากาศค่ะ แต่เห็นเซียวซือเต้นบัลเลต์อยู่ที่ราวกั้น คิดว่ามันอันตรายเลยเข้าไปดึงเธอไว้”
“แล้วทำไมเธอถึงตกลงไปนอกเรือได้ล่ะครับ?”
“เธอดื่มเหล้าแล้วดิ้นขัดขืนฉันเลยชนตัวเธอเข้าน่ะค่ะ”
“อ้อ งั้นก็โชคดีที่มีคุณอยู่ ไม่งั้นเธอคงตกลงไปแน่ๆ…” น้ำเสียงของหมออบอุ่นอ่อนโยนมาก แต่มือของเขากลับออกแรงนวดอย่างแรง “เอาละนะ”
ฉันได้ยินแค่เสียงดัง ‘กึก’ ข้อต่อแขนของฉันถูกดันขึ้น เหมือนกับมันติดกับข้อต่อที่หัวไหล่แล้ว
“โอ๊ย…” ทนเจ็บไม่ไหวจริงๆ ฉันร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนาจนตัวเองยังรู้สึกว่ามันแสบแก้วหู
เรื่องที่ยังไม่เคยเผชิญในชีวิต ช่วงนี้ฉันได้เผชิญมันไปหมดแล้ว
อย่างเช่นการตกทะเล ครั้งก่อนสีชิงชวนก็ช่วยฉันไว้ และอย่างเช่นไหล่หลุด มันเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยจริงๆ
ฉันร้องอย่างเจ็บปวดออกมาไม่หยุด แต่หมอกลับเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณลองแกว่งแขนดูสิครับ น่าจะหายแล้วนะ”
“ไม่เอาค่ะ” ฉันยกมือกุมไหล่ไว้ “มันเจ็บมากเลย”
“ต่อเสร็จก็ไม่เจ็บแล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...