พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 301

ฉันคิดว่าสีจิ่นยวนจะพูดพวกเรื่องหลักการของชีวิตหรือพวกเทซุปไก่อะไรพวกนั้นกับฉันสักอีก แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาเพื่อทานอย่างเดียวเท่านั้น

ระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ เขาก็ยื่นแขนของฉันออกมาให้ฉันดู “เซียวเซิง พี่ดูโรคผิวหนังของผมสิ ยาสมุนไพรพื้นเมืองของพี่รักษาจนหายดีหมดแล้ว พ่อกับแม่ก็รู้แล้วว่าพี่เป็นคนรักษาโรคผิวหนังของผม พวกเขาบอกว่าต้องหาวันไหนสักวันมาขอบคุณพี่ดีๆ สักหน่อย”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” ฉันกำลังจะบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ก็รู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย

“จริงสิ ตอนผมออกมาแม่ผมฝากอันนี้มาให้พี่ด้วย” เขายื่นถุงกระดาษใบหนึ่งมาให้ฉัน ด้านในนูนออกมาไม่รู้ว่าใส่อะไรเอาไว้

“ก็แค่ยาเคี่ยวเล็กๆ น้อยๆ แม่ฉันบอกว่าเอาไปชงกับน้ำก็ดื่มได้แล้ว ยาพวกนี้เป็นยาบำรุงแผนโบราณ ทำให้นายกินของเย็นน้อยลง”

ฉันรู้สึกขอบคุณคุณแม่สี ท่านเป็นคนที่อ่อนโยนมากมาตลอดคนหนึ่ง

แม้ว่าท่านจะไม่ชอบฉันมากๆ แต่ท่านปฏิบัติกับฉันอย่างอ่อนโยนมากมาตลอด ฉันรู้สึกขอบคุณท่านในจุดนี้มาก

ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ สีจิ่นยวนสั่งหม้อแบบสองน้ำซุปมา ฉันทานฝั่งที่ไม่ผิด

จริงๆ แล้วฉันดีขึ้นมากแล้ว อีกอย่างถ้าผ้าขี้ริ้วไม่ทานแบบเผ็ดๆ มันจะไม่อร่อยมากๆ

สีจิ่นยวนเหมือนจะมาเพื่อทานข้าวจริงๆ เดาว่าเขาก็น่าจะไม่ได้ทานหม้อไฟมานานแล้วเหมือนกัน เขาทานอย่างกับว่าเขาไม่เคยได้ทานมันมาแปดชาติแล้ว ฉันกังวลว่าเขาจะสำลักตายเอาได้

ฉันจึงเอ่ยว่า “นายค่อยๆ กินก็ได้ ฉันไม่คิดจะแย่งนายหรอก”

“พี่ก็กินด้วยสิ” ในระหว่างที่กำลังยุ่งอยู่กับการกินเขาก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับฉัน “ถ้ายังไม่กินอีก ผมจะกินหมดแล้วนะ”

“หมดแล้วก็ไม่เป็นไร สั่งอีกก็ได้”

ความอยากอาหารของสีจิ่นยวนส่งผลกระทบต่อฉัน เดิมทีหลายวันมานี้ฉันแทบจะไม่ทานอะไรเลย แต่พอสีจิ่นยวนตะกละตะกลามอยู่ตรงหน้าฉัน ความอยากอาหารของฉันก็ถูกเขากระตุ้นขึ้นมา

ฉันทานไส้ห่านเก้าเส้นที่วางอยู่บนน้ำแข็งชุดใหญ่เข้าไปคนเดียวจนหมด

ในที่สุดสีจิ่นยวนก็อิ่มแล้ว ฉันเองก็อิ่มแล้วเหมือน ฉันกุมท้องเอนหลังพิงไปกับเก้าอี้

สีจิ่นยวนเรอออกมา ส่วนฉันยังสนใจภาพลักษณ์ความเป็นกุลสตรีของฉันอยู่ จึงใช้กระดาษปิดปากไว้แล้วเรอออกมาเช่นกัน

“ต่อไปพวกเราไปกินของหวานกันเถอะ” สีจิ่นยวนเอ่ยขึ้นมา จนฉันรู้สึกตกใจ

“นายยังกินลงอยู่อีกเหรอ? ”

“เด็กผู้หญิงอย่างพวกพี่ไม่ได้มีสองกระเพาะหรอกเหรอ? กระเพาะหนึ่งสำหรับของคาว กระเพาะหนึ่งสำหรับของหวาน ในกระเพาะจะต้องมีที่เหลือไว้ให้ของหวานอยู่แล้ว”

เขาพูดมีเหตุผล พอเขาพูดขึ้นมา ฉันก็รู้สึกอยากทานของหวานขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ

ก็ได้ ฉันจึงไปทานของหวานในร้านของหวานที่ทั้งแพงและไกลกับเขา

ของหวานของร้านอร่อยมากจริงๆ และทำออกมาได้สวยงามมาก ทั้งเพลินตาและเพลินใจโดยไม่ต้องทานเข้าไปก็ได้ แค่มองก็รู้สึกอร่อยมากแล้ว

ดังนั้นถึงจะขายแพงก็ยังรู้สึกสมเหตุสมผล

ขนมขึ้นชื่อของร้านคือชีสเค้ก หน้าตาเรียบง่ายมากๆ แต่รสชาติทำให้คนที่รักขนมหวานหยุดทานไม่ได้อย่างแน่นอน และไม่มีทางทานชีสเค้กของที่อื่นได้อีก

สีจิ่นยวนสั่งขนมหวานแปลกๆ มาเยอะมาก บางอย่างฉันก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่มันอร่อยมาก

เขาเป็นคนที่ลองทานของใหม่ๆ ได้ดีคนหนึ่งเลย เป็นไปได้ว่าวัยรุ่นก็อาจจะเป็นแบบนี้กันหมด

จริงๆ แล้วฉันเองก็แก่กว่าเขาแค่สามสี่ปีเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนฉันแก่กว่าเขามากๆ

เมื่อทานของหวานเสร็จฉันก็อิ่มมากจนแทบจะอาเจียนออกมาอยู่แล้ว อิ่มจนท้องไม่เหลือที่ว่างแล้ว

หลังจากที่สีจิ่นยวนเช็กบิลเสร็จก็เอ่ยกับฉันว่า “พี่เคยกินบิงซูถั่วแดงไหม? ”

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์ในยามตะวันรอน มันส่องลงบนหลังเท้าที่สวมด้วยรองเท้าแตะสีขาวของฉัน จนเท้าแดงไปหมด

“จะกางร่มไหม? ” สีจิ่นยวนถามฉันด้วยความเอาใจใส่

“แดดไม่ได้ส่องคนแล้ว อีกอย่างแสงในยามอาทิตย์ตกก็สวยมาก”

ฉันกับเขาเดินช้าๆ ไปตามถนน ถนนสายนี้เป็นถนนย่านการค้า ตอนนี้กำลังจะถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว จึงมีผู้คนจำนวนมากต่อแถวยาวอยู่หน้าร้านที่ดังตามอินเทอร์เน็ต

คนที่อิ่มแล้วไม่สนใจแถวของคนอื่นที่ต่อแถวกันนานขนาดนี้เพื่อทานข้าว

สีจิ่นยวนนัดฉันออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย ดูเหมือนว่าเป้าหมายหลักของเขาจะเพื่อกินเท่านั้น แล้วก็มาส่งความห่วงใยที่คุณย่ากับคุณแม่สีฝากมาให้

เป็นแบบนี้ก็ดี และฉันก็ไม่ต้องการให้คนอื่นใช้น้ำเสียงเจ็บปวดมาปลอบใจฉันด้วย เพราะอย่างไรเสียเรื่องมันก็กลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว

พวกเราเดินไปเรื่อยๆ เดินตั้งแต่ท้องฟ้ายังเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์จนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว

แสงไฟนีออนสว่างขึ้นมา แสงไฟหลากหลายสีสันส่องลงบนเท้าของพวกเรา

ฉันเหยียบลงบนแสงไฟหลากสีสันนั่น และรู้สึกว่าลักษณะภายนอกของตัวเองดูเหมือนคนโง่ที่กำลังมีความสุข

“เซียวเซิง” ทันใดนั้นสีจิ่นยวนที่เงียบมาตลอดทางก็เอ่ยขึ้นมา ฉันหันไปมองเขา

ประจวบเหมาะกับที่มีแสงสีฟ้าส่องลงบนใบหน้าของเขาพอดี

อาจเป็นเพราะเขาหล่อ ถึงแสงที่ดูสื่อถึงภูตผีปีศาจแบบนี้จะส่องลงบนใบหน้าเยาว์วัยของเขา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเหมือนภูตผีปีศาจ กลับรู้สึกว่ามันยังคงงดงามอยู่เหมือนเดิม

ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยสีสันแพรวพราวหลากสี เขาจ้องมองมาที่ฉันตาไม่กะพริบ และเอ่ยกับฉันว่า “เซียวเซิง ไปเรียนกับผมเถอะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)