พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 300

คุณแม่เฉียวยังไม่กลับมา เฉียวอี้บอกว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่โรงพยาบาล ในช่วงหลายวันมานี้อู๋ซือเหมยหรือก็คือแม่ของเฉียวเจี้ยนฉีโรคประสาทกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว เธอจะไปก่อความวุ่นวายให้คุณพ่อเฉียวที่โรงพยาบาลทุกวัน และพูดถึงเรื่องเก่าๆ ไร้สาระพวกนั้นที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอย่างชั่วร้ายอำมหิต และยังบอกว่าคุณพ่อเฉียวเป็นคนชั่วกรรมตามสนอง ลูกกำพร้าและแม่หม้ายที่ถูกเขาทอดทิ้งไปในตอนนั้น ถึงได้ทำให้กรรมตามสนองเขาเหมือนอย่างในวันนี้

ตอนที่เฉียวอี้เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟัง เธอดูสงบมาก ถ้าเป็นเธอคนเมื่อก่อนก็คงโกรธมากจนถือมีดถือปืนไปคิดบัญชีกับอู๋ซือเหมยไปตั้งนานแล้ว

แต่ในช่วงเวลาแค่ไม่กี่วันสั้นๆ นี้ฉันพบว่าเฉียวอี้โตขึ้นแล้ว โตขึ้นเร็วมาก

ฉันคิดว่าในอนาคตสักวันหนึ่ง เธอจะต้องใช้บ่าของเธอค้ำจุนเฉียวกรุ๊ปทั้งหมดและครอบครัวทั้งครอบครัวไว้ได้อย่างแน่นอน เธอจะดูแลคุณพ่อเฉียวให้ดีได้ ปกป้องคุณแม่เฉียวให้ดีได้ รักษาเฉียวกรุ๊ปไว้ได้ ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวของเฉียวอี้มากๆ

และก็เป็นไปตามที่เฉียวอี้บอกไว้ ฉันมาอยู่ที่บ้านของเฉียวอี้แล้ว แต่ในคืนนั้นสีชิงชวนก็ไม่ได้โทรหาฉันเลย จะกระทั่งล่วงเข้าวันที่สองวันที่สามเขาก็ไม่ได้โทรหาฉัน เพราะตอนนี้ฉันไม่มีอะไรให้ทำ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปทำงานที่เซียวซื่อกรุ๊ปด้วย

เฉียวอี้งานรัดตัวมาก ถึงเธอจะอยากอยู่เป็นเพื่อนฉันมากๆ ก็ตาม แต่เธอก็หาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้มากขนาดนั้น

ในทุกๆ วันเธอต้องไปทำงานที่เฉียวกรุ๊ปตั้งแต่เช้าตรู่ และกลางวันยังต้องรีบไปรายงานกิจการงานของเฉียวกรุ๊ปกับคุณพ่อเฉียวอีกด้วย ส่วนฉันนั้น นอกจากนั่งเอ้อระเหยแล้วก็นั่งเอ้อระเหยโดยไม่ทำงานอะไรแล้ว ก็ได้แต่ทำหน้าที่ส่งข้าวแทนอาสะใภ้สี่ของพวกเขา

เดิมทีทุกวันจะเป็นอาสะใภ้สี่ที่ไปส่งข้าวให้คุณพ่อเฉียว แต่ตอนนี้กลายเป็นฉันแล้ว

เพราะใบขับขี่ของฉันถูกเพิกถอนไปแล้ว แล้วก็ไม่ได้ไปทำมานานแล้ว ดังนั้นคนขับรถจึงยังต้องไปส่งฉันอยู่เหมือนเดิม

เฉียวอี้บอกฉันว่าให้ถือโอกาสที่ช่วงนี้ว่าง ไปทำใบขับขี่ใหม่

จริงๆ แล้วเฉียวอี้รู้วิธีวางแผนชีวิตของตัวเองเป็นอย่างดี ถ้าตอนนี้ฉันเป็นเหมือนเธอ แบกรับแรงกดดันต่างๆ มากมายไว้กับตัวเยอะขนาดนี้ ฉันคงทำได้ไม่ดีเท่าเธออย่างแน่นอน

ฉันเองก็ไม่รู้ว่าในช่วงหลายวันนี้ฉันกำลังรอให้สีชิงชวนโทรมาหาฉันอยู่ใช่หรือเปล่า แม้ว่าฉันจะรู้ว่าต่อให้เขาโทรมาก็ไม่มีทางมีคำพูดดีๆ อะไร แต่ก็เหมือนฉันจะยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ฉันเหมือนจะเฝ้าปรารถนาที่จะได้ยินเสียงของเขาอยู่เล็กน้อย อย่างน้องมันก็ทำให้ฉันได้รู้ว่าเขายังไม่ลืมฉันไปจนหมด

แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีสายโทรเข้ามาเลย ฉันยังไม่ทันได้รับโทรศัพท์จากสีชิงชวน แต่สีจิ่นยวนกลับโทรมาหาฉันเสียแล้ว

เขานัดฉันออกไปทานข้าว ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขามานานมากแล้ว แต่จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจเท่าไรนัก

ฉันกำลังคิดว่าฉันจะปฏิเสธเขาอย่างไรดี เขาก็เอ่ยมาตามสายด้วยน้ำเสียงหงอยเหงาเศร้าซึม “เซียวเซิง อีกไม่นานผมก็จะกลับไปเรียนต่อที่ต่างประเทศแล้ว ถ้าจะกลับมาก็ต้องรอถึงช่วงตรุษจีนของปีนี้เลย”

ความสัมพันธ์ของฉันกับสีจิ่นยวนเจ้าเพื่อนตัวน้อยคนนี้ถือว่าดีมากเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเขาจะมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่ แต่เขากลับไม่มีนิสัยแย่ๆ ของคุณชายเลย

ในเมื่อเขาพูดมาแบบนี้ ต่อให้ฉันจะไม่ได้รู้สึกสนใจมากแค่ไหนก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเขา

ฉันนัดกับเขาว่าจะไปทานหม้อไฟกัน เพราะตั้งแต่ที่พวกเรารู้จักกันมา พวกเราทานหม้อไฟหลายครั้งมาก มากกว่าที่เขาทานมาทั้งชีวิตนี้อีก เขาชอบอาหารชนิดนี้มากๆ ต้องทานทุกครั้งที่ทานข้าว

แต่เป็นแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายว่าจะทานอะไรดี

ก่อนที่ฉันจะออกจากบ้านจัดการตัวเองเล็กน้อย เฉียวอี้มักจะบอกว่าหลายวันมานี้ฉันหน้าตาหมองคล้ำมาก สูญเสียท่วงท่าอันสง่างามในอดีตไปหมดแล้ว ราวกับเป็นผู้หญิงที่ถูกสีชิงชวนเหยียบย่ำและเตะอย่างโหดเหี้ยม

เขาไม่อนุญาตให้ฉันอยู่ในสภาพแบบนี้ ดังนั้นวันนี้ฉันจึงตั้งใจเลือกกระโปรงที่สีสันสดใสเล็กน้อยมาเป็นพิเศษ

ฉันนัดเจอกับสีจิ่นยวนที่ร้านหม้อไฟที่อร่อยมากๆ และก็มีชื่อเสียงมากๆ แห่งหนึ่งในเมืองฮวา

ตอนที่ฉันไปถึง สีจิ่นยวนก็มาถึงแล้วเช่นกัน ตามปกติแล้วร้านหม้อไฟแห่งนี้ขายดีมาก แม้ว่าราคาจะสูงไม่เบา แต่ทุกวันรวมไปถึงวันทำงาน ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงใหญ่หรือห้องส่วนตัวก็จะเต็มทุกที่นั่ง

แต่วันนี้ในห้องโถงใหญ่กลับไม่มีใครอยู่เลย มีแค่สีจิ่นยวนนั่งอยู่ที่นั่นเท่านั้น ร้านหม้อไฟทั้งร้านกลายเป็นเมืองที่ไร้ผู้คน ดูแปลกประหลาดมาก

เขาโบกมือให้ฉัน ฉันจึงเดินเข้าไป และมองไปรอบๆ

“คนละ? ทำไมถึงมีแค่พวกเราสองคน? ”

“ท่านอยู่ที่บ้าน ท่านบอกว่าเด็กๆ อย่างพวกเราควรคุยเล่นกันสักหน่อย จะได้รู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่”

ตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ฉันรู้แค่ว่าฉันทำให้คุณย่าเป็นห่วงเสียแล้ว ท่านจริงใจกับฉันมากจริงๆ

จู่ๆ ฉันก็รู้สึกแย่ขึ้นมา “ช่วงนี้สุขภาพของคุณย่าเป็นยังไงบ้าง? ”

“ท่านสบายดีมาก จริงๆ แล้วท่านก็อยากมาเจอพี่เหมือนกัน แต่ท่านให้ผมมาคุยกับพี่ก่อน”

แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไรกันดี แต่อย่างไรเสียทั้งคุณย่าและสีจิ่นยวนก็ทำไปด้วยความหวังดี

ฉันเตรียมตัวที่จะพูดคุยแล้ว แต่ในตอนนั้นเองพนักงานก็เอาเมนูมาให้ สีจิ่นยวนก้มหน้าเลือกของที่เขาอยากทานในเมนู

“เซียวเซิง” สีจิ่นยวนเอ่ยกับฉันพลางทำเครื่องหมายถูกลงในเมนูไปด้วย “ผมจำได้ว่าพี่ชอบกินผ้าขี้ริ้วดำมากๆ เลยใช่ไหม? ”

“อื้อ นายสั่งอะไรมาก็ได้ ฉันกินได้หมด”

“งั้นระหว่างเยื่อไผ่กับออเดิร์ฟเห็ดพี่เลือกอันไหน? ”

“ได้หมดเลย”

“ผมรู้สึกว่าพี่จะชอบกินเยื่อไผ่มาก งั้นออเดิร์ฟชุดหนึ่งแล้วเพิ่มเยื่อไผ่อีกจานหนึ่งเป็นยังไง? ”

“ได้” ฉันเอ่ย

ฉันมองไปที่เส้นผมสีดำเข้มของสีจิ่นยวน และขวัญสีขาวๆ บนศีรษะของเขา เขาขีดเขียนเครื่องหมายถูกลงในเมนูทีละอันๆ ฉันรู้สึกว่าวันนี้ฉันอาจจะต้องอิ่มท้องมากๆ อีกแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)