พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 318

ฉันเองก็ไม่คิดว่าฉันจะพูดความในใจของตัวเองออกมาแบบนี้ หลังจากพูดมันออกไปฉันเองก็ทึ่มทื่อไปในทันที

ในห้องเงียบมาก สีจิ่นยวนที่ยืนอยู่หน้าเตียงของฉันก็หยุดกระโดดแล้วเช่นกัน

ฉันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากถึงกล้าเงยหน้าขึ้นมองเขา สีจิ่นยวนยืนอยู่หน้าเตียงฉันและมองฉันอย่างเหม่อลอย

สีแดงบนหน้าเขาเหมือนกับพาเลตสีอย่างไรอย่างนั้น ค่อยๆ ลดลงทีละนิดๆ จนกลายเป็นสีขาว สูญเสียความเป็นนักเรียนไปทั้งหมด จากนั้นก็มองฉันตาไม่กะพริบ “เซียวเซิง เมื่อกี้พี่พูดอะไร?”

สีชิงชวนก็ยืนอยู่ข้างๆ เขานี่เอง ฉันมองเห็นเขาจากทางหางตา เขานิ่งเงียบกว่าสีจิ่นยวนมาก แม้แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว

หึหึ ท่าทางเขาใจเย็นขนาดนั้น เหมือนกับว่าเขามองฉันออกมานานแล้วอย่างนั้นแหละ

ทำไมเขาถึงหยอกล้อฉันเหมือนเป็นลูกไก่ในกำมือ นั่นก็เพราะว่าเขาน่าจะดูออกตั้งนานแล้วว่าฉันชอบเขา

“เซียวเซิง พี่กำลังพูดอะไร?” สีจิ่นยวนถามฉันอีกครั้ง

พูดก็พูดไปแล้ว ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ?

“เมื่อกี้นายได้ยินว่าไงมันก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ” ฉันบอก

“พี่จะชอบพี่ผมได้ไง พี่ผมไม่ได้ชอบพี่สักหน่อย…” สีจิ่นยวนพึมพำกับตัวเอง

“ฉันบอกนาย นายก็แค่รีบกลับไปเรียนต่อที่เมืองนอก ก็แค่นี้เอง” ตอนนี้ขาฉันไม่ดี ไม่สามารถเดินหนีเขาไปได้ จึงทำได้เพียงดึงผ้าห่มมาคลุมโปงและหดตัวเองอยู่ในนั้น

ฉันหลอกตัวเองไปแบบนั้นก่อนแล้วกัน ฉันไม่อยากเห็นพวกเขา งั้นก็ทำเหมือนพวกเขาไม่เห็นฉันด้วยก็แล้วกัน

เหมือนสีจิ่นยวนจะยืนนิ่งอยู่หน้าเตียงฉันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาไปแล้ว

ตอนนี้เหลือเพียงเสียงฝีเท้าเดียว ฉันคิดว่าสีชิงชวนยังอยู่ในห้องไม่ได้ไปไหน

ฉันนอนอึดอัดอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความทรมาน รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย

ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงของสีชิงชวนดังขึ้น “คุณอยากนอนขาดอากาศตายเหรอ?”

จากนั้นเขาก็ดึงผ้าห่มฉันให้เปิดออก ฉันนอนงอตัวอยู่เหมือนกับกุ้งฝอยตัวหนึ่ง สีชิงชวนดึงมือที่ฉันใช้ปิดหน้าอยู่ลงอย่างไม่เกรงใจ ดังนั้นฉันจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สีชิงชวนก้มตัวลงมามองฉัน สีหน้าของเขาเรียบนิ่งเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดเพี้ยน

ใช่ ฉันก็แค่เปิดเผยความในใจของตัวเอง ทำไมต้องทำท่าทางเหมือนมันน่าขายหน้าด้วย?

“คุณอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันก็แค่พูดกับสีจิ่นยวนไปอย่างนั้นแหละ เขาจะได้กลับไปเรียนที่เมืองนอกสักที ไม่ต้องมัวแต่คิดว้าวุ่น” ถึงแม้ว่าคำอธิบายจะดูไม่หนักแน่น และสีชิงชวนก็คงไม่เชื่อ แต่อะไรที่ควรอธิบายก็ยังต้องอธิบายอยู่ดี

“ผมคิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กนั่นจะคิดเลยเถิดกับคุณ” สีชิงชวนลากเก้าอี้มานั่งอยู่หน้าเตียงฉันและมองฉันไม่ละสายตา แววตาของเขาทำให้ฉันรู้สึกกระสับกระส่ายจนอยากจะขุดรูสักรูที่เตียงแล้วกระโดดลงไปใต้เตียงให้รู้แล้วรู้รอด

“เขายังเด็ก ก็เป็นปกติที่จะมีอาการหงุดหงิดในช่วงวัยรุ่น พูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า คิดเหลวไหลไปเรื่อย”

“ผมรู้อยู่แล้ว ใครบ้างที่ไม่เคยทำเรื่องบ้าๆ หรือมีความคิดอะไรแปลกๆ สะเทือนฟ้าดินตอนช่วงวัยรุ่น? เขากำลังคิดว่าตัวเองเป็นผู้กอบกู้โลก คิดว่าจะช่วยคุณออกมาจากความยากลำบากได้” สีชิงชวนยิ้มหยัน “เขาประเมินตัวเองสูงไป”

ฉันไม่สนว่าสีจิ่นยวนจะประเมินตัวเองสูงไปหรือเปล่า ยังไงเขาก็ยังเด็ก ความคิดยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ที่เขาพูดเมื่อกี้ฉันจะทำเป็นไม่ได้ยิน มันไม่ส่งผลอะไรกับใจฉันทั้งนั้น แต่หลังจากสีชิงชวนที่นั่งอยู่ตรงหน้าฉันได้ยินคำพูดพวกนั้นที่ฉันพูดออกไปแล้วยังสุขุมเยือกเย็นได้ขนาดนี้ ทำราวกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นแหละ

ตอนนี้สีชิงชวนกำลังนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์อยู่บนเก้าอี้หน้าเตียงฉัน

สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง เหมือนกับเมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างไรอย่างนั้น

บางทีการโดนปฏิเสธหรือไม่ตอบรับอาจจะไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจ แต่การที่สีชิงชวนไม่สนใจกันเลยแม้แต่นิดเดียวแบบนี้ต่างหากที่ทำให้ฉันสับสนจนไม่รู้จะทำยังไง

ฉันให้เธอรีบกลับบ้านไปนอน ไม่ต้องไปๆ มาๆ

เธอบอก “พรุ่งนี้ก็หยุดสุดสัปดาห์แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปอยู่กับเธอทั้งวันเลย”

“เธอไปอยู่เป็นเพื่อนคุณพ่อเฉียวเถอะ”

“เขาไม่ต้องให้ฉันอยู่ด้วยหรอก แม่ฉันอยู่ที่นั่นทั้งวัน สำหรับคุณพ่อแล้ว ขอแค่ฉันดูแลเฉียวกรุ๊ปได้ดี เขาก็พอใจในตัวฉันแล้วล่ะ”

หลังจากวางสายจากเฉียวอี้ ฉันก็เอนตัวลงนอนต่อบนเตียง

สองวันมานี้ฉันนอนจนหัวแบนหมดแล้ว แต่พอมาคิดดีๆ ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับสีชิงชวนมา ฉันก็เข้าโรงพยาบาลบ่อยจริงๆ นั่นแหละ

พอลองคิดกลับกัน สีชิงชวนเองก็เข้าโรงพยาบาลบ่อยเหมือนกัน

เราสองคนเป็นประเภทที่อยู่ด้วยกันแล้วจะพากันเจ็บตัว ดวงตกฟากไม่สมพงศ์กันหรือเปล่า

ฟ้าค่อยๆ มืดค่ำลง และเวลาก็ค่อยๆ ดึกขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันกลับไม่ง่วงเลยสักนิด

พยาบาลส่วนตัวพยายามจะชวนฉันคุยเพื่อช่วยคลายเบื่อให้ฉัน

ฉันไม่สนิทกับเธอจึงไม่มีอะไรให้คุยด้วย ฉันเป็นประเภทที่ไม่ค่อยเปิดใจกับใครสักเท่าไหร่ จะพูดมากก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนที่คุ้นเคยกันมากๆ เท่านั้น คนที่ไม่ค่อยสนิทฉันคุยได้แค่เรื่องสภาพอากาศทั่วๆ ไปและเรื่องขำขันนิดหน่อย เลยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อมาก

พยาบาลก็คิดว่ามันน่าเบื่อเช่นกัน เธอจึงเดินออกไปแล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงฉันแค่คนเดียว

ในห้องเงียบจนฉันได้ยินเสียงหายใจของตัวเองและเสียงหยดน้ำจากขวดน้ำเกลือที่ไหลเข้าสู่เส้นเลือดของฉัน

ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากข้างนอก มันแปลกมาก แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดังมากที่ไหน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)