“เธอพูดจริงเหรอ?”
“จริงเสียยิ่งกว่าไข่มุก”
ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าพลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นบริเวณประตู สีชิงชวนเดินกลับมาแล้ว
ฉันเงียบปากได้ทันเวลา สีชิงชวนเดินมาด้านหน้าเตียงของฉันพลางชี้นิ้วไปทางจมูกของเฉียวอี้ “คุณออกไป ผมมีเรื่องจะคุยกับเซียวเซิง”
“มีอะไรจะคุยก็คุยมาตอนนี้เลย” เฉียวอี้นอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“เฉียวอี้ อย่าให้ผมต้องลากคุณออกไป”
“ถ้าหากคุณสามารถลากได้ก็เอาเลย”
สีชิงชวนลากหล่อนออกไปจริงๆ เขากระชากเฉียวอี้ลงจากเตียง จากนั้นดึงหล่อนออกไปจากห้องพักผู้ป่วยของฉัน จากนั้นเขาปิดประตูเสียงดังลั่น เสียงร้องตะโกนของเฉียวอี้ดังมาจากด้านนอกประตู
“สีชิงชวน คุณเปิดประตู พวกเรามาสู้กันตัวต่อตัว”
สีชิงชวนเดินกลับมาบริเวณเตียงของฉัน จ้องมองฉัน “เซียวเซิง”
“จะทำอะไร?” ฉันคิดว่าสีหน้าของเขาดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย จากนั้นฉันลุกขึ้นนั่ง “คุณกำลังจะทำให้เฉียวอี้คลั่ง”
“หล่อนจะคลั่งอย่างไรก็เรื่องของหล่อน ผมถามคุณหน่อย ทำไมคุณถึงไม่ท้อง?”
เขาจะวุ่นวายกับเรื่องนี้อีกนานแค่ไหน?
“ไม่ท้องก็คือไม่ท้องไง”
“ผมไม่ได้มีปัญหา” เขาเอ่ยเน้นย้ำทีละคำ “ก่อนหน้านี้ผมได้ทำการตรวจดูแล้ว สำหรับด้านนี้ผมเป็นปกติดี”
“ฮู่ว” ฉันรู้สึกผิดเล็กน้อย “ยินดีกับคุณด้วย”
“ดังนั้น” เขากดไหล่ของฉันไว้ แม้ว่าจะไม่เจ็บแต่ก็รู้สึกอึดอัด “คุณกินยาคุมใช่ไหม?”
“อาจจะใช่มั้ง?” ฉันผลักมือของเขาออก “หรือว่าฉันจะต้องกำเนิดลูกให้คุณงั้นเหรอ? ความสัมพันธ์ของฉันกับคุณทำไมจะต้องมีลูกด้วย น่าแปลกจัง”
เสียงของฉันนั้นดังมาก ฉันคิดว่าเขาจะโกรธ
เขายืนนิ่งงันอยู่ด้านหน้าเตียงของฉันเป็นเวลานาน กระทั่งฉันเงยหน้าขึ้นเพื่อดูท่าทางและสีหน้าของเขา เขาก็เดินออกไปยังห้องโถงเล็กเสียแล้ว
ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ฉันไม่รู้ว่าทำไมสีชิงชวนถึงเป็นแบบนี้ ฉันคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
เมื่อฉันล้มตัวลงนอน ฉับพลันความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในสมอง
เขาเองก็ได้ทำการตรวจทางด้านนี้แล้ว เซียวซือเองก็ทำการตรวจทางด้านนี้แล้วเช่นกัน หรือเป็นเพราะว่าครั้งก่อนฉันบอกเขาว่าเซียวซือนั้นไม่สามารถมีลูกได้แล้ว เช่นนั้นเขาเลยอยากจะมีลูกกับฉัน?
จากนั้นเขาก็หย่ากับฉันและไปคบหากับเซียวซือ และมีทายาทสืบสกุลให้กับเขา ใช่หรือไม่?
แม้ว่าความคิดนี้ของฉันทำให้สีชิงชวนดูต่ำช้าและสกปรก แต่ฉันคิดว่าฉันน่าจะคาดเดาได้ถูกต้อง
ไม่อย่างนั้นสมองของเขาคงจะมีปัญหา เขาถึงได้อยากจะมีลูกกับฉัน
ช่างน่าเศร้า ชีวิตของฉันกลายเป็นเครื่องมือของการสืบพันธุ์
ฉันนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงอย่างไร้ความหมาย
ฉับพลันก็รู้สึกว่าชีวิตนั้นน่าเบื่อหน่าย
พ่อเฉียวป่วย เฉียวอี้ก็ต้องกลับไปยังเฉียวกรุ๊ป เมื่อหล่อนเริ่มทำงาน หล่อนจะต้องยุ่งมากอย่างแน่นอน จากนั้นฉันก็คงจะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ฉันนอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน ตื่นทุกหนึ่งชั่วโมงโดยเฉลี่ย
ในทุกครั้งที่ฉันตื่น สีชิงชวนก็ยังไม่นอน เขานั่งอยู่บนโซฟาและใช้โน้ตบุคทำงาน
เมื่อฉันเดินเข้าห้องน้ำ เขาเงยหน้าขึ้นและถามฉัน “ให้ช่วยไหม?”
“สำหรับเรื่องนี้เกรงว่าคุณคงไม่อาจช่วยฉันได้”
เขาก้มศีรษะลงอีกครั้งและกลับไปทำงานต่อ
เมื่อฉันเข้าห้องน้ำเสร็จ ฉันบอกเขา “อดหลับอดนอนบ่อยๆอาจจะเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ท้ายที่สุดคุณก็จะไม่มีทายาท”
เขาไม่แม้แต่จะชำเลืองมองฉัน “ขอบคุณที่เตือน”
เขายังคงอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องที่ฉันกินยาคุม
เขาคิดว่าฉันอยากกินสินะ ถ้าหากเขาไม่แตะต้องฉัน แม้แต่ยาฉันก็ไม่ต้องการกินด้วยซ้ำ
ครั้งสุดท้ายที่ฉันหลับไปน่าจะเป็นช่วงเวลาเกือบรุ่งสาง
ก่อนหน้านี้หล่อนเคยอาศัยอยู่ที่เมืองฮวา คอยหาเรื่องก่อกวนแม่เฉียวอย่างไม่ลดละ จากนั้นหลายปีถัดมาได้ไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ
เรื่องข่าวคราวหล่อนนั้นรอบรู้เป็นอย่างมาก ทันทีที่ข่าวอาการเจ็บปวดของพ่อเฉียวแพร่กระจายออกไป เธอกลับมายังประเทศในทันใด
ฉันดื่มซุปภายใต้ความเงียบ หูของฉันแทบจะลุกขึ้นอยู่แล้ว
“คุณว่าอย่างไรบ้าง?” เสียงของพ่อเฉียว
“เจี้ยนฉีคือลูกชายคนโตของคุณ เฉียวกรุ๊ปก็มีสัดส่วนของเขาอยู่ด้วย การที่เขาจะเข้ามาภายในเฉียวกรุ๊ปนั้นไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร” แม่เฉียวเอ่ย
ฉันเคารพและชื่นชมหล่อนมาโดยตลอด ฉันรู้สึกว่าหล่อนคือฮีโร่หญิงท่ามกลางหญิงสาว
หล่อนมักจะพูดประโยคหนึ่งกับฉันเสมอ ถ้าหากไม่มีปัญหาก็อย่าไปสร้างปัญหา แต่ถ้ามีปัญหาก็อย่ากลัวปัญหา
ดังนั้นเมื่อได้เผชิญหน้ากับการตามราวีของอู๋ซือเหมยในตลอดระยะเวลาหลายปี เธอต่อสู้อย่างสงบและต่อสู้กลับอย่างสวยงาม กระทั่งอู๋ซือเหมยหอบลูกชายหนีไป
“เนิ่นนานหลายปีแล้วที่เจี้ยนฉีไม่ได้ติดต่อมาหาผมเลย ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะเหมาะสมกับการบริหารบริษัทหรือเปล่า แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของผม ผมไม่สามารถปล่อยให้เขาเข้ามายุ่มย่ามตามอำเภอใจได้หรอก”
“ไม่ว่าเขาจะทำได้หรือไม่นั้นก็ปล่อยให้เขาลองดูสักหน่อย” แม่เฉียวกล่าว “เขาคือลูกชายของคุณ คุณควรจะเชื่อมั่นในตัวเขาสักหน่อย”
ฉันรีบทานซุปให้เสร็จ เรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน การที่ฉันมาแอบฟังเช่นนี้คงไม่ดีเท่าไรนัก
เมื่อฉันทานเสร็จ ฉันวางชามไว้บนโต๊ะ จากนั้นฉันบอกลาพ่อเฉียวแม่เฉียวและรีบเดินออกไปในทันที
เฉียวเจี้ยนฉีคนผู้นี้ในอดีตฉันเคยพบเขา แต่ทว่าในตอนนั้นพวกเราทุกคนยังคงเป็นเด็ก
เรื่องราวเป็นมาอย่างไรฉันเองก็ลืมไปหมดแล้ว ฉันจำได้ว่าเขานั้นดื้อรั้นมาก ไม่ฟังคำพูดของแม่เขาเลย
ครั้งหนึ่งแม่ของเขาเคยมาหาเรื่องแม่เฉียว ผู้หญิงสองคนเผชิญหน้ากันและเกือบจะทะเลาะวิวาทกัน แต่ทว่าเฉียวเจี้ยนฉีกลับพาฉันและเฉียวอี้ไปตกกุ้ง แม่เฉียวคิดว่าพวกเรานั้นหายไปแล้ว หล่อนตื่นตกใจจนขวัญหนีดีฟ่อ
ความประทับใจที่ฉันมีต่อเฉียวเจี้ยนฉีนั้นค่อนข้างคลุมเครือ เพียงแต่รู้สึกว่าเขาในวัยเด็กนั้นค่อนข้างสนุกสนาน ตอนนี้เมื่อเขาเติบโตมาแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
จิตใจของฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ระหว่างที่ฉันกำลังเดินอยู่นั้นฉันก็คิดเรื่องต่างๆไปด้วย เช่นนั้นฉันเลยเผอิญชนเข้ากับแผงอกของใครบางคน ฉันรีบเอ่ยขอโทษด้วยความร้อนรน
“ขอโทษ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทันระวังเอง”
“ไม่เป็นไร หวังว่าแผงอกของผมจะไม่กระแทกจนคุณรู้สึกเจ็บและไม่ได้ทำให้ผมของคุณยุ่งเหยิง?” อีกฝ่ายนั้นโอบอ้อมอารีเป็นอย่างมาก ฉันรีบเงยหน้าขึ้นและขอบคุณเขา “ขอบคุณนะคะ”
ต้มซุปไก่[1] หมายความว่า พูดบางสิ่งที่นุ่มนวล อบอุ่นและเต็มไปด้วยพลังบวกแก่ใครบางคน เพื่อให้ผู้คนได้รับแรงบันดาลใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...