“ผมกินอาหารทะเลไม่ได้ ในอาหารของเธอมีอาหารทะเล”
“งั้นทำไมเซียวซือถึงกลับไปแล้วล่ะ? ”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง? ” เขายิ้มอย่างสบายใจ “ภรรยาของผมไปกินข้าวกับคุณแม่ของคนรักในฝัน แล้วยังเรียกให้แฟนเก่าของผมที่เป็นพี่สาวของเธอมาอยู่เป็นเพื่อนผมอีก ผมควรยุติความสัมพันธ์ที่บ้าบอแบบนี้ทันทีไม่ใช่เหรอ? ”
ทั้งๆ ที่มันก็เป็นเรื่องที่ปกติมากแต่พอออกมาจากปากของเขาแล้วมันกลับดูเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ
จู่ๆ เขาก็เดินลงมาจากเตียง “พวกเราออกไปทานข้าวข้างนอกกันเถอะ พอสั่งอาหารกลับมาแล้วมันไม่อร่อย”
“งั้นอาหารพวกนี้ล่ะจะทำยังไง? ”
“ให้เซ่อเบธกินไปสิ! ”
“เซ่อเบธมันมีปากหรือไง? ”
“ผมสามารถให้วิศวกรติดตั้งปากและกระเพาะให้มันได้นะ” เขาเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว “เซียวเซิง คุณอยากกินอะไร? ”
ฉันยังรู้สึกโกรธอยู่เล็กน้อย ฉันจึงไม่อยากสนใจเขา
เขาเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เขาสวมเสื้อเชิ้ตยีนสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขาสั้นลายดอก
“คุณจะไปเที่ยวเกาะสมุยหรือไง? ”
“ไม่ใช่เวลาทำงานนี่ ต่อให้ผมจะแก้ผ้าออกมาก็ไม่เป็นไร”
“ตำรวจจะมาจับคุณ”
“เอ๊ะ วันนี้คุณใส่ลายจุดนี่” เขาสังเกตฉันอย่างจริงจัง “เหมือนผมจะมีชุดนอนที่เป็นลายจุดเหมือนกัน ผมไปเอามาใส่คู่กับคุณดีกว่า”
ฉันรีบลากเขาออกจากห้อง ไม่อย่างนั้นละก็ไอเดียของเขาได้ไม่เข้าท่ายิ่งกว่านี้อีกแน่
เนื่องจากสีชิงชวนถามฉันว่าอยากทานอะไร ในช่วงหลายวันมานี้ฉันทานอาหารทะเลกับอาหารอ่อนๆ มาเยอะแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ตอนนี้จะอยากทานอาหารรสชาติจัดๆ หน่อย
ฉันพาเขาไปทานช่วนช่วน1 ที่ร้านที่ขายดีที่สุดในเมืองฮวา เพียงแต่หน้าร้านดูทรุดโทรมมากและไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย
ฉันรู้ว่าสีชิงชวนจะต้องไม่ชอบที่นี่อย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงจงใจพาเขามา
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูและเริ่มขมวดคิ้ว “คุณไม่มีที่ที่ดีกว่านี้ให้ไปแล้วเหรอ? ”
“ก็เหมาะกับกางเกงลายดอกของคุณพอดีเลยไง” เขาแต่งตัวฮิปฮอปขนาดนี้ ถ้าไม่มาทานช่วนช่วนที่นี่คงน่าเสียดายแย่เลย
สีชิงชวนใส่หมวกบักเก็ตและแว่นกันแดด คาดว่าน่าจะเพราะกลัวมีคนมาเห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ แต่เขาตัวสูงและรูปร่างดี ยิ่งแต่งตัวแบบนี้คนก็ยิ่งมองมาที่เขา โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ พวกเธอพากันกระซิบกระซาบถามกันว่าสีชิงชวนใช่ดาราหรือเปล่า
“ไม่มีที่นั่งวีไอพีเหรอ? ” เขาเดินตามฉันเข้ามาด้านใน
“ไม่มีค่ะ”
พนักงานต้อนรับพาพวกเราเดินมาที่โต๊ะตัวที่อยู่ตรงกลางร้าน “นี่ค่ะ เหลือแค่โต๊ะนี้แล้ว”
ฉันเอียงหัวไปทางสีชิงชวน “นั่งลงสิ! ”
เขามองไปรอบๆ และนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ
“คุณชอบให้คนอื่นเอาคุณเป็นศูนย์กลางมากที่สุดไม่ใช่เหรอ นี่ไง ตอนนี้สมใจคุณแล้ว”
ฉันวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“คุณจะไปไหน? ”
“ไปหยิบอาหารไง” ฉันนึกขึ้นได้ว่าสีชิงชวนไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย
“บริการตัวเองเหรอ? ” เขาลุกขึ้นยืนตามฉันมาด้วยความสงสัย
“ก็นับว่าใช่นะ” ฉันเดินไปเลือกวัตถุดิบที่หน้าตู้เย็น เขาสวมแว่นกันแดดเดินตามอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันล่ะระแวงจริงๆ ว่าเขาจะมองไม่เห็น
“คุณใส่แว่นกันแดดแล้วจะหยิบของได้ยังไง? ”
“คุณกินอะไรก็ช่วยหยิบมาให้ผมด้วยชุดหนึ่งละกัน”
“งั้นทำไมคุณไม่กลับไปนั่งที่โต๊ะ? ”
“ผมกลัว”
ฉันถือที่คีบไว้ในมือแล้วหันกลับไปมองเขา คนตัวสูงใหญ่เกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบ ตอนนี้กลับมาบอกฉันว่าเขากลัวการอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนนี่นะ?
จะทำตัวน่ารักก็ไม่ควรเป็นวิธีการอย่างที่เขาทำตอนนี้สิ
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันต้องลืมแน่ๆ ว่าเดิมทีสีชิงชวนเป็นยังไง
งั้นก็ดีเลย ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ทานเครื่องใน งั้นฉันก็จะหยิบเครื่องในไปโดยเฉพาะเลยละกัน ถึงยังไงฉันกับเฉียวอี้ก็เหมือนกันอยู่แล้ว ชอบทานเครื่องในทุกชนิด
เมื่อหยิบอาหารมาแล้วเรียบร้อย และหม้อก็ถูกยกมาตั้งเตาแล้ว ฉันจึงใส่อาหารทั้งหมดลงไปในหม้อ
สีชิงชวนเอามือเท้าคางมองมาที่ฉัน “แล้วต้องกินยังไงต่อ? ”
“กินไม้เข้าไปด้วย” ฉันยิ้มเย็น
“คุณกินให้ผมดูหน่อยสิ” เขายิ้มเย็นส่งกลับมาเช่นกัน
“ฉันไม่ได้โง่นะ”
หน้าของเขาแดงเหมือนน้ำสีแดงในหม้อ ฉันยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเขาเล็กน้อย ฉันแยกไม่ออกว่ามันร้อนมากหรือเปล่า แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี
จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเสียใจขึ้นมานิดหน่อย เขายังป่วยอยู่แท้ๆ แต่ฉันก็ยังจะพาเขามาทานช่วนช่วนอีก
สีชิงชวนยังคงดึงดันต่อต้านฉันอยู่ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่กิน
ฉันไม่สนใจว่าเขาจะกินหรือไม่กิน เพราะในใจยังโกรธเรื่องที่เขาหลอกให้ฉันกลับมาอยู่
เขามองไปรอบๆ ร้าน จากนั้นก็ถามฉันว่า “อันที่ดูลื่นๆ ในชามที่โต๊ะข้างๆ กินคืออะไร? ”
“วุ้นน้ำตาลทรายแดงเย็น”
“มันคืออะไร? ”
“เหมือนวุ้นผลไม้ แต่ไม่ใช่วุ้นผลไม้”
“ผมจะกินอันนั้น”
“คุณแน่ใจนะ? ”
“แน่ใจ”
“มันเป็นของหวาน ไม่อิ่มท้อง”
ฉันสั่งวุ้นน้ำตาลทรายแดงเย็นให้เขา ไม่นานมันก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เขาทานเข้าไปได้คำเดียวก็ดันชามไปไว้ด้านข้างอย่างไม่ชอบ “มันสากมาก”
“แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำอย่างประณีตเหมือนขนมหวานตามร้านอาหารฝรั่งพวกนั้น แต่วุ้นเย็นเหมาะกับช่วนช่วนที่สุดแล้ว คุณแน่ใจนะว่าจะไม่กิน? ”
เขาแน่วแน่มาก ในเมื่อเขาอยากหิวตาย งั้นฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
ฉันทานอาหารที่หยิบมาเมื่อสักครู่นี้เข้าไปจนหมด จากนั้นก็เดินไปหยิบมาอีกนิดหน่อย พอหันกลับไปมองคนตัวสูงอย่างเขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเตี้ยๆ แบบนั้น ดูไปแล้วก็น่าสงสารอยู่เล็กน้อย
พอมาคิดดูแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคนอย่างสีชิงชวนจะมานั่งทานช่วนช่วนกับฉันได้โดยที่ยังไม่โกรธ ดังนั้นฉันเองก็ควรจะรู้จักพอได้แล้ว
ฉันหยิบเนื้อวัว เนื้อไก่และพวกอาหารหลักกลับมาให้เขา เขาใช้ตะเกียบจิ้มๆ เค้กข้าวที่ชิ้นหนาเหมือนถ่านรังผึ้ง และถามฉันอย่างไม่ไว้ใจ “นี่คืออะไร? ”
“เค้กข้าว”
“มันไม่เหมือนกับเค้กข้าวที่ผมเคยเห็น”
“รูปร่างเดิมของเค้กข้าวจะไม่ต่างกันมากนัก แต่พ่อครัวตัดออกมารูปร่างไม่เหมือนกัน แค่นี้คุณก็ไม่รู้จักแล้วเหรอ? ”
เขาฝืนใจคีบขึ้นมาและกัดเข้าไปคำหนึ่ง คาดว่ารสชาติน่าจะเป็นที่พอใจอยู่ เขาถึงได้กัดเข้าไปอีกคำ
บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าสีชิงชวนเหมือนเด็ก ต้องให้คนค่อยๆ ใช้คำพูดหลอกล่อ
เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงด้านนี้ออกมาให้ทุกคนเห็น ต่อให้คนอื่นจะอยากหลอกล่อเขามากแค่ไหน มันก็ไม่แน่นอนว่าเขาจะยอมให้โอกาสนี้กับคนอื่นหรือเปล่า
......
[1] ช่วนช่วน ชื่ออาหารชนิดหนึ่งของจีน เป็นเนื้อสัตว์เสียบไม้และเอาไปย่างหรือเอาไปจุ่มในน้ำซุปหม่าล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...