พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 280

การต่อต้านสีชิงชวนก็อะไรที่สนุกดีนะ มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจจากภายในสู่ภายนอก

ฉันพูดกับสีชิงชวนว่า “ไม่ต้องหรอก ฉันยังมีนัด”

จากนั้นก็ตัดสายทิ้ง อันที่จริงวินาทีที่กดตัดสาย ฉันยังรู้สึกใจสั่นเล็กน้อย ฉันไม่แน่ใจว่าคนที่ขี้น้อยใจอย่างสีชิงชวนจะทำยังไงกับฉันต่อ

เฉียวเจี้ยนฉีชูซี่โครงที่ถืออยู่ในมือขึ้น “ผัดกระเทียมหรือว่าผัดพริกเกลือดี”

“อย่างละครึ่ง”

“โอเค” แปลว่าเขาเห็นด้วย จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์จากมือฉันไปไว้ในกระเป๋าของฉัน “ต่อต้านครั้งหนึ่งก็ทำให้สบายใจแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าต่อต้านไปเรื่อยๆก็จะสบายใจเรื่อยๆนะ”

ฉันมักรู้สึกว่าเฉียวเจี้ยนฉีกำลังพาฉันไปในทางที่ไม่ดี แต่การทำแบบนี้มันทำให้รู้สึกสบายใจสุดๆ พวกเราซื้อผักต่างๆมาเยอะมาก หอยเชลล์วันนี้ก็สวยมากด้วย ใหญ่เท่าฝ่ามือเลย เนื้อหอยที่อยู่ด้านในดูสดมาก ไข่เยอะจนแทบจะปลิ้นออกมาเลยทีเดียว

“อันนี้จะเอาไปทำเมนูหอยเชลล์อบวุ้นเส้นหรือเปล่า?”

“คนต่างชาติชอบทานวุ้นเส้นกันมาก เพราะเมืองของพวกเขาไม่มีอะไรพวกนี้” เฉียวเจี้ยนบอกฉัน “ในต่างประเทศสามารถขายหอยเชลล์อบวุ้นเส้นได้ในราคาที่สูงมาก ลูกค้าบางคนไม่ชอบทานหอยเชลล์ เลือกทานแต่วุ้นเส้นก็มี”

“การกินของแต่ละประเทศแตกต่างกันมากจริงๆ”

“มันเป็นความอยากรู้อยากเห็นนอกพรมแดนมากกว่า คนเราจะอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยมี ก็เหมือนกับสิ่งที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิง” เขาเปลี่ยนเรื่องมาพูดถึงเรื่องของฉันอีกครั้ง “ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยทำความรู้จักกับสีชิงชวนมาก่อน แต่ก็เคยได้ยินเรื่องของมาเหมือนกัน เพราะเขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง”

“ทำไมต้องเอ่ยถึงเขาอยู่ตลอดเลย?”

“เพราะคุณมีจิตใจที่ไม่สงบไง คุณอยากได้เขามาครอบครองใช่ไหม?”

ฉันกำลังช่วยเขาเลือกผักบร็อคโคลี่อยู่ และคำถามของเขาทำให้ฉันถึงกับต้องเอาใบหน้าซ่อนไว้หลังผักบล็อคโคลี่กันเลยทีเดียว

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้อยากครอบครองเขาสักหน่อย”

“เซียวเซิง การที่ปากไม่ตรงกับใจมันไม่มีทางทำให้คุณได้ในสิ่งที่อยากได้หรอกนะ หากว่าคุณอยากได้สีชิงชวนจริงๆ เราก็มาใช้วิธีที่จะทำให้ได้เขามาครอบครอง”

“ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดอะไรอยู่”

“ความอิจฉา สามารถทำให้คนเราแสดงความในใจออกมาได้” เฉียวเจี้ยนฉีหยิบผักบล็อคโคลี่ที่อยู่ในมือฉันไป “แต่ละอันไม่ได้แตกต่างกันมาก ไม่จำเป็นต้องเลือกให้ละเอียดขนาดนั้นก็ได้”

“ไม่มีความหมายหรอก เขาจะแสดงความอิจฉาออกมาให้เห็นโดยไม่ลังเลใจ”

“นั่นเพราะว่าเขาไม่รู้สึกว่าโดนคุกคามไง สีชิงชวนเขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด เลยไม่เคยรู้จักความลำบากมาก่อน”

“ทำไมคุณถึงรู้จักเขาดีขนาดนี้?”

“ผมกับเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเขาเคยแย่งแฟนของผมไป”

ฉันมองเขาอย่างงงงวย เขาเลือกขิงสดแล้วโยนใส่ในรถเข็นจากนั้นก็ยิ้มให้ฉัน “ล้อเล่นน่ะ ผมกับเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนเรียนมหาวิทยาลัยจริงๆ เขาเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน อยู่แค่ปีเดียวก็ออกไปแล้ว พวกเราไม่เคยคลุกคลีกัน แต่ไม่ว่าสีชิงชวนจะอยู่ที่ไหนก็เป็นที่พูดถึงของคนอื่นอยู่เสมอเลย คนทั้งมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อสายจีนหรือว่าคนต่างชาติ ขอแค่เป็นผู้ชาย ทุกคนจะเกลียดเขากันทั้งนั้น”

“ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบเขากันทุกคน และเป็นเพราะเขา เลยทำให้พวกเราต้องอยู่กันเป็นคนโสด”

“คุณด้วยเหรอ?” ทำไมฉันถึงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดด้วยนะ ถึงแม้เฉียวเจี้ยนฉีจะดูไม่สะดุดตาเท่าสีชิงชวนในแวบแรกที่มอง แต่ว่าเขาเองก็หล่อไม่เบาเหมือนกันนะ ทั้งๆที่มีรูปร่างที่สูงใหญ่เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาชอบเขาเลย

“ดาวมหาวิทยาลัยของเรา เป็นผู้หญิงที่มาจากประเทศไอซ์แลนด์ มีดวงตาสีฟ้า สวยไม่มีที่ติ” เขาขมวดคิ้วเพื่อพยายามนึกหน้าตาของสาวสวยของคนนั้น “เส้นผมของเธอเหมือนกับสาหร่ายทะเลเลย”

“สิ่งที่คุณกำลังบรรยาย มันน่าจะประมาณระดับหนังสือนิทานเทพนิยายแอนเดอร์สันเลยนะ” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดแทรก

เขาหัวเราะชอบใจ “เป็นแบบนั้นจริงๆ”

“คุณชอบดาวมหาวิทยาลัย แต่ดาวมหาวิทยาลัยชอบสีชิงชวนใช่ไหม?”

“ใช่ไหมล่ะ มันดูเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเลยเนอะ ที่คนสวยจะต้องชอบคนหล่อและรวย” เขายักไหล่ “แต่ก็ยังดีที่ผมได้เจอคุณ”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้” ฉันหยุดเดินแล้วหันไปมองเขา “งั้นฉันก็ไม่ขอไปทำกับข้าวบ้านคุณแล้วนะ”

“ต้องการจะหลบหน้า? หรือว่ารู้สึกกลัว?”

“ถึงยังไงฉันกับสีชิงชวนก็มีความสัมพันธ์เป็นคู่แต่งงานกัน และฉันก็รู้แล้วว่าคุณมีความต้องการอยากจะจีบฉัน งั้นฉันก็ไม่ควรเข้าใกล้คุณอีก”

เฉียวเจี้ยนฉีเป็นคนที่น่าสนใจมาก ในเมื่อเขาพูดออกมาชัดเจนขนาดนี้ งั้นฉันก็ตอบอย่างชัดเจนไป แบบนี้มันก็ดีเหมือนกัน

เขาแบะปาก “คุณเกลียดผมเหรอ?”

ฉันคิดๆดู แล้วเหมือนจะไม่ได้เกลียดอะไรขนาดนั้น เขาเป็นคนที่ดูดีมากและยังน่าสนใจมากอีกด้วย เป็นคนที่มีเสน่ห์ ฉะนั้นแน่นอนว่ามันไม่ถึงขั้นเกลียดหรอก และอีกอย่าง เขายังมีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายของเฉียวอี้อีกด้วย! ขณะที่ฉันกำลังลังเลว่าจะตอบยังไงดี หากบอกว่าไม่ได้เกลียด ฉันกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด นั่นจะทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่

“ดูจากสีหน้าท่าทางคุณ เหมือนว่าคุณจะไม่ได้เกลียดผมนะ ถ้าไม่ได้เกลียดก็แปลว่าเป็นก้าวแรกของการชอบ” เขาเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองค่อนข้างสูง “เซียวเซิง ความคิดเห็นส่วนตัวของผมนะ สีชิงชวนไม่ใช่คู่ครองที่ดีหรอก แต่ในเมื่อตอนนี้คุณกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่ งั้นผมขอแนะนำคุณ ให้ตัดสายใยรักออกแล้วเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง”

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เขาให้ฉันนะ ตอนแรกฉันก็รู้สึกหิวอยู่แล้ว จากนั้นยังต้องมาทรมานอยู่ในซุปเปอร์มาเก็ตอยู่ค่อนวัน จนตอนนี้ท้องฉันเริ่มร้องจ๊อกๆแล้วล่ะ

“ฉันรับฟังคำแนะนำของคุณนะ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวก่อน”

ฉันเดินผ่านตัวเขา เขาอยู่ด้านหลังฉันแล้วพูดว่า “อย่าอ่อนไหวง่ายขนาดนั้นสิ ถึงผมคิดจะจีบคุณ แต่แค่ทานข้าวด้วยกันในฐานะเพื่อน มันจะเป็นไรไป? ผมรู้ว่าคุณอยากลองทานฝีมือผมมาก! ไม่ว่าคุณจะชอบผู้ชายแบบไหน ทางที่ดีที่สุดอย่าทำให้ต้องสูญเสียความเป็นตัวเองเลย เข้าใจไหม?”

เฉียวเจี้ยนฉีไม่ควรไปเป็นพ่อครัว เขาน่าจะไปเป็นนักพูด หรือไม่ก็ไปเป็นเซลล์ สิ่งที่เขาพูดมีเหตุมีผล และมันยังเหมือนการยั่วยุให้เกิดความฮึกเหิมอีกด้วย

พอฉันคิดดูแล้วก็เดินกลับไปอีก “คุณซื้อครบหรือยัง ถ้าซื้อครบแล้วเราก็ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณยังต้องใช้เวลาทำอีกพักใหญ่เลย”

“ความว่องไวของผมมันเร็วกว่าที่คุณคิดไว้เยอะเลย”

บ้านของเฉียวเจี้ยนฉีอยู่ในเขตบ้านพักตากอากาศของสวนดอกไม้ปั้นซาน เชิงเขาเป็นวนอุทยานที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮวา สภาพแวดล้อมดีมาก ก่อนไปฉันถามเขาว่าอยู่กับแม่ของเขาหรือเปล่า หากตอบว่าใช่ ตีฉันให้ตายยังไงฉันก็ไม่ไปหรอก

เขาตอบว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว เราอยู่กันคนละที่ ท่านมีชีวิตของท่าน ผมก็มีชีวิตของผม”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)