พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 264

แน่นอนว่าฉันไม่ได้ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เครื่องสแกนเป็นมิตรกับฉันมาก มันหมุนวนรอบศีรษะของฉันหนึ่งรอบ จากนั้นสักพักมันก็ส่งฉันออกมา

สีชิงชวนรออยู่ที่เดิม ไฟของห้องซีทีสแกนมหัศจรรย์มาก เมื่อแสงไฟส่องลงบนใบหน้าของเขาก็ยิ่งทำให้เขาดูน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิม

มือของเขาที่ประคองฉันลงจากแท่นเย็นเล็กน้อย แต่ฉันไม่ได้คิดว่าเป็นเพราะเขาเครียด

ไม่นานผลตรวจก็ออกมา เขาเพิ่งจะอุ้มฉันมานั่งบนรถเข็น คุณหมอก็ถือผลตรวจเดินออกมาบอกพวกเราแล้ว

“คุณสีครับ ผลซีทีสแกนแสดงให้เห็นว่าสมองของคุณนายสีไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ”

“คุณหมอ ผมขอคุยด้วยหน่อย” สีชิงชวนผลตรวจไปจากมือของคุณหมอจากนั้นก็พากันเดินไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันเป็นโรคที่รักษไม่หายจนต้องคุยกันลับหลังฉัน

ฉันแค่ขอร้องว่าอย่าให้สีชิงชวนรู้ความจริงว่าฉันโกหกเขาเลย ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะถูกเขาตัดมือตัดเท้าแยกร่างออกจากกัน หรือเป็นไปได้ว่าอาจจะโดนมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ

ผ่านไปสักพักเขาก็เดินเข้ามานั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าฉันแล้วมองตรงมาที่ฉัน

ฉันโดนเขามองจนขนลุกไปหมด “คุณหมอบอกว่าฉันเป็นโรคที่รักษาไม่หายเหรอ? ”

“เปล่า”

“แต่แววตาของคุณเหมือจะเป็นอย่างนั้น”

“เซียวเซิง คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าคุณเป็นโรคชนิดหนึ่ง? ”

“หา? ฉันไม่รู้เลย”

“คุณเดินละเมอ” เขาบอกความจริงที่โต้แย้งไม่ได้กับฉันด้วยความเศร้าปนเจ็บแค้น

ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะบอกกับฉันตรงๆ แบบนี้ และเมื่อสักครู่นี้พอยังไม่ได้จัดการกับสีหน้าท่าทางที่แสดงออกมา จึงคาดว่าท่าทางของฉันน่าจะดูมึนงงเล็กน้อย

ฉันกะพริบตาและพยายามแสดงละครต่อ “ฉันเดินละเมอ เมื่อกี้ซีทีสแกนตรวจเจองั้นเหรอ? ”

“ซีทีสแกนไม่ได้บอกว่าคุณมีความผิดปกติใดๆ ที่สมอง ซีทีสแกนไม่มีปัญหา แต่ผมดูกล้องวงจรปิด เมื่อคืนคุณออกไปจากห้อง ไม่ได้นอนอยู่ตลอดเวลา”

“จริงเหรอ? ” ฉันเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ “ฉันออกไปจากห้องเหรอ? ฉันไม่รู้ตัวเลยสักนิด! ”

“ท่าทางของคุณที่อยู่ในกล้องวงจรปิดดูเหมือนเดินละเมอ ดังนั้น เซียวเซิง คุณเป็นโรคเดินละเมอจริงๆ ” เขาประกาศออกมาอย่างเจ็บปวด

ฉันต้องแสดงสีหน้าท่าทางออกมาได้ดูเจ็บปวดกว่าเขา และกำลังคิดว่าฉันต้องเอามือปิดปาก น้ำตาไหลพรากด้วยไหม

“คุณไม่รู้จริงๆ เหรอว่าคุณเดินละเมอ? ” เขาลูบผมฉันด้วยความสงสาร

“ไม่รู้เลย” ฉันเอ่ยอย่างเศร้าเสียใจ

“อ๋อ” เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่จู่ๆ เขาก็เอ่ยถามคำถามที่คาดไม่ถึงขึ้นมา “ในเมื่อคุณไม่รู้ว่าคุณเป็นโรคเดินละเมอ งั้นเฉียวอี้รู้ได้ยังไง? ”

ฉันกำลังจะเตรียมแสดงต่อไป แต่จู่ๆ พอมาได้ยินคำถามนี้ของสีชิงชวน ฉันก็แทบจะสำลักน้ำลายตาย

ฉันหลบสายตาเขาด้วยความลุกลี้ลุกลน ในหัวหมุนติ้วเป็นกังหันลม

“ฉันกับเฉียวอี้นอนด้วยกันบ่อยๆ เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่เธอจะรู้ว่าฉันละเมอ” ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายจู่ๆ ฉันก็คิดเหตุผลดีๆ ขึ้นมาได้ และรู้สึกว่าตัวเองมีไหวพริบดีมาก

“อ๋อ แต่ว่าเฉียวอี้บอกว่าคุณเป็นคนบอกเรื่องที่คุณเป็นโรคเดินละเมอกับเธอเอง”

“อะไรนะ? ” ฉันตกตะลึงตาค้าง ฉันกับเฉียวอี้แค่สมรู้ร่วมคิดกันอย่างง่ายๆ จึงไม่ได้นัดกันไว้เลย

จู่ๆ สีชิงชวนก็ยิ้มออกมา เขาออกแรงจิกเส้นผมของฉันเล็กน้อย “เหตุผลห่วยๆ ของคุณนี่ใครเป็นคนคิดขึ้นมา? คุณหรือว่าเฉียวอี้? ”

“เจ็บๆ ” ฉันดึงผมของฉันออกมาจากมือของเขา

เมื่อกี้นี้ฉันยังคิดว่าเขาตกหลุมพรางเข้าให้แล้วอยู่เลย และยังกระหยิ่มยิ้มย่องว่าฉันสามารถหลอกสีชิงชวนได้แล้ว

แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น

แววตาของเขาดูเย็นชา “เมื่อคืนคุณออกไปที่สวนดอกไม้ และเห็นอยู่ชัดๆ ว่าผมกลับมาแล้วแต่ก็ไม่เข้าไปทักทาย เอาแต่มองดูผมตามหาคุณไปทั้งโรงพยาบาลแล้วก็วิ่งออกไปตามหาข้างนอกอีก”

“คุณรู้แล้วเหรอ? ”

“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนี่ ผมดูกล้องวงจรปิดแล้ว ในเมื่อผมเห็นว่าคุณเดินออกจากห้องไป แล้วจะไม่เห็นว่าคุณไปที่สวนดอกไม้ได้ยังไง? ”

ฉันชะล่าใจไป คิดว่าหลอกสีชิงชวนมาได้ทั้งคืนแล้วก็จะหลอกเขาได้จริงๆ

ปลิวหายไปหมดแล้ว

จะทำยังไงดี ดูจากนิสัยใจคอของสีชิงชวนแล้ว เขาต้องบดขยี้ฉันให้ตายแน่ ฉันเล่นหลอกเขาแบบนี้

แกล้งตายล่ะ ก็เป็นไปไม่ได้อีก ฉันไม่ใช่หมีดำสักหน่อยที่จะแกล้งตายได้ทุกเวลา

ฉันแกล้งทำเป็นเวียนหัวน่าจะพอได้อยู่นะ

ฉันกุมหัว “ฉันเวียนหัว โอ๊ยเวียนหัว เวียนหัวมาก ฉันเวียนหัวจัง”

“เซียวเซิง” น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย

ในใจของฉันหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับฉัน

ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับภาพวาดภูเขาและแม่น้ำที่วาดออกมาด้วยสีเลือด เขาจ้องมองมาจนทำให้ในใจของฉันสับสนวุ่นวาย

“ทำ ทำอะไร? ”

“คุณชอบผมเหรอ? ” เขาพูดออกมาชัดๆ ทีละคำ เป็นการรับประกันว่าฉันจะฟังทุกคำที่เขาพูดออกแน่นอน

แน่นอนว่าฉันฟังออกอยู่แล้ว และในใจของฉันก็มีคำตอบอยู่แล้วด้วย

ฉันพยายามโต้แย้งอย่างสุดความสามารถ “คุณอย่าคิดมากเกินไปสิ ฉันไม่ได้ชอบเลยสักนิด”

“ไม่ชอบก็ดี” เขาปล่อยนิ้วมือที่จับคางของฉันอยู่ออก และกลับไปนั่งบนเก้าอี้ “อย่าชอบผม อย่าตกหลุมรักผม”

ฉันมองไปที่เขาด้วยความไม่เข้าใจ แต่เขากลับนั่งไขว่ห้างอ่านเอกสารในโทรศัพท์

ฉันไม่รู้ว่าประโยคนี้ของเขาหมายความว่ายังไง สิ่งที่เขาพูดทำให้ฉันจิตใจว้าวุ่นมากๆ

อะไรคืออย่าชอบเขา อะไรคืออย่าตกหลุมรักเขา?

งั้นฉันเข้าใจแบบนี้ได้ไหมว่าเขาไม่อยากให้ฉันชอบเขา ไม่อยากให้ฉันตกหลุมรักเขา?

โอ้ มีตอนไหนบ้างที่สีชิงชวนจะไม่มีคนมารัก? จะพูดแบบนี้ก็ได้ว่าสตรีมีชื่อเสียงทั้งหมดในเมืองฮวารักเขา มีบางคนที่ถือว่าการได้รับสายตารักใคร่จากเขาเป็นภารกิจตลอดชั่วชีวิตนี้ของตัวเอง

เขาดูสงบนิ่งมาก ฉันเองก็ดูสงบนิ่งมากเหมือนกัน

แต่ในใจของฉันกลับเหมือนมีอะไรบางอย่างค่อยๆ หล่นลงไป หล่นลงไปในหลุมดำที่ฉันมองไม่เห็น

จนถึงกลางดึก ฉันนอนมองเพดานอันมืดมิดอบู่บนเตียง จึงได้รู้ว่าความรู้สึกแบบนั้นเรียกว่าความอ้างว้าง

เหอะ อย่าว่าแต่แอบรักเลย

เพราะแม้แต่แอบรักฉันก็ไม่มีคุณสมบัตินั้น

ผู้ชายเจ้าชู้ตัวพ่ออย่างสีชิงชวน ถ้าฉันถูกทำให้ลุ่มหลงเล็กน้อยแล้ว งั้นตอนนี้ก็รีบดึงตัวเองออกมาดีกว่า

มันยังไม่สายไปใช่ไหม?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)