“เฉียวอี้…” จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าฉันตะโกนจนคอฉันจะแหกแล้ว ถึงฉันจะกลัวมาก แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรนิสัยของฉันก็นับว่าเงียบเงียบเฉยมาโดยตลอด
ครั้งนี้ท่าทีของเฉียวอี้ทำให้ฉันตกใจมากจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เธอเย็นชาใส่ฉันขนาดนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เธอล็อกห้องและไม่ให้ฉันเข้าไปเจอ ทำให้ฉันเจอเธอไม่ได้
ฉันเคาะประตูเสียงดังมาก ในตอนนั้นเองประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออกและคุณแม่เฉียวก็เดินออกมา “เซียวเซิง”
ท่านมองฉันอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
ที่แท้คืนนี้คุณแม่เฉียวก็อยู่บ้านด้วย ดูจากตาท่านที่ยังบวมๆ อยู่ ท่านต้องเพิ่งนอนและตกใจตื่นเพราะฉันแน่ๆ
ช่วงนี้ท่านต้องไปดูแลคุณพ่อเฉียวทุกวัน แค่นี้ท่านก็เหนื่อยมากแล้ว ฉันยังไปทำให้เธอตื่นอีก
“คุณแม่ ขอโทษนะคะที่เสียงดังทำให้คุณแม่ตื่น”
“ไม่เป็นไรจ้ะ” ท่านเดินเข้ามาและพูดอย่างนุ่มนวลเบาๆ “เฉียวอี้หลับแล้วเหรอ? หนูเคาะเสียงดังขนาดนี้เธอไม่ได้ยินหรือไง?”
“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูโทรหาเธอก็ได้”
“หนูรอแป๊บนะลูก เดี๋ยวแม่ไปเอากุญแจมาให้” คุณแม่เฉียวไปเอากุญแจมาให้ฉัน “ดอกเล็กนั้นใช้เปิดได้จ้ะ”
“ค่ะ โอเคค่ะ” ฉันลองเปิดดู แล้วมันก็เปิดประตูได้จริงๆ
ฉันเห็นว่าเฉียวอี้รีบมุดเข้าไปใต้ผ้าห่มทันที จากนั้นก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง
เธอไม่อยากเจอฉัน
ฉันเดินไปข้างเตียงเธอ อยากจะดึงผ้าห่มออกแต่ก็ไม่กล้า จึงพูดกับเธอโดยที่มีผ้าห่มคั่นกลางอยู่อย่างนั้น
“เฉียวอี้ เธอฟังฉันอธิบายนะ ฉันกับฉินกวนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆ วันนั้นฉันกับเขา…”
“เมื่อเช้าฉันแค่ยุ่งนิดหน่อย เธอไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันไม่อยากฟัง…” เสียงของเฉียวอี้ดังออกมาจากในผ้าห่ม
“ฉันกับฉินกวนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันจริงๆ ฉันรู้ว่าเธอชอบเขา ฉันจะไปคิดอะไรกับเขา…”
ทันใดนั้นเฉียวอี้ก็ดึงผ้าห่มของเธอออกและพูดพร้อมกับจ้องมองฉันด้วยดวงตากลมโต “ฉันไม่สนว่าเธอจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาไหม แต่ยังไงก็แล้วแต่ เซียวเซิง ท่าทางอ่อนแอน่าสงสารของเธอจะทำให้ผู้ชายทุกคนบนโลกเกิดความรู้สึกอยากปกป้องแล้วก็มาปกป้องเธอ คำถามคือบนโลกนี้มีละครเจ้าหญิงเจ้าชายเยอะแยะขนาดนั้นเลยเหรอ?” เฉียวอี้ตะโกนคำพูดพวกนั้นใส่ฉัน น้อยครั้งมากที่เธอจะพูดเสียงดังขนาดนี้ใส่ฉัน วันนี้ถือเป็นครั้งแรกของหลายๆ อย่างเลย
“เฉียวอี้ ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรโผเข้าไปร้องในอ้อมกอดเขา ฉันน่าจะคิดให้ดีๆ ออกห่างจากเขา แล้วก็ขีดเส้นให้ชัดเจน…”
“พอแล้ว เธอไม่ต้องพูดแล้ว มันไม่เกี่ยวกับฉินกวน เธอคิดว่าฉันเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“งั้นเธอโกรธฉันทำไม?”
“ใครบอกว่าฉันโกรธเธอ?” เฉียวอี้ถูจมูก “ฉันง่วงจะตายแล้ว จะนอนแล้ว เซียวเซิง เธอกลับไปเถอะ!”
ตอนที่ใครสักคนไม่อยากคุยกับอีกคนหนึ่ง เธอจะไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอารมณ์ของตัวเธอเอง ถ้าเฉียวอี้ไม่ได้โกรธฉัน งั้นทำไมเธอถึงไม่คุยกับฉันล่ะ?
ฉันเสียใจมาก แต่กลับจนปัญญาจริงๆ ฉันมองเฉียวอี้และแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“เฉียวอี้ ฉันบอกเธอตามตรงนะ จริงๆ ฉินกวนกับแม่ฉันรู้จักกัน ครั้งนั้นที่สีชิงชวนพาฉันไปล่องเรือยอชต์ ฉันได้เจอกับเขา มันก็คือครั้งนั้นที่ไปเกาะกลางทะเลนั่นแหละ แหวนที่เขาใส่อยู่บนนิ้วนั่นเป็นแหวนที่แม่ฉันมอบให้เขา”
เฉียวอี้เบิกตากว้างทันที เธออ้าปากกว้างและมองฉันอย่างโง่ๆ
ฉันคิดว่าถ้าฉันอธิบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่และฉินกวนให้เธอฟังอย่างชัดเจนแล้ว เธอก็จะไม่โกรธฉันอีก
แต่เธอยังเป็นเหมือนเดิม ฉันจึงรู้สึกกลัดกลุ้มอยู่เต็มอก
“เฉียวอี้ เธอรู้ไหมว่าวันนี้ฉันต้องไปเจออะไรมาบ้าง? วันนี้ฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น ฉันตกอยู่ในสถานการณ์ที่จนมุมไม่มีใครช่วย ทุกคนในเซียวซื่อกรุ๊ปมารุมล้อมรุมทึ้งฉัน ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมฉันที่เป็นเหยื่อแท้ๆ แต่กลับต้องกลายมาเป็นสาเหตุและเป็นเป้าที่ทุกคนมารุมโจมตีแบบนี้ พวกเขาบอกให้ฉันล้างมลทินให้เซียวซือกับเซียวหลิงหลิง บอกว่าฉันเป็นคนส่งพวกเขาเข้าคุกด้วยมือของฉันเอง ไม่ว่าฉันจะพูดยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์เลยเฉียวอี้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันควรทำยังไง ฉันทำอะไรผิดตรงไหน? พวกเธอต่างหากที่…”
“พอได้แล้วเซียวเซิง ฉันไม่อยากฟังเธอพูดอะไรยืดเยื้อพวกนี้อีกแล้ว เธอบอกเรื่องพวกนี้กับฉันแล้วจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?” เฉียวอี้ตะโกนใส่ฉันเสียงดังลั่น
“ฉันคิดว่าเธอจะช่วยฉัน…”
เฉียวอี้ดึงผ้าห่มของเธอออกอีกครั้ง และลุกขึ้นนั่งพร้อมเสียงฮึดฮัด “ฉันช่วยเธอได้? ฉันช่วยเธอได้แค่ตอนนี้ แต่ฉันช่วยเธอไปได้ตลอดเหรอ? ตั้งแต่เล็กจนโต พอเจอเรื่องอะไรเธอก็เอาแต่หลบอยู่ข้างหลังฉัน บอกให้ฉันคอยช่วยคุ้มกันให้เธอ ฉันจะคอยคุ้มกันให้เธอไปได้ตลอดชีวิตเหรอ?”
“เราไม่ได้จะคบกันไปตลอดเหรอ?”
“มันไม่ใช่แบบนั้นเซียวเซิง ไม่มีใครสามารถช่วยเธอไปได้ตลอดชีวิตหรอก” น้ำเสียงของเฉียวอี้และคำพูดของเธอ ทำให้ฉันรู้สึกไม่คุ้นเคยเลยจริงๆ
ก่อนช่วงเช้าของวันนี้ มันยังไม่เป็นแบบนั้น ช่วงเช้าเธอเห็นฉันยังมีท่าทีจะช่วยฉันอยู่เลย แต่ทำไมจู่ๆ ถึงเปลี่ยนไปหมดแบบนี้ล่ะ?
ฉันเคยคิดว่าทุกเรื่องบนโลกใบนี้มันไม่อาจคาดเดาได้เลย ไม่ว่าเรื่องอะไรหรือไม่ว่าใครก็ตาม ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนไปได้อย่างง่ายดาย
แต่เฉียวอี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน มิตรภาพระหว่างฉันและเธอนั้นแข็งแกร่งดุจหินผา ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถมาทำให้มันสั่นคลอนได้
เพียงเพราะเรื่องเรื่องเดียวที่ตอนนี้ฉันได้อธิบายไปอย่างชัดเจนแล้ว ทั้งเรื่องราวในอดีตและทุกเรื่องที่ผ่านมา เธอพังมันลงหมดแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...