ฉันไม่เพียงแต่จะไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ของหนีอีโจวในตอนเย็น แม้แต่โทรศัพท์ก็ลืมโทรให้ มิหนำซ้ำโทรศัพท์ยังแบตหมดอีกต่างหาก หลังจากที่กลับไปชาร์จก็ดันลืมเปิดเครื่องอีก พอได้นอนก็หลับไปจนถึงวันรุ่งขึ้น
ช่วงเช้าไปบริษัทเจอเฉียวอี้ เธอซักไซ้ไล่เลียง ฉันถึงเพิ่งนึกขึ้นได้
“เมื่อคืนวานทำไมถึงโทรหาเธอไม่ติด คุณรู้ไหมว่าพี่เสี่ยวฉวนตามหาเธอแทบพลิกแผ่นดิน นึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอซะอีก”
“โทรศัพท์ฉันแบตหมด ลืมเปิดเครื่องด้วย”
“ฉันบอกพี่เสี่ยวฉวนไม่ได้อีกว่าเธอออกไปเที่ยวกับสีชิงชวน ได้แต่บอกไปว่าเธอเมาเรือ รู้สึกไม่สบายจึงกลับไปพักผ่อน”
“อ้อ” ฉันรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “ฉันจะรีบโทรหาเขาประเดี๋ยวนี้”
ไม่ทันไรเขาก็รับสาย ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ
“อีโจว เมื่อคืนฉัน...”
“คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” หนีอีโจวรับพูดทันที “เฉียวอี้บอกว่าคุณไม่สบาย ไม่สบายตรงไหนเหรอ? จะไปโรงพยาบาลไหม?”
“ที่จริงฉันไม่ได้...” ฉันไม่อยากโกหก ทว่าเฉียวอี้หยีตาให้ฉันตลอด
ฉันจึงเลือกที่จะไม่พูดอะไรทั้งนั้น อย่างน้อยก็ดีกว่าการพูดโกหกและกัน
เขาเป็นห่วงอย่างมาก “คุณก็ดูแลสุขภาพด้วยละกัน ถ้าไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาล”
“ฉันไม่เป็นอะไร แล้วคุณน้า...”
“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไร” หนีอีโจวละมุนละไมเป็นอย่างมาก “มาเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าคิดมากก็พอ”
“เที่ยงวันพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณน้าแน่นอน เพราะเมื่อครู่เลขาให้แผนงานฉันดูหลายฉบับ ฉันกลัวว่าตอนเที่ยงจะดูไม่จบ”
“อันที่ไม่เข้าใจก็วางไว้ก่อน ตอนบ่ายเดี๋ยวผมมาช่วยดู”
“ค่ะ”
ได้พูดคุยกับหนีอีโจวให้ความรู้สึกสบายๆผ่อนคลายเหมือนอาบลมในฤดูใบไม้ผลิ ไม่เหมือนกับสีชิงชวนที่พูดฉอดๆทำร้ายผู้อื่น
ฉันเพิ่งจะวางสายไป ก็ได้ยินหร่วนหลิงเคาะประตู “ท่านประธาน คุณสีมาค่ะ”
สีชิงชวนมาทำอะไรอีกเนี่ย?
ฉันเดินไปที่ประตู เห็นเขาสวมชุดสูทสีเทาอ่อน เน็กไทสีเงิน ใส่แว่นตาไร้กรอบ ดูเหมือนจะสวยแต่รูปจูบไม่หอม
“เขามาทำไมอีกเนี่ย?”
“ประชุม” เขาเดินเข้ามา “อย่าบอกนะว่าคุณลืมแล้ว”
ตื่นมาตอนเช้าเขาก็ไม่อยู่แล้ว ยัยเซ่อเบธบอกว่าเขาไปบริษัทแล้ว ฉันลืมเรื่องประชุมที่เกี่ยวข้องกับเกาะสุริยาของเซียวซื่อกรุ๊ปในวันนี้ไปสนิทเลย
“ไม่ได้ลืม” ฉันตอบได้ใจแป้วมาก
จู่ๆเขาก็ปลดเน็กไทออก ใจฉันแทบจะตกไปที่ตาตุ่ม
เขาคงจะไม่แก้ผ้าทำเรื่องผิดศีลธรรมกับฉันต่อหน้าเฉียวอี้และหร่วนหลิงหรอกนะ?
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“ผูกเน็กไทได้ไม่สวย คุณช่วยผมที” เขาวางเน็กไทลงบนมือฉัน
ฉันได้แต่เขย่งปลายเท้าขึ้น “คุณก้มลงหน่อย สูงเกินฉันเอื้อมไม่ถึง”
“ตอนเด็กคุณถูกรังขนาดไหนกันเชียวนะ แม้แต่ตัวยังไม่โตเลย”
เขามาทำให้ฉันโชคร้ายแต่เช้าเลย ฉันแทบอยากจะรัดคอเขาให้ตายด้วยเน็กไทเสียจริง “ฉันสูง 168 ไม่ถือว่าเตี้ยนะ ใครให้สูงโลดซะขนาดนั้นล่ะ”
เขาโค้งตัวลงครึ่งนึง ฉันจึงช่วยเขาผูกเน็กไท
ฉันผูกเน็กไทได้ช่ำชองมาก หัวคิ้วของเขาเริ่มขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ผูกให้ผู้ชายมานักต่อนักสิท่า?”
“แหงอยู่แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งผูกแทบทุกวัน”
“เหอะ พ่อของคุณนะสิ” เขาพูดแทงใจดำ
ฉันเม้มปากยิ้ม จู่ๆเขาจูบลงบนริมฝีปากของฉัน ฉันตกใจเลยรีบเอามือปิดปาก หร่วนหลิงกับเฉียวอี้ก็อยู่ในออฟฟิศฉันด้วย “คุณทำอะไรหน่ะ?”
“ชิมดูว่าวันนี้คุณใช้ลิปสติกรสอะไร”
ฉันมองพวกเขาไปชั่วขณะ และพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ไม่ต้องประชุมหรอ ไม่ต้องเตรียมเอกสารหรือยังไง? หร่วนหลิง งานของคุณทำเสร็จหมดยัง?”
“ยังค่ะ ฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้” เธอรีบเผ่นหนีเอาตัวรอด
เฉียวอี้กอดคอฉันด้วยความไร้ยางอาย “เซียวเซิง เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองกับสีชิงชวนจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปไกลหน่อยเหรอ?”
“ไปไกลขนาดไหนล่ะ”
“เธอยอมรับมาแต่โดยดีเถอะ สถานะของพวกเธอทั้งคู่ ยี้ๆๆ มันช่างหวานเลี่ยนเสียเหลือเกิน”
“นี่เป็นการประชาสัมพันธ์ เรื่องเท็จ เรื่องเท็จ!”
“ใครจะไปเชื่อล่ะ เซียวเซิง ตาเธอลุกวาวนะ”
“ตาลุกวาวน่าจะเป็นหมาป่ามากกว่านะ” ฉันตีเธอเข้าอย่างแรง “รีบไปเตรียมข้อมูล จะประชุมอยู่แล้ว!”
เช้าตรู่ก็ดันถูกทำให้จิตใจกระสับกระส่ายซะแล้ว ฉันสูดหายใจเข้าลึกเพื่อจะเอาสติสตางค์ไปจดจ่อกับการทำงาน
เพิ่งจะเปิดประตูออฟฟิศก็เห็นเซียวหลิงหลิงท่าทางดุร้ายยืนอยู่หน้าประตู
“เซียวเซิง ดีจริงๆ!” ดูท่าอยากจะกระโจนเข้ามาฉีกฉันเป็นผุยผง “แกยึดห้องแม่ฉันไปตอนที่เธอไม่อยู่ แกมันไอ้ลอบกัด!”
เฉียวอี้รีบมาบังอย่างทันท่วงที รูปร่างสีโปร่งเกือบจะ 180 อย่างเธอบังเซียวหลิงหลิงที่รูปร่างไม่สูงมากนักจนมิดเชียว
“เซียวหลิงหลิง ฉันว่าเธออย่ามาหาเรื่องจะดีกว่า สามีของเธอสีชิงชวนอยู่ที่ห้องประชุมแรกด้านซ้ายมือข้างหน้าในตอนนี้ เมื่อวานเป็นเขาที่สลับออฟฟิศของท่านประธานมาที่นี่ ถ้าจะหาเรื่องก็ไปหาเรื่องเขา”
รังสีแผ่ออกมาจากตัวเซียวหลิงหลิงอ่อนกำลังลงไปไม่น้อย “เขาไม่ใช่คนของเซียวซื่อกรุ๊ปสักหน่อย มีสิทธิ์อะไรมาเปลี่ยนออฟฟิศ?”
“อย่าลืมสิ เขาเป็นถึงสามีของท่านประธาน เห็นท่านประธานได้รับความไม่เป็นธรรม เป็นถึงสามีจะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเลยหรือ?”
“เธอแย่งสามีของเซียวซือไป เซียวเซิง เธอมันผู้หญิงใจแตก!”
“เธอจะตะโกนทำไม เห็นว่าที่นี่เป็นตลาดนัดหรือยังไง?” เฉียวอี้ผลักเธอออก เธอแรงเยอะเป็นพิเศษ เซียวหลิงหลิงถูกผลักออกจนโซซัดโซเซ
ฉันห้ามเฉียวอี้ไว้ “อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่บริษัท”
เฉียวอี้ถึงจะหยุด และกันฉันไว้ให้เดินผ่านเซียวหลิงหลิงไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...