พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 224

“ผมกินอาหารทะเลไม่ได้ ในอาหารของเธอมีอาหารทะเล”

“งั้นทำไมเซียวซือถึงกลับไปแล้วล่ะ? ”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไง? ” เขายิ้มอย่างสบายใจ “ภรรยาของผมไปกินข้าวกับคุณแม่ของคนรักในฝัน แล้วยังเรียกให้แฟนเก่าของผมที่เป็นพี่สาวของเธอมาอยู่เป็นเพื่อนผมอีก ผมควรยุติความสัมพันธ์ที่บ้าบอแบบนี้ทันทีไม่ใช่เหรอ? ”

ทั้งๆ ที่มันก็เป็นเรื่องที่ปกติมากแต่พอออกมาจากปากของเขาแล้วมันกลับดูเป็นเรื่องผิดปกติมากๆ

จู่ๆ เขาก็เดินลงมาจากเตียง “พวกเราออกไปทานข้าวข้างนอกกันเถอะ พอสั่งอาหารกลับมาแล้วมันไม่อร่อย”

“งั้นอาหารพวกนี้ล่ะจะทำยังไง? ”

“ให้เซ่อเบธกินไปสิ! ”

“เซ่อเบธมันมีปากหรือไง? ”

“ผมสามารถให้วิศวกรติดตั้งปากและกระเพาะให้มันได้นะ” เขาเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว “เซียวเซิง คุณอยากกินอะไร? ”

ฉันยังรู้สึกโกรธอยู่เล็กน้อย ฉันจึงไม่อยากสนใจเขา

เขาเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เขาสวมเสื้อเชิ้ตยีนสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงขาสั้นลายดอก

“คุณจะไปเที่ยวเกาะสมุยหรือไง? ”

“ไม่ใช่เวลาทำงานนี่ ต่อให้ผมจะแก้ผ้าออกมาก็ไม่เป็นไร”

“ตำรวจจะมาจับคุณ”

“เอ๊ะ วันนี้คุณใส่ลายจุดนี่” เขาสังเกตฉันอย่างจริงจัง “เหมือนผมจะมีชุดนอนที่เป็นลายจุดเหมือนกัน ผมไปเอามาใส่คู่กับคุณดีกว่า”

ฉันรีบลากเขาออกจากห้อง ไม่อย่างนั้นละก็ไอเดียของเขาได้ไม่เข้าท่ายิ่งกว่านี้อีกแน่

เนื่องจากสีชิงชวนถามฉันว่าอยากทานอะไร ในช่วงหลายวันมานี้ฉันทานอาหารทะเลกับอาหารอ่อนๆ มาเยอะแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ตอนนี้จะอยากทานอาหารรสชาติจัดๆ หน่อย

ฉันพาเขาไปทานช่วนช่วน1 ที่ร้านที่ขายดีที่สุดในเมืองฮวา เพียงแต่หน้าร้านดูทรุดโทรมมากและไม่ได้ตกแต่งอะไรเลย

ฉันรู้ว่าสีชิงชวนจะต้องไม่ชอบที่นี่อย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงจงใจพาเขามา

และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูและเริ่มขมวดคิ้ว “คุณไม่มีที่ที่ดีกว่านี้ให้ไปแล้วเหรอ? ”

“ก็เหมาะกับกางเกงลายดอกของคุณพอดีเลยไง” เขาแต่งตัวฮิปฮอปขนาดนี้ ถ้าไม่มาทานช่วนช่วนที่นี่คงน่าเสียดายแย่เลย

สีชิงชวนใส่หมวกบักเก็ตและแว่นกันแดด คาดว่าน่าจะเพราะกลัวมีคนมาเห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ แต่เขาตัวสูงและรูปร่างดี ยิ่งแต่งตัวแบบนี้คนก็ยิ่งมองมาที่เขา โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ พวกเธอพากันกระซิบกระซาบถามกันว่าสีชิงชวนใช่ดาราหรือเปล่า

“ไม่มีที่นั่งวีไอพีเหรอ? ” เขาเดินตามฉันเข้ามาด้านใน

“ไม่มีค่ะ”

พนักงานต้อนรับพาพวกเราเดินมาที่โต๊ะตัวที่อยู่ตรงกลางร้าน “นี่ค่ะ เหลือแค่โต๊ะนี้แล้ว”

ฉันเอียงหัวไปทางสีชิงชวน “นั่งลงสิ! ”

เขามองไปรอบๆ และนั่งลงอย่างไม่เต็มใจ

“คุณชอบให้คนอื่นเอาคุณเป็นศูนย์กลางมากที่สุดไม่ใช่เหรอ นี่ไง ตอนนี้สมใจคุณแล้ว”

ฉันวางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“คุณจะไปไหน? ”

“ไปหยิบอาหารไง” ฉันนึกขึ้นได้ว่าสีชิงชวนไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลย

“บริการตัวเองเหรอ? ” เขาลุกขึ้นยืนตามฉันมาด้วยความสงสัย

“ก็นับว่าใช่นะ” ฉันเดินไปเลือกวัตถุดิบที่หน้าตู้เย็น เขาสวมแว่นกันแดดเดินตามอยู่ข้างๆ ฉัน ฉันล่ะระแวงจริงๆ ว่าเขาจะมองไม่เห็น

“คุณใส่แว่นกันแดดแล้วจะหยิบของได้ยังไง? ”

“คุณกินอะไรก็ช่วยหยิบมาให้ผมด้วยชุดหนึ่งละกัน”

“งั้นทำไมคุณไม่กลับไปนั่งที่โต๊ะ? ”

“ผมกลัว”

ฉันถือที่คีบไว้ในมือแล้วหันกลับไปมองเขา คนตัวสูงใหญ่เกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบ ตอนนี้กลับมาบอกฉันว่าเขากลัวการอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้คนนี่นะ?

จะทำตัวน่ารักก็ไม่ควรเป็นวิธีการอย่างที่เขาทำตอนนี้สิ

ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันต้องลืมแน่ๆ ว่าเดิมทีสีชิงชวนเป็นยังไง

งั้นก็ดีเลย ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ทานเครื่องใน งั้นฉันก็จะหยิบเครื่องในไปโดยเฉพาะเลยละกัน ถึงยังไงฉันกับเฉียวอี้ก็เหมือนกันอยู่แล้ว ชอบทานเครื่องในทุกชนิด

เมื่อหยิบอาหารมาแล้วเรียบร้อย และหม้อก็ถูกยกมาตั้งเตาแล้ว ฉันจึงใส่อาหารทั้งหมดลงไปในหม้อ

สีชิงชวนเอามือเท้าคางมองมาที่ฉัน “แล้วต้องกินยังไงต่อ? ”

“กินไม้เข้าไปด้วย” ฉันยิ้มเย็น

“คุณกินให้ผมดูหน่อยสิ” เขายิ้มเย็นส่งกลับมาเช่นกัน

“ฉันไม่ได้โง่นะ”

หน้าของเขาแดงเหมือนน้ำสีแดงในหม้อ ฉันยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเขาเล็กน้อย ฉันแยกไม่ออกว่ามันร้อนมากหรือเปล่า แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี

จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเสียใจขึ้นมานิดหน่อย เขายังป่วยอยู่แท้ๆ แต่ฉันก็ยังจะพาเขามาทานช่วนช่วนอีก

สีชิงชวนยังคงดึงดันต่อต้านฉันอยู่ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่กิน

ฉันไม่สนใจว่าเขาจะกินหรือไม่กิน เพราะในใจยังโกรธเรื่องที่เขาหลอกให้ฉันกลับมาอยู่

เขามองไปรอบๆ ร้าน จากนั้นก็ถามฉันว่า “อันที่ดูลื่นๆ ในชามที่โต๊ะข้างๆ กินคืออะไร? ”

“วุ้นน้ำตาลทรายแดงเย็น”

“มันคืออะไร? ”

“เหมือนวุ้นผลไม้ แต่ไม่ใช่วุ้นผลไม้”

“ผมจะกินอันนั้น”

“คุณแน่ใจนะ? ”

“แน่ใจ”

“มันเป็นของหวาน ไม่อิ่มท้อง”

ฉันสั่งวุ้นน้ำตาลทรายแดงเย็นให้เขา ไม่นานมันก็ถูกยกมาเสิร์ฟ เขาทานเข้าไปได้คำเดียวก็ดันชามไปไว้ด้านข้างอย่างไม่ชอบ “มันสากมาก”

“แน่นอนว่ามันไม่ได้ทำอย่างประณีตเหมือนขนมหวานตามร้านอาหารฝรั่งพวกนั้น แต่วุ้นเย็นเหมาะกับช่วนช่วนที่สุดแล้ว คุณแน่ใจนะว่าจะไม่กิน? ”

เขาแน่วแน่มาก ในเมื่อเขาอยากหิวตาย งั้นฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

ฉันทานอาหารที่หยิบมาเมื่อสักครู่นี้เข้าไปจนหมด จากนั้นก็เดินไปหยิบมาอีกนิดหน่อย พอหันกลับไปมองคนตัวสูงอย่างเขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเตี้ยๆ แบบนั้น ดูไปแล้วก็น่าสงสารอยู่เล็กน้อย

พอมาคิดดูแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าคนอย่างสีชิงชวนจะมานั่งทานช่วนช่วนกับฉันได้โดยที่ยังไม่โกรธ ดังนั้นฉันเองก็ควรจะรู้จักพอได้แล้ว

ฉันหยิบเนื้อวัว เนื้อไก่และพวกอาหารหลักกลับมาให้เขา เขาใช้ตะเกียบจิ้มๆ เค้กข้าวที่ชิ้นหนาเหมือนถ่านรังผึ้ง และถามฉันอย่างไม่ไว้ใจ “นี่คืออะไร? ”

“เค้กข้าว”

“มันไม่เหมือนกับเค้กข้าวที่ผมเคยเห็น”

“รูปร่างเดิมของเค้กข้าวจะไม่ต่างกันมากนัก แต่พ่อครัวตัดออกมารูปร่างไม่เหมือนกัน แค่นี้คุณก็ไม่รู้จักแล้วเหรอ? ”

เขาฝืนใจคีบขึ้นมาและกัดเข้าไปคำหนึ่ง คาดว่ารสชาติน่าจะเป็นที่พอใจอยู่ เขาถึงได้กัดเข้าไปอีกคำ

บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าสีชิงชวนเหมือนเด็ก ต้องให้คนค่อยๆ ใช้คำพูดหลอกล่อ

เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงด้านนี้ออกมาให้ทุกคนเห็น ต่อให้คนอื่นจะอยากหลอกล่อเขามากแค่ไหน มันก็ไม่แน่นอนว่าเขาจะยอมให้โอกาสนี้กับคนอื่นหรือเปล่า

......

[1] ช่วนช่วน ชื่ออาหารชนิดหนึ่งของจีน เป็นเนื้อสัตว์เสียบไม้และเอาไปย่างหรือเอาไปจุ่มในน้ำซุปหม่าล่า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)