พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 353

ฉันยืนเงียบไม่พูดอะไรอยู่หน้าเตียงของเฉียวอี้ ฉันนึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าระหว่างพวกเราสองคนมันจะแก้ไม่ตกเพราะการทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้

ฉันคิดว่าแค่ฉันอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนก็พอแล้ว แต่ตอนนี้ดูแล้วถึงฉันจะอธิบายไปชัดเจนขนาดนั้นแล้ว แต่ก็ดูเหมือนเฉียวอี้จะยังไม่ยอมยกโทษให้ฉัน

“เฉียวอี้...” ฉันยังอยากพูดอะไรกับเธอมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่อยากฟังแล้ว “เซียวเซิง เธอกลับไปเถอะ งานของฉันในตอนนี้มันกดดันมากๆ เรื่องพวกนั้นของเธอไม่มีค่าพอให้มาพูดกับฉัน”

“งั้นเธอพักผ่อนก่อนเถอะ เฉียวอี้ พรุ่งนี้ฉันจะโทรหาเธอนะ”

เธอมุดตัวเงียบอยู่ใต้ผ้าห่ม ฉันมองเธอที่อยู่ใต้ผ้าห่มสักพัก จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินไปทางประตูช้าๆ

ในตอนที่กำลังจะเปิดประตู ฉันก็ได้ยินเธอพูดกับฉันว่า “เซียวเซิง ฉันว่าช่วงนี้เธออย่าโทรหาฉันเลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ฉันคอยเช็ดก้นให้เธอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ตอนนี้ในตอนที่ฉันเองก็ยับเยินเหมือนกัน เธอช่วยปล่อยฉันไปได้ไหม? ”

“เฉียวอี้ เธอเบื่อกันแล้วเหรอ? ” ฉันจับลูกบิดประตูเอาไว้ และถามออกไปอย่างอ่อนแรง

“ใช่ รำคาญแล้ว เบื่อแล้ว เหนื่อยแล้ว” แม้ว่าเสียงของเธอจะไม่ชัดเหมือนเวลาพูดปกติเพราะอยู่ใต้ผ้าห่ม แต่ฉันกลับฟังความรำคาญและความเหนื่อยล้าในน้ำเสียงของเธอออก

ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปอีกก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว และฉันก็รู้ว่าจะทำยังไงให้คนอื่นไม่รำคาญ

ฉันหันกลับไปมองเฉียวอี้ ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มดูเหมือนคนแปลกหน้า

เธอหมดความอดทนกับฉันแล้ว ส่วนฉันเองก็ไม่ได้เชื่อในตัวเฉียวอี้ร้อยเปอร์เซ็นต์และคิดว่ามิตรภาพระหว่างพวกเราสองคนจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

เรื่องนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวกับฉินกวน แต่จริงๆ แล้วเหมือนมันจะไม่เกี่ยวกับเขาเลย

ฉันรู้สึกอยู่ตลอดเลยว่าการเข้าใจผิดกันของฉันกับเฉียวอี้ในครั้งนี้เป็นเรื่องที่จงใจทำให้เกิดขึ้น เป็นเรื่องปั้นน้ำเป็นตัว เป็นเรื่องที่ไม่ได้จำเป็นอะไรขนาดนั้น

ฉันนออกมาจากห้องของเฉียวอี้ด้วยสภาพหน้าม่อยคอตก สีชิงชวนรอฉันอยู่ที่ห้องรับแขกด้านล่าง อาสะใภ้สี่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเขาด้วยความตื่นตระหนกกระวนกระวายใจ และเติมชาให้เขาแก้วแล้วแก้วเล่า

เมื่อเขาเห็นฉันลงมา เขาก็เดินเข้ามาหาฉัน คาดว่าสีหน้าของฉันคงจะน่ากลัวมาก เขาถึงได้จับแขนของฉันไว้

“คุณจะไม่เป็นลมล้มไปใช่ไหม! ”

ถึงฉันจะเป็นคนขี้ขลาดมากๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเปราะบางอ่อนแอ แม้ว่าฉันจะเสียใจมาก จนถึงกับรู้สึกสิ้นหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่จะเป็นลมล้มลงไปเอาดื้อๆ ขนาดนั้น

ฉันบอกลาอาสะใภ้สี่จากนั้นก็เดินออกมา

ฉันไม่เคยรู้สึกหมดแรงขนาดนี้มาก่อนเลย หมดแรงจนไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรกับสถานการณ์ในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยแม้แต่น้อย

ฉันเดินขึ้นไปบนรถของสีชิงชวน แต่ผ่านไปนานมากเขาก็ยังไม่ขับรถออกไปสักทีและหันมามองฉัน

“ยังไม่ออกรถอีกเหรอ? ” ฉันเอ่ยอย่างเนือยๆ หลังจากนั้นเขาจึงขับรถออกไป และไม่ได้พูดอะไรออกมา

ฉันหวังว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมา และทำเพียงขับรถไปเงียบๆ เพราะเดิมทีฉันก็ถูกโจมตีมาหนักแล้ว ถ้าเขาพูดอีกฉันก็จะถูกโจมตีหนักยิ่งกว่าเดิม

แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันหวังไว้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเงียบไปตลอด ทันทีที่รถขับออกจากบ้านของเฉียวอี้ สีชิงชวนก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ครั้งนี้ผู้ช่วยชีวิตของคุณไม่ช่วยคุณ งั้นเรื่องพรุ่งนี้คุณต้องเผชิญหน้าคนเดียวแล้วล่ะ”

“ฉันไม่ได้มาหาเฉียวอี้เพื่อขอให้เธอช่วยบังลมบังฝนให้ฉัน” แม้ว่าฉันจะไม่อยากอธิบายกับเขา แต่ฉันก็ต้องอธิบายให้ชัดเจน

“งั้นเหรอ? ” สีชิงชวนยิ้มอย่างลึกล้ำ “ตลอดเวลาที่ผ่านมา สำหรับคุณแล้วบทบาทของเฉียวอี้ก็เป็นแค่โล่กำบังงั้นเหรอ? ”

“ไม่ ฉันไม่ใช่ ฉันไม่ได้ต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่นถึงจะมีชีวิตอยู่ได้”

“คุณเป็น คุณตามหาที่พึ่งทางด้านจิตใจของคุณอยู่ตลอดเวลา ตอนเด็กๆ ที่พึ่งทางด้านครอบครัวของคุณมีแหล่งกำเนิดมาจากคุณแม่ของคุณ หลังจากที่แม่ของคุณจากโลกนี้ไปแล้ว คุณก็ไปพึ่งพาอาศัยเซียวหยวน ส่วนเฉียวอี้ก็เป็นที่พึ่งทางจิตใจในด้านมิตรภาพของคุณ คุณมองพวกเขาเป็นต้นไม้ใหญ่ และเติบโตขึ้นพันอยู่รอบตัวพวกเขา ถ้าไม่มีพวกเขา ก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้คุณจะเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น มีใครไม่ต้องการความรักจากครอบครัวด้วยเหรอ มีใครไม่ต้องการมิตรภาพด้วยเหรอ? ” ฉันพยายามแย้งกลับไป

“ใครๆ ก็ต้องการกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่การพึ่งพาอาศัย คุณเอาพลังทั้งหมดในการดำรงชีวิตของคุณไปฝากไว้ที่ผู้คนที่ถูกเรียกว่าที่พึ่งทางด้านจิตใจเหล่านี้ คุณรู้ไหมว่าตัวอักษรเผิง1(朋) ในคำว่าเพื่อนเขียนยังไง? ตัวอักษรเผิง (朋) เมื่อแบ่งออกจากกันจะแบ่งออกเป็นตัวอักษรเยวี่ย (月 แปลว่าดวงจันทร์) สองตัว เป็นตัวอักษรสองตัวที่สามารถอยู่เดี่ยวๆ ตัวเดียวได้ ถึงเฉียวอี้จะแยกตัวออกจากคุณไป แต่เธอก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตอย่างยอดเยี่ยมต่อไปได้ แล้วคุณทำได้หรือเปล่าล่ะ? ”

“พวกเราสองคนก็ยังดีๆ กันอยู่ ไม่มีทางทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะเรื่องเล็กน้อยกระจอกงอกง่อยแบบนี้ มิตรภาพของฉันกับเฉียวอี้ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้นเหมือนอย่างที่คุณคิด”

“ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหรือไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีความเปราะบางอ่อนแอกันได้ทั้งนั้น” สีชิงชวนก้มตัวลงมาจ้องหน้าฉัน ในรถไม่ได้เปิดไฟเอาไว้ ทำให้ดวงตาของเขาดูดำมืดและลุ่มลึก เหมือนอุโมงค์ลึกที่กำลังพาฉันเดินเข้าไปในโลกที่ไม่รู้จัก

แต่ฉันเป็นคนขี้ขลาด เพราะอุโมงค์เส้นนี้มืดเกินไป และยังยาวออกไปไม่มีจุดสิ้นสุด ฉันจึงไม่มีความกล้าแม้แต่จะก้าวขาก้าวแรกออกไป

ดังนั้นฉันจึงยืนกลัวหัวหดอยู่หน้าประตู แม้ว่าฉันจะไม่ยอมรับสิ่งที่สีชิงชวนพูด แต่ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นพอมาปฏิเสธเขา

“มิตรภาพระหว่างฉันกับเฉียวอี้ไม่ได้เปราะบางขนาดนั้น” ฉันได้แต่พูดประโยคนี้ออกไปซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า

ฉันก้มหน้าลง แต่ฉันรู้ว่าสีชิงชวนกำลังจ้องมองฉันอยู่ “คุณมีชีวิตอยู่ได้โดยพึ่งพาอาศัยสิ่งเหล่านี้ แต่ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งเมื่อคุณรับการบำรุงร่างกายจากที่นี่ไม่ได้แล้ว คุณก็จะแห้งตายไปในที่สุด”

......

[1] ตัวอักษรเผิง (朋) มาจากคำว่า เผิงโหย่ว (朋友) ที่แปลว่าเพื่อนในภาษาจีน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)