พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 349

ฉันยังไม่ทันกัดเล็บหมดสักเล็บ สีชิงชวนก็เตรียมจะเปิดประตูออกไปด้านนอก

ฉันถามเขาอย่างงงงัน “คุณจะไปไหน?”

“ทำธุระของผม”

“ธุระอะไรของคุณ?”

“ผมจะไปบริษัท”

“งั้นคุณมาที่นี่ทำไม?”

“ผ่านมาพอดีก็เลยแวะมา”

“แต่ว่า…” ฉันลุกขึ้น “ข้างนอกมีแต่เรื่องวุ่นวาย พวกผู้บริหารระดับสูงพวกนั้นกำลังจะคิดบัญชีกับฉัน”

“นั่นมันก็เรื่องของคุณ” มือเขากุมลูกบิดประตูไว้และหันมามองฉัน “คุณจะมุดหัวอยู่แต่ในทรายเป็นนกกระจอกเทศไปตลอดไม่ได้ เรื่องของคุณ คุณต้องจัดการเอง”

“แต่ฉันจัดการไม่เป็นนี่”

“งั้นก็หัดเรียนรู้ที่จะจัดการ”

“สอนฉันนะ”

“นี่คุณหัดสร้างสถานการณ์เรียกร้องค่าเสียหายเหรอ?” สีชิงชวนยิ้มหยัน “คุณมีสมองแต่ไม่ใช้ มันจะขึ้นสนิมเอานะ”

พูดจบ สีชิงชวนก็เปิดประตูออก จากนั้นก็เดินออกไปจริงๆ

ฉันไม่รู้ว่าเขามาทำไม เหมือนกับมาไล่หนีอีโจวให้ออกห่างจากตัวฉันและให้ฉันเผชิญหน้ากับเรื่องพวกนี้คนเดียวอย่างนั้นแหละ

ที่จริงหนีอีโจวยังสามารถช่วยปกป้องฉันได้บ้าง แล้วตอนนี้ล่ะเป็นไง ทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับฉันด้วย?

สีชิงชวนเป็นโรคหลายบุคลิกหรือเปล่าเนี่ย?

เขาทำแบบนี้มันทำให้สับสนจริงๆ ด้านหนึ่งเขาก็เหมือนจะปฏิบัติกับฉันอย่างดี แต่อีกด้านกลับทรมานฉันสารพัด

ชาติที่แล้วฉันคงติดหนี้เขาจริงๆ ชาตินี้เขาก็เลยมาเอาคืน

ตอนนี้ฉันหัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงโทรหาเฉียวอี้ให้เธอมาช่วยแล้ว แต่ตอนนี้เฉียวอี้ไม่โทรหาฉันเลยเพราะเรื่องของฉินกวน

ฉันไม่รู้ว่าเขาโกรธฉันหรือเปล่า ตอนนี้ฉันก็เลยไม่กล้าโทรหาเธอ

ตอนนี้ดูเหมือนฉันต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ ไม่งั้นฉันต้องแย่แน่ๆ งั้นก็จัดงานแถลงข่าวชี้แจงเรื่องตอนนี้ทั้งหมดแล้วกัน แบบนี้ก็จะได้กอบกู้ชื่อเสียงของเซียวซื่อกรุ๊ปกลับมาด้วย ฉันจะได้ไม่ต้องโดนด่าเละแบบนี้

แต่ถ้าฉันทำแบบนี้จริงๆ งั้นต่อไปฉันต้องโดนเฉียวอี้ด่าตายแน่ๆ

มันไม่ใช่ความผิดของฉันและทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นฝีมือพวกเธอแท้ๆ ทำไมฉันต้องล้างมลทินให้พวกเธอด้วย?

ฉันคิดวุ่นวายจนตัวเองจะบ้าตายอยู่แล้ว นอกจากจะขังตัวเองไว้ในห้องทำงานแล้ว ฉันก็ไม่รู้เลยว่าควรทำยังไงดี

ช่างเถอะ ฉันใช้วิธีแก้ปัญหาเชิงลบไปก่อนแล้วกัน ยังไงตอนนี้ก็เย็นแล้ว พวกเขาคงไม่รอฉันอยู่ข้างนอกโดยไม่ยอมเลิกงานไปตลอดหรอก

ยังไงก็ต้องมีช่วงที่เลิกงานสิ

ฉันล็อกประตูไว้ พวกเขาจึงบุกเข้ามาไม่ได้ จากนั้นก็รอเวลาเลิกงาน และแล้วเสียงเอะอะโวยวายด้านนอกก็ค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจริงๆ

รอจนกระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ก็จะไม่เหลือคนอยู่แล้ว

ฉันมองเวลาก็พบว่านี่มันหนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว จึงหยิบของและเดินออกมาจากห้องทำงาน มองไปรอบก็พบแต่ความมืดมิด ทุกคนกลับไปหมดแล้ว

ฉันจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ดูเหมือนวิธีการเชิงลบก็เป็นการแก้ปัญหาได้อย่างหนึ่ง

รอค่ำแล้วกลับไป ฉันจะโทรหาเฉียวอี้และอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับเรื่องของฉินกวน แล้วก็ให้เธอคิดหาวิธีช่วยฉันไปด้วย

ฉันกำลังจะเดินออกไปที่ประตูลิฟต์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังออกมาจากมุมมุมหนึ่ง “วิธีหนีของคุณนี่สุดยอดจริงๆ!”

จู่ๆ ก็มีเสียงคนพูดขึ้น แถมยังดังออกมาจากมุมมืดๆ อีกต่างหาก ไม่ได้ทำให้ฉันตกใจจนฉี่ราด

สีชิงชวนเออออห่อหมกไปกับฉันและยังถามฉันอย่างเป็นมิตรอีกด้วยว่าอยากทานอะไร

ฉันว่าเขาน่าจะเป็นโรคหลายบุคลิกนะ เมื่อช่วงบ่ายยังทิ้งฉันไว้คนเดียวอยู่เลย ตอนนี้กลับมาถามฉันว่าอยากทานอะไร

ฉันครุ่นคิดและบอกเขา “เนื้อย่าง”

ไม่คิดว่าสีชิงชวนจะตอบตกลง ความจริงตอนที่เขาอยู่กับฉัน เขาเปลี่ยนรสนิยมการกินไปเยอะเหมือนกัน แถมยังยอมรับการไปทานเนื้อย่างที่ร้านอาหารแผงลอยได้อีกด้วย

ร้านเนื้อย่างที่รสชาติอร่อยที่สุดก็ต้องอัดแน่นไปด้วยผู้คนอยู่แล้ว ไปตอนทุ่มกว่าๆ ก็เกือบจะไม่มีโต๊ะนั่งอยู่แล้ว แต่มีโต๊ะหนึ่งที่ลูกค้าเช็กบิลออกไปพอดี เราจึงได้ไปนั่งตรงนั้น

ไม่รู้ว่ามันบังเอิญเกินไปหรือว่าไม่บังเอิญเกินไปกันแน่ โต๊ะข้างๆ ของเราก็คือสาวๆ พนักงานแผนกต้อนรับไม่กี่คนของบริษัทเรานี่เอง แต่ว่าเธอไม่เห็นพวกเราและกำลังพูดคุยกันเสียงดัง

ดังจนแม้แต่นั่งอยู่ในร้านอาหารที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายและเสียงพูดคุยจอแจขนาดนี้ ฉันก็ยังได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจน

พวกเธอกำลังซุบซิบนินทาอะไรบางอย่าง และคนที่กำลังนินทาอยู่ก็คือฉันนี่แหละ

“ประธานบริษัทคนก่อนของบริษัทเราน่าจะเป็นคนที่ไร้ความสามารถ อ่อนแอ แล้วก็ขี้ขลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอแล้วมั้ง”

“จริง เธอเห็นปะ? วันนี้พวกผู้จัดการออกันอยู่หน้าห้องทำงานเธออะ แล้วเธอไม่กล้าออกมาเลยนะ”

“จริงๆ ฉันว่าเธอก็ไม่ได้ทำผิดอะไรนะ พูดจริงๆ เธอเป็นเหยื่อด้วยซ้ำ ถูกแม่เลี้ยงกับพี่สาวสองคนทำร้ายขนาดนั้น เธอน่าสงสารมากนะ”

“แล้วเธอรู้ไหมว่าทำไมประธานคนเก่ายังโดนพวกพี่สาวสองคนนั่นทำร้ายขนาดนั้นอีก ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้ยุ่งเรื่องในบริษัทแล้ว?”

“ทำไมๆ?”

“เหตุผลง่ายมาก บนโลกนี้คนที่น่าสงสารก็ต้องมีเรื่องที่ต้องถูกเกลียด และที่สำคัญที่สุดก็คือในมือของคนที่ไร้ความสามารถที่น่าสงสารคนนี้มีอำนาจมากกว่าคนอื่นไง ก็เลยทำให้คนอื่นอิจฉา ใครให้สามีเธอเป็นสีชิงชวนกันล่ะ เซียวซือก็ต้องแย่งของที่ควรจะเป็นของเธอตั้งแต่แรกคืนสิ”

ฉันนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ นั้นอย่างเศร้าซึม พวกเธอไม่เห็นฉัน ฉันรู้สึกไม่อยากกินที่นี่ขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว

ถ้าคนอื่นได้ยินคนพูดนินทาจะต้องทุบโต๊ะและลุกขึ้นด้วยความโมโหแน่ แต่ฉันแค่อยากหลบไปให้ไกลๆ และหลีกเลี่ยงความน่าอึดอัด

สีชิงชวนนั่งลงตรงข้ามฉัน เขามองฉันด้วยสีหน้าคล้ายจะยิ้ม “พวกเธอพูดถูกอยู่ประโยคหนึ่ง คุณรู้ไหมว่าประโยคไหน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)