พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 267

“ธุรกิจครอบครัว ใครจะมาว่าความให้คุณ?” ซีชิงชวนเย้ยหยัน “แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีสิทธิ์สั่นคลอนตำแหน่งประธาน แต่คงจะซื้อใจไม่ได้แล้ว แล้วจะบริหารบริษัทยังไงถ้าไม่มีคนนับถือ?”

“ครั้งที่แล้วได้เรียกผู้บริหารระดับสูงของเซียวซื่อกรุ๊ปมาจนดึกไม่ใช่เหรอ และเซียวเซิงก็เอาพวกเขาอยู่หมัดไม่ใช่เหรอ?”

“คุณคิดว่าเพราะอะไรล่ะ?” สีชิงชวนโน้มตัวลงและจ้องมาที่เรา

เป็นผียังรู้เลยว่าคนที่พวกเขากลัวไม่ใช่ฉัน แต่เป็นสีชิงชวน

เฉียวอี้กรอกตามองบน แม้ว่าเธอจะไม่พอใจ แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้อยู่ในใจ

“เซียวเซิง” สีชิงชวนดึงฉันออกมาจากด้านหลังเฉียวอี้และมองมาที่ฉัน “ฉันสามารถสนับสนุนคุณตลอดไปได้ไหม? หืม?”

ในเมื่อเขาถามอย่างนั้น แน่นอนว่าเขาย่อมทำได้

ฉันจะกล้าดียังไงไปหวังให้เขาปกป้องฉันไปตลอดชีวิต นอกจากนี้เขายังอารมณ์แปรปรวน ใครจะไปรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

ฉันกระสับกระส่ายและเฉียวอี้โอบไหล่ฉัน “เซียวเซิงไม่ต้องกลัว ถ้าสีชิงฉวนพึ่งไม่ได้เธอยังมีฉัน ฉันจะเป็นป้อมปราการที่แข็งแกร่งของเธอเสมอ แม้ว่าพวกเขาจะมีเครื่องบินหรือระเบิดต่าง ๆ ก็ไม่สามารถเข้ามาได้”

ถ้าเฉียวอี้เป็นผู้ชาย ฉันคงแต่งงานกับเธอไปนานแล้ว

ด้วยความกลัวว่าทั้งสองคนจะทะเลาะกันอีก ฉันจึงเกลี้ยกล่อมให้เฉียวอี้ให้กลับไปเพราะยังไงก็ใกล้จะถึงเวลางานแล้ว

สีชิงชวนพิงหัวเตียงโดยกอดอกและเอาแต่มองมาที่ฉัน เขามองจนทำให้ใจฉันว้าวุ่น

ฉันจับหน้าตัวเอง “มีอะไรอยู่บนหน้าของฉันเหรอ?”

“ขี้ขลาด”

จำเป็นต้องแทงใจดำขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ไว้หน้าฉันเลยสักนิด

ฉันเลิกสนใจเขาและนอนลงแสร้งเป็นศพ

สีชิงชวนเดินมาถึงข้างเตียงของฉัน “คุณวางแผนว่าจะทำยังไงต่อ?”

“ทำอะไร?”

“เรื่องหนังสือสัญญาที่ร่วมลงนาม”

“จำเป็นต้องทำอะไรด้วยเหรอ?” ฉันไม่รู้จริง ๆ เรื่องแบบนี้เท่ากับกระบวรการยุติธรรมทางแพ่ง ดังนั้นฉันจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้จะดีกว่า

“คุณไม่วางแผนที่จะทำอะไรเลยเหรอ? จะปล่อยให้เรื่องสะสมแบบนี้เหรอ?”

“เมื่อกี้เฉียวอี้เพิ่งบอกไม่ใช่เหรอว่าพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะปลดฉันออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้มันไม่สำคัญว่าฉันจะไม่ได้เป็นประธาน ฉันไม่ใช่สิ่งของสักหน่อย”

ฉันพูดด้วยความจริงใจและฉันไม่ได้อยากได้ตำแหน่งนี้ตั้งแต่แรก แต่พ่อยกให้ฉัน แล้วจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะ?

ฉันรู้สึกถึงความร้อนบนศีรษะ จึงเปิดตาข้างหนึ่งเบา ๆ และเห็นสีชิงชวนกำลังก้มลงเหลือบมองฉัน

สายตาของเขาคมกริบราวกับเข็มเงินเล่มเล็ก ๆ ที่ทิ่มแทงฉัน

“ในเมื่อคุณไม่มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ทำไมคุณยังครองตำแหน่งนี้อยู่? ถ้างั้นก็สละตำแหน่งเถอะ เซียวหลิงหลิงไม่ใช่สิ่งของนั้นและแม่เลี้ยงของคุณก็แก่แล้ว คุณสละตำแหน่งให้เซียวซีไม่ดีกว่าเธอ เธอยังเด็ก ฉลาดและไฟแรง เหมาะสมกว่าคุณเป็นพันเท่า”

ฉันไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือพูดเล่น เขาเข้าข้างเซียวซีจริง ๆ หรืออย่างไร?

“ฉัน...”

“ทำไม เสียดายอีกเหรอ? ตัวเองทำไม่ดีแล้วยังบ่นทั้งวันว่าไม่อยากทำ ในเมื่อฝืนทำจนมีสภาพแบบนี้ เอาไปให้คนที่มีความทะเยอทะยานทำไม่ดีกว่าเหรอ ตำแหน่งประธานไม่ใช่งานที่ไร้ค่า ฉันเคยเห็นกับตาว่าลูกผู้ดีมีเงินหลายคนทำให้ธุรกิจของครอบครัวล้มละลาย แม้ว่าเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกเธอจะมีรากฐานที่ลึกซึ้ง แต่ถ้าคุณยังเล่นแบบนี้ต่อไป บวกกับที่คุณซื้อใจใครไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะจบลงเหมือนกับลูกผู้ดีพวกนั้น”

สีชิงชวนพูดจนฉันรู้สึกอกสั่นขวัญหาย ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้พยายามทำให้ฉันกลัวและเขามีเหตุผลของเขาในสิ่งที่พูด

ทว่าฉันต้องลองสู้ดูสักตั้ง

ฉันคิดอยู่พักหนึ่ง “ฉันไม่มีวันทำให้เซียวซื่อกรุ๊ปพังแน่นอน เซียวซื่อกรุ๊ปมีหัวกะทิเยอะมาก แถมซียวซีก็อยู่ที่นั่นด้วย”

“ไม่” ฉันส่ายหัว “ยังไงข้างในก็เป็นแค่เนื้อเต้าฮวย ไม่เป็นไร”

เขาหงุดหงิดมากและหันหน้าไปทันที “คุณไม่ใช่คนที่โง่ที่สุดที่ผมเคยเจอ แต่คุณเป็นคนที่ไร้ความสามารถมากที่สุด”

เขาดึงมือตัวเองกลับ “อย่าไปกระแทกโดนศรีษะจนทำให้ตัวเองนอนตายอยู่บนเตียงโรงพยาบาล”

เขายืดตัวขึ้น จากนั้นหันหลังกลับและเดินจากไป ซ้ำยังปิดประตูอย่างแรง เสียงดังโครมคราม

ฉันไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงโกรธขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเขาโกรธเพราะเขาต่อสู้เพื่อตำแหน่งประธานของเซียวซื่อกรุ๊ปแล้วฉันไม่ได้ให้เธอ ดังนั้นเขาก็เลยโกรธ?

อันที่จริง เรื่องนี้สามารถพิจารณาและปรึกษากันได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต่รองกันไม่ได้สักหน่อย

แม้ว่าพ่อจะกล่าวไว้ในพินัยกรรม แต่เซียวซีก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเขา แม้ว่าฉันจะยกตำแหน่งประธานาให้เธอ พ่อก็จะไม่ตำหนิฉันเพราะยังไงเซียวซีก็มีความสามารถมากกว่าฉัน

ฉันจะลองคิดทบทวนอย่างรอบคอบ แต่ไม่ใช่ว่าจะตอบตกลงตอนนี้นี่นา สีชิงชวนใจร้อนเกินไป

บางทีเขาอาจจะหาว่าฉันไร้ความสามารถจนเอาศีรษะตัวเองชนตอนนั่งอยู่บนเตียงก็ได้!

โดยปกติแล้วคนที่มีความสามารถมากจะไม่ชอบคนธรรมดาที่ไร้ความสามารถ และสีชิงชวนก็ประเมินฉันแบบนั้น

เขาต้องไม่พอใจว่าทำไมเขาถึงแต่งงานกับผู้หญิงที่ขี้ขลาดและโง่เขลาแบบนี้

เหอะ ฉันไม่ได้โง่สักหน่อย ฉันแค่ขี้ขลาดก็เท่านั้น

ข้างนอกฝนตกแล้ว ฉันเท้าคางมองเม็ดฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างและนึกถึงคำถามที่ฉันคิดมาตั้งแต่เด็ก

คนเราทะเลาะกันทำไม? ทำไมต้องไปไขว่คว้าของที่ไม่ใช่ของตัวเอง?

แล้วอะไรล่ะที่ควรเป็นของฉัน?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)