น่องฉันสั่นขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เขาบอกว่าถ้าไม่ได้ทำความผิดอะไรก็ไม่มีความจะเป็นต้องกลัว
แต่ฉันไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมถึงไม่มีความมั่นใจเลยล่ะ?
“ผู้จัดการเซียว” เมื่อพวกเขาเห็นฉันเดินเข้ามาก็รีบเดินเข้ามาฉันทันที ฉันก้าวหลบไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ข้างหลังก็มีคนเดินเข้ามาล้อมฉันไว้เช่นกัน
“ตอนนี้ราคาหุ้นของเซียวซื่อกรุ๊ปร่วงลงอย่างรุนแรง แล้วบริษัทเจียงตงกับเจียงหนานของเราตื่นตระหนกกับข่าวลือ พวกพนักงานทั่วไปจำนวนมากพากันลาออก ตอนนี้รายการออเดอร์ในมือเราหลายล็อตดำเนินการต่อไม่ได้”
พวกเขาพูดมารัวๆ เหมือนกำลังระดมยิงปืนใหญ่ ยิงเข้าใส่รัวๆ จนฉันมึนไปหมด
อุตสาหกรรมหลักของเซียวซื่อกรุ๊ปคือการค้านำเข้าส่งออก เราจะได้รับรายการออเดอร์ ดัดแปลงชิ้นส่วนอะไหล่บางชนิด และมีโรงงานหลายแห่งในเครือของเรา
พนักงานทั่วไปที่ลาออกที่พวกเขาพูดถึงใช่พวกคนงานหรือเปล่า?
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” ฉันถามอย่างอ่อนแรง
“จู่ๆ ประธานเซียวก็ติดคุก ผู้จัดการเซียวก็ถูกจับเข้าไปเหมือนกัน เมื่อกี้คุณนายยังโดนแฉข่าวแบบนั้นออกมาอีก ตอนนี้มีหลายบริษัทที่ยกเลิกสัญญากับเราแล้ว”
“ตอนนี้หลายโครงการที่กำลังจะทำการเจรจาก็หยุดลงแล้ว แถมราคาหุ้นก็ตกลงอย่างหนักอีก…”
พวกเขาพูดขึ้นทีละคนๆ จนฉันเวียนหัวไปหมด
“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?”
“คุณว่าทำไมถึงเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น?” พวกเขาย้อนถามฉัน
ฉันโดนพวกเขารัวใส่จนมึนไปหมด แต่ฉันก็ไม่ได้โง่ ความหมายของพวกเขาก็คือถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ก็คงไม่เกิดเรื่องกับแม่เลี้ยง และพวกเซียวซือก็คงไม่ต้องเข้าคุก
“พวกคุณใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ฟังฉันพูดก่อน”
“ผู้จัดการเซียว ไม่ว่าระหว่างพวกคุณจะมีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกันก็ตาม คุณรู้ไหมว่าทุกอย่างที่คุณทำพวกนี้มันส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของเซียวซื่อกรุ๊ปโดยตรง คุณจะคู่ควรกับความไว้วางใจที่ท่านประธานมีต่อคุณได้ยังไง”
“แต่ฉันก็ไม่รู้นี่คะว่าเรื่องมันจะบานปลายมาถึงขั้นนี้ แล้วก็ส่งผลต่อบริษัท…” ฉันโดนพวกเขาตำหนิซ้ำๆ จนคาดการณ์ไม่ทัน
พวกเขาอยู่ใกล้กับฉันมาก สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโกรธ
เหมือนกับฉันไปก่อกรรมทำชั่วจนแม้แต่สวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นอย่างนั้นแหละ
ความจริงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันทำผิดอะไรไหม หรือว่าทำผิดที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ?
ฉันเป็นคนไม่มีไหวพริบมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอถูกคนอื่นล้อมรอบและโจมตีติดต่อกันซ้ำๆ แบบนี้ แม้แต่ความสามารถในการรับมือฉันก็ไม่มี ทำได้เพียงหดหัวเหมือนคนขี้ขลาดเท่านั้น
พวกเขาชี้หัวด่าฉันไม่หยุด รู้สึกเหมือนหนังหัวฉันจะถูกพวกเขาจิ้มจนถลอกแล้ว
“เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว งั้นก็แสดงท่าทีในการแก้ปัญหาออกมา พวกคุณล้อมผู้จัดการเซียวไว้แบบนี้มันแก้อะไรไหมเหรอ?”
ฉันจำได้ว่านี่คือเสียงของหนีอีโจว เยี่ยมเลย หนีอีโจวมาแล้ว นั่นก็คือผู้ช่วยชีวิตของฉันมาแล้ว
หนีอีโจวเดินมายืนข้างๆ ฉันและดึงฉันไปไว้ข้างหลังเขา พอมีเขาอยู่ด้วย ฉันก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาทันที
เขาคุ้มกันและพาฉันมาส่งในห้องทำงาน จากนั้นก็ปิดประตูลงและปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่ด้านนอก เขาหันกลับมาและพูดขึ้นสั้นๆ “ไม่ต้องกลัวนะเซียวเซิง ผมออกไปหารือกับพวกเขาก่อน ตอนนี้พวกเขากำลังใจร้อน ไม่ได้อยู่ในสภาวะที่สามารถแก้ปัญหาได้”
ณ เวลานี้ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย หนีอีโจวจับข้อมือฉันไว้และออกแรงบีบเบาๆ เหมือนเป็นการมอบพลังให้ฉันนิดหน่อย
ฉันเดินเข้าไปยังไม่ทันได้นั่งประจำที่ก็มีคนทุบโต๊ะและลุกขึ้นด้วยความโกรธ
“ตอนนี้เซียวซื่อกรุ๊ปกลายมาเป็นแบบนี้แล้ว คุณคิดจะทำยังไง?”
“เซียวเซิง คุณทำให้ทั้งบริษัทต้องเดือดร้อนไปด้วย เพราะความแค้นของตัวคุณเองแค่คนเดียว!”
“ตอนนี้ตระกูลเซียวพินาศย่อยยับหมดแล้ว คุณคิดว่าความสามารถของคุณมันจะทำให้สถานการณ์นี้มันผ่านพ้นไปได้เหรอ?”
พวกเขาพูดมารัวๆ เหมือนกำลังระดมยิงปืนใหญ่ใส่ฉันอีกแล้ว และครั้งนี้หนีอีโจวก็ตบโต๊ะไป “เรื่องทั้งหมดมันเกี่ยวกับเซียวเซิงยังไง? รู้ความหมายของคำว่า ‘ทำชั่วได้ชั่ว’ ไหม? เรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นจริงๆ และเซียวเซิงก็คือเหยื่อ ตอนนี้เซียวซื่อกรุ๊ปเกิดปัญหาด้านการดำเนินงาน มันเป็นเพราะพวกผู้บริหารระดับสูงอย่างพวกคุณไร้ความสามารถ!”
คงเป็นเพราะหนีอีโจวหน้าคล้ายกับปัญญาชนที่มีดวงตาที่สง่างามและมีร่างกายอ่อนแอ การที่เขาตบโต๊ะจึงไม่สามารถปรามคนพวกนั้นลงได้ แต่กลับไปกระตุ้นความโกรธของทุกคนให้มากขึ้น
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกไปสักประโยค ในห้องประชุมก็ชุลมุนวุ่นวายเหมือนกับโจ๊กหม้อหนึ่ง เสียงพูดของหนีอีโจวแทบจะโดนเสียงของคนพวกนั้นกลบหายไปแล้ว
“ตอนนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาทางแก้ไขสิ พวกคุณมาเอะอะโวยวายแบบนี้มันก็แก้ปัญหาไม่ได้หรอก” กว่าฉันจะได้ยินเสียงพูดของตัวเองท่ามกลางเสียงโวยวายได้ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน
พวกเขามองฉัน “ทางแก้อะไร?”
พวกเขาเสียงดังจนฉันปวดหัวไปหมด จะไปคิดหาทางแก้ออกได้ยังไงกันล่ะ?
ผู้จัดการที่นามสกุลหลี่คนหนึ่งไอแห้งๆ ออกมาครั้งหนึ่ง “ทางแก้เดียวในตอนนี้ก็คือให้ผู้จัดการเซียวจัดงานแถลงข่าว ล้างมลทินและบอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ คุณเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเอง ปล่อยตัวประธานเซียวและผู้จัดการเซียวออกมาจากห้องขังก่อน เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกเราคืนมา”
“ใครบอกพวกคุณว่ามันเป็นการกุเรื่องขึ้นมา?” หนีอีโจวตอบแทนฉัน “เซียวซือมีหลักฐานที่แน่นอน เซียวหลิงหลิงตั้งใจทำร้าย กล้องวงจรปิดในบ้านก็บันทึกภาพได้ชัดเจน ส่วนเรื่องคุณนายเซียว รูปพวกนั้นเป็นรูปจริงหรือเปล่า พวกคุณก็น่าจะดูออกนะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...