พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 348

ความจริงตอนนี้จะจริงหรือเท็จมันก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขาหรอก สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการกอบกู้ชื่อเสียงของเซียวซื่อกรุ๊ปกลับมา และทำให้บริษัทหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ย่ำแย่นี่

ถึงวิธีนี้จะไม่ยุติธรรมสำหรับฉัน แต่ก็ยังพอจะนับได้ว่าเป็นวิธีการที่มีประโยชน์มากที่สุดในตอนนี้

พวกเขาเสียงดังจนฉันปวดหัวไปหมด สองมือของฉันค้ำโต๊ะประชุมไว้ด้วยท่าทางจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่และข้อเท้าทั้งสองข้างก็กำลังสั่นไม่หยุด

“ยังมีวิธีอื่นอีกไหม?”

“มีวิธีอื่นอีกที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เราค่อยๆ สลายไปเหมือนกับเนื้อเน่าๆ ก้อนหนึ่ง นอกจากแมลงวันที่มาตอมแล้ว จะมีใครมาสนใจเราอีก?”

ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งล้วงโทรศัพท์ออกมาและวางลงบนโต๊ะ เขาชี้ไปที่โทรศัพท์และพูดกับฉัน “ลูกค้ารายใหญ่ในรายชื่อทั้งหมดนี่บล็อกผมหมดแล้ว เซียวซื่อที่มีรากฐานมากว่าร้อยปีนี่ต้องมาพังลงในวันเดียวเหรอ?”

“พวกคุณกำลังเล่นละครดราม่ากันอยู่เหรอ!” หนีอีโจวยิ้มหยัน “บริษัทที่มีรากฐานมั่นคงขนาดนี้จะล้มลงเพราะเรื่องแบบนี้เหรอ?”

“นั่นก็เพราะว่าท่านประธานที่มีชื่อเสียงมาทั้งชีวิตของพวกเรามีช่วงเวลาที่โง่เขลา ยกบริษัทให้ผิดคนไง”

“ตอนที่เกิดเรื่องพวกนี้ เซียวเซิงยกตำแหน่งประธานให้เซียวซือไปแล้ว”

“เพราะงั้นเขาก็เลยโกรธแค้นและใช้กลยุทธ์ทุกข์กายหลอกให้ศัตรูหลงเชื่อน่ะสิ”

ถ้าเขาไม่พูดฉันก็คงคิดไม่ถึงว่านี่คือกลยุทธ์ทุกข์กาย

ใช่ เซียวซือเข้าคุกไปแล้ว และก็ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉัน เซียวหลิงหลิงก็เข้าคุกเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่ได้โดนน้ำร้อนลวกตาย

ถ้าดูตามทฤษฎีสมคบคิด หมากที่ฉันเดินมันก็ดูหน้าเนื้อใจเสือจริงๆ

ถ้าฉันมีความคิดแบบนี้ ฉันก็คงไม่โดนขนาบข้างโจมตีโดยไม่อาจแก้ตัวได้อย่างเช่นตอนนี้หรอก

ดูเหมือนจะประชุมต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเขาไม่เหลือพื้นที่ให้ฉันพูดเลยด้วยซ้ำ

ฉันมองหนีอีโจวอย่างทำอะไรไม่ถูก เขากุมมือฉันไว้และพูดกับฉันเบาๆ “ไม่เป็นไร”

จากนั้นเขาก็พูดกับพวกผู้บริหารระดับสูง “ในเมื่อตอนนี้ทุกคนยังอารมณ์ร้อนอยู่ มันก็ไม่ใช่โอกาสที่ดีที่เราจะมาประชุมกัน เรื่องนี้เราค่อยมาพิจารณากันใหม่”

“ยังจะพิจารณาอีกเหรอ? ถ้ายังพิจารณาอยู่อีก เซียวซื่อกรุ๊ปก็ล่มจมกันพอดี จริงสิ คุณก็แค่ทนายนี่ คุณมีสิทธิ์อะไรมาออกความเห็นแทนเธอ?”

“ผมเป็นทนายฝ่ายกฎหมายของบริษัท ผมมีสิทธิ์ออกความเห็นเกี่ยวกับการกระทำที่ส่งผลต่อบริษัท”

“ไม่ได้ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการแก้ไขวันนี้ เซียวเซิง คุณก็อย่าหวังจะได้ออกไปเลย! เรื่องมันเกิดขึ้นก็เพราะคุณ คุณจะไปหดหัวอยู่ข้างหลังทนายทำไมนัก?”

ใครคนหนึ่งเดินข้ามโต๊ะมาและคิดจะคว้าตัวฉันออกไปจากด้านหลังหนีอีโจว เขาไม่ทันคิดว่าจะมีคนลงไม้ลงมือ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน เขาจึงลากแขนฉันจนมันเจ็บไปหมดจนเกือบจะทำแขนฉันหลุด

“โอ๊ย…” ฉันร้องออกมา จากนั้นหนีอีโจวก็หันมามองฉันทันที “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? เซียวเซิง?”

ฉันกุมแขนไว้และส่ายหน้าให้เขา “ไม่เป็นไร”

ความจริงฉันเจ็บมากจริงๆ หนีอีโจวโมโหมาก “ถ้าพวกคุณยังทำอะไรอีก งั้นผมจะเรียก รปภ.แล้วนะ”

“รปภ.ก็เป็นคนของเซียวซื่อกรุ๊ปของเรา ถ้าเซียวซื่อกรุ๊ปดำเนินกิจการได้ไม่ดี พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะกินหรอก”

นั่นก็หมายความว่า การกระทำของฉันทำให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทไม่อยากปกป้องฉันอีกต่อไปแล้ว

“มันเป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงอย่างพวกคุณไม่มีความสามารถ ปัดความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้เซียวเซิง”

“นั่นมันก็เป็นปัญหาของผู้มีอำนาจเหมือนกัน!”

พวกเขาโหวกเหวกโวยวายจนการประชุมครั้งนี้ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

หนีอีโจวก้มหน้าลงมามองฉัน “เซียวเซิง ผมส่งคุณกลับห้องทำงานก่อนนะ”

“ทำไมเซียวเซิงถึงต้องการลาออก? เธอไม่ใช่คนที่ทำผิดสักหน่อย!”

“เรื่องมันมีต้นเหตุมาจากคุณ…”

ฉันคงไม่มีทางพูดให้ทุกอย่างมันชัดเจนได้ และไม่มีวันพูดให้พวกเขาเข้าใจได้

ในตอนนั้นเองประตูลิฟต์ก็เปิดออก หนีอีโจวโอบฉันไว้และกำลังจะเดินเข้าไป แต่กลับมีใครคนหนึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ซะก่อน

ผู้คนที่รุมล้อมอยู่รอบตัวฉันเงียบเสียงลงทันทีเมื่อเห็นเขา ฉันยังคิดอยู่เลยว่าใครกันนะที่มีความน่าเกรงขามขนาดนี้ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เข้าใจในทันที

สีชิงชวนล่ะ เขายืนอยู่ข้างหน้าฉันด้วยท่าทางสง่าผ่าเผยและไม่มีท่าทีฉุนเฉียวใดๆ

เขาคนนี้ ตอนที่มุมปากเขายกยิ้มขึ้นกับตอนที่ใบหน้าราบเรียบไม่แสดงความรู้สึก ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนคนละคน

สายตาของสีชิงชวนมองเหลือบมองไหล่ฉันอย่างเฉยชา จากนั้นฉันก็ดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของหนีอีโจวโดยอัตโนมัติ

เขากระดิกนิ้วให้ฉัน ฉันจึงเดินไปยืนข้างๆ เขา

“ทนายของบริษัทไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งกับการดำเนินงานของบริษัทมากมายขนาดนั้น” สีชิงชวนคว้าข้อมือฉันไว้และเดินผ่านร่างหนีอีโจวไป “ทนายนั่นสอนอะไรคุณได้บ้าง? สอนวิธีการเป็นคนขี้ขลาดให้คุณ สอนว่าคุณต้องหนียังไงในช่วงเวลาคับขันนี่น่ะเหรอ?”

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงถูกสีชิงชวนลากกลับมาอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้หนีอีโจเพิ่งจะพาฉันเดินออกไปที่ประตูลิฟต์ได้อย่างยากเย็นแท้ๆ

เมื่อสีชิงชวนมา คนพวกนั้นก็ไม่กล้ามาทุบประตูอีก ฉันนั่งงอตัวอยู่บนเก้าอี้ผู้จัดการและกัดเล็บด้วยความใจจดใจจ่อ

ฉันคิดว่าพอสีชิงชวนมาแล้ว ฉันก็คงไม่ต้องคิดให้ว้าวุ่นและสามารถเอาสมองของตัวเองไปแช่ทิ้งไว้ในตู้เย็นได้เลย เพราะเขาจะช่วยฉันแก้ไขปัญหาทุกอย่าง

บางครั้งการมีสามีที่มีอำนาจก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเหมือนกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)