ความจริงตอนนี้จะจริงหรือเท็จมันก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขาหรอก สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการกอบกู้ชื่อเสียงของเซียวซื่อกรุ๊ปกลับมา และทำให้บริษัทหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี่
ถึงวิธีนี้จะไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน แต่ก็ยังพอจะนับได้ว่าเป็นวิธีการที่มีประโยชน์มากที่สุดในตอนนี้
พวกเขาเสียงดังจนฉันปวดหัวไปหมด สองมือของฉันค้ำโต๊ะประชุมไว้ด้วยท่าทางจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่และข้อเท้าทั้งสองข้างก็กำลังสั่นไม่หยุด
“ยังมีวิธีอื่นอีกไหม?”
“มีวิธีอื่นอีกที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เราค่อยๆ สลายไปเหมือนกับเนื้อเน่าๆ ก้อนหนึ่ง นอกจากแมลงวันที่มาตอมแล้ว จะมีใครมาสนใจเราอีก?”
ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกมาและวางลงบนโต๊ะ เขาชี้ไปที่โทรศัพท์และพูดกับฉัน “ลูกค้ารายใหญ่ในรายชื่อทั้งหมดนี่บล็อกผมหมดแล้ว เซียวซื่อที่มีรากฐานมากว่าร้อยปีนี่ต้องมาพังลงในวันเดียวเหรอ?”
“พวกคุณกำลังเล่นละครดราม่ากันอยู่เหรอ!” หนีอีโจวยิ้มหยัน “บริษัทที่มีรากฐานมั่นคงขนาดนี้จะล้มลงเพราะเรื่องแบบนี้เหรอ?”
“นั่นก็เพราะว่าท่านประธานที่มีชื่อเสียงมาทั้งชีวิตของพวกเรามีช่วงเวลาที่โง่เขลา ยกบริษัทให้ผิดคนไง”
“ตอนที่เกิดเรื่องพวกนี้ เซียวเซิงยกตำแหน่งประธานให้เซียวซือไปแล้ว”
“เพราะงั้นเขาก็เลยโกรธแค้นและใช้กลยุทธ์ทุกข์กายหลอกให้ศัตรูหลงเชื่อน่ะสิ”
ถ้าเขาไม่พูดฉันก็คงคิดไม่ถึงว่านี่คือกลยุทธ์ทุกข์กาย
ใช่ เซียวซือเข้าคุกไปแล้ว และก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉัน เซียวหลิงหลิงก็เข้าคุกเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่ได้โดนน้ำร้อนลวกตาย
ถ้าดูตามทฤษฎีสมคบคิด หมากที่ฉันเดินมันก็ดูหน้าเนื้อใจเสือจริงๆ
ถ้าฉันมีความคิดแบบนี้ ฉันก็คงไม่โดนขนาบข้างโจมตีโดยไม่อาจแก้ตัวได้อย่างเช่นตอนนี้หรอก
ดูเหมือนจะประชุมต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาไม่เหลือพื้นที่ให้ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ
ฉันมองหนีอีโจวอย่างทำอะไรไม่ถูก เขากุมมือฉันไว้และพูดกับฉันเบาๆ “ไม่เป็นไร”
จากนั้นเขาก็พูดกับพวกผู้บริหารระดับสูง “ในเมื่อตอนนี้ทุกคนยังอารมณ์ร้อนอยู่ มันก็ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่เราจะมาประชุมกัน เรื่องนี้เราค่อยมาพิจารณากันใหม่”
“ยังจะพิจารณาอีกเหรอ? ถ้ายังพิจารณาอยู่อีก เซียวซื่อกรุ๊ปก็ล่มจมกันพอดี จริงสิ คุณก็แค่ทนายนี่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาออกความเห็นแทนเธอ?”
“ผมเป็นทนายฝ่ายกฎหมายของบริษัท ผมมีสิทธิ์ออกความเห็นเกี่ยวกับการกระทำที่ส่งผลต่อบริษัท”
“ไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขวันนี้ เซียวเซิง คุณก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย! เรื่องมันเกิดขึ้นก็เพราะคุณ คุณจะไปหดหัวอยู่ข้างหลังทนายทำไมนัก?”
ใครคนหนึ่งเดินข้ามโต๊ะมาและคิดจะคว้าตัวฉันออกไปจากด้านหลังหนีอีโจว เขาไม่ทันคิดว่าจะมีคนลงไม้ลงมือ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขาจึงลากแขนฉันจนมันเจ็บไปหมดจนเกือบจะทำแขนฉันหลุด
“โอ๊ย…” ฉันร้องออกมา จากนั้นหนีอีโจวก็หันมามองฉันทันที “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? เซียวเซิง?”
ฉันกุมแขนไว้และส่ายหน้าให้เขา “ไม่เป็นไร”
ความจริงฉันเจ็บมากจริงๆ หนีอีโจวโมโหมาก “ถ้าพวกคุณยังทำอะไรอีก งั้นผมจะเรียก รปภ.แล้วนะ”
“รปภ.ก็เป็นคนของเซียวซื่อกรุ๊ปของเรา ถ้าเซียวซื่อกรุ๊ปดำเนินกิจการได้ไม่ดี พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะกินหรอก”
นั่นก็หมายความว่า การกระทำของฉันทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทไม่อยากปกป้องฉันอีกต่อไปแล้ว
“มันเป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงอย่างพวกคุณไม่มีความสามารถ ปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้เซียวเซิง”
“นั่นมันก็เป็นปัญหาของผู้มีอำนาจเหมือนกัน!”
พวกเขาโหวกเหวกโวยวายจนการประชุมครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
หนีอีโจวก้มหน้าลงมามองฉัน “เซียวเซิง ผมส่งคุณกลับห้องทำงานก่อนนะ”
“ทำไมเซียวเซิงถึงต้องการลาออก? เธอไม่ใช่คนที่ทำผิดสักหน่อย!”
“เรื่องมันมีต้นเหตุมาจากคุณ…”
ฉันคงไม่มีทางพูดให้ทุกอย่างมันชัดเจนได้ และไม่มีวันพูดให้พวกเขาเข้าใจได้
ในตอนนั้นเองประตูลิฟต์ก็เปิดออก หนีอีโจวโอบฉันไว้และกำลังจะเดินเข้าไป แต่กลับมีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ซะก่อน
ผู้คนที่รุมล้อมอยู่รอบตัวฉันเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นเขา ฉันยังคิดอยู่เลยว่าใครกันนะที่มีความน่าเกรงขามขนาดนี้ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เข้าใจในทันที
สีชิงชวนล่ะ เขายืนอยู่ข้างหน้าฉันด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยและไม่มีท่าทีฉุนเฉียวใดๆ
เขาคนนี้ ตอนที่มุมปากเขายกยิ้มขึ้นกับตอนที่ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึก ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนคนละคน
สายตาของสีชิงชวนมองเหลือบมองไหล่ฉันอย่างเฉยชา จากนั้นฉันก็ดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของหนีอีโจวโดยอัตโนมัติ
เขากระดิกนิ้วให้ฉัน ฉันจึงเดินไปยืนข้างๆ เขา
“ทนายของบริษัทไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งกับการดำเนินงานของบริษัทมากมายขนาดนั้น” สีชิงชวนคว้าข้อมือฉันไว้และเดินผ่านร่างหนีอีโจวไป “ทนายนั่นสอนอะไรคุณได้บ้าง? สอนวิธีการเป็นคนขี้ขลาดให้คุณ สอนว่าคุณต้องหนียังไงในช่วงเวลาคับขันนี่น่ะเหรอ?”
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงถูกสีชิงชวนลากกลับมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้หนีอีโจเพิ่งจะพาฉันเดินออกไปที่ประตูลิฟต์ได้อย่างยากเย็นแท้ๆ
เมื่อสีชิงชวนมา คนพวกนั้นก็ไม่กล้ามาทุบประตูอีก ฉันนั่งงอตัวอยู่บนเก้าอี้ผู้จัดการและกัดเล็บด้วยความใจจดใจจ่อ
ฉันคิดว่าพอสีชิงชวนมาแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องคิดให้ว้าวุ่นและสามารถเอาสมองของตัวเองไปแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นได้เลย เพราะเขาจะช่วยฉันแก้ไขปัญหาทุกอย่าง
บางครั้งการมีสามีที่มีอำนาจก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...