พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 359

ป๋ออวี่รู้จักทำตัวไม่ดีซะแล้ว เขาจะวางแผนหลอกฉันแล้ว

เมื่อคืนฉันลองวิเคราะห์ดูแล้วว่าทำไมสีชิงชวนถึงแนะนำให้ฉันยกตำแหน่งให้เซียวซือ ฉันคิดว่าสีชิงชวนน่าจะอยากให้ฉันได้ลิ้มรสการสูญเสียดูบ้าง ฉันจะได้เห็นคุณค่าของสิ่งที่ฉันมีอยู่ในตอนนี้

แต่เขาไม่รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจตำแหน่งประธานจริงๆ ดังนั้นฉันจึงได้ยกตำแหน่งให้เซียวซือไป

แต่เซียวซืออยู่ในสถานที่คุมขังมาหลายวันแล้ว ถ้าออกมารับตำแหน่งประธานต่ออีก มันไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆ จะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้รับการนับถือ

ฉันกลัวว่าฉันจะลืม จึงจดลงสมุด ป๋ออวี่เอ่ยกับฉันด้วยรอยยิ้ม “คุณเหมือนนักเรียนที่กำลังจดบันทึกในคาบเรียนเลย”

เฉียวอี้ก็บอกแบบนี้เหมือนกันว่าเวลาฉันเข้าประชุม ฉันเหมือนนักเรียนเลย ไม่มีท่าทางยกตนข่มท่านเลยสักนิด

เมื่อนึกถึงเฉียวอี้ ใจของฉันก็ร้อนรนเป็นอย่างมาก พอฉันประชุมเสร็จ ฉันจะโทรหาเธอ

ฉันให้เลขาแจ้งเรื่องการประชุม ป๋ออวี่เดินตามฉันตลอดเวลา และนั่งลงข้างๆ ฉัน

อย่าได้มองว่าหน้าตาของเขาดูอ่อนโยน ไม่มีไอสังหาร แค่เขานั่งอยู่ข้างๆ ฉัน คนพวกนั้นก็ประพฤติตัวดีขึ้นมาเลย

ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นานก็ยังไม่เข้าประเด็นสักที ป๋ออวี่จึงเหลือบตามองฉัน และดันสมุดของฉันมาตรงหน้าฉัน “อ่านตามที่จดไว้ก็ได้”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมาก น้ำเสียงไพเราะ แต่กลับมีพลังอำนาจที่ไม่อาจต้านทานได้

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงอ่านตามที่จดเอาไว้ เพิ่งจะอ่านข้อแรกจบไป ก็มีคนคัดค้านขึ้นมา “ที่บริษัทสูญเสียลูกค้าไปก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ ไม่เกี่ยวกับความสามารถของพวกเรา”

ฉันเพิ่งจะอ้าปากพูดก็ถูกคนรุกฆาตกลับทันที ช่างน่าขายหน้าจริงๆ

แต่ใครให้ฉันถูกคนรุกฆาตจนชินกันล่ะ?

ฉันรอให้เขาพูดจบ จากนั้นก็เตรียมจะอ่านข้อที่สองต่อ แต่ป๋ออวี่กลับเก็บสมุดของฉันไป และมองมาที่ฉัน

“อะไร? ” ฉันเอ่ยเบาๆ

“คนอื่นมีข้อสงสัยในตัวคุณ คุณไม่คิดจะคุยกับเขาหน่อยเหรอ? ”

ป๋ออวี่กำลังบีบให้ฉันทำเรื่องที่ฉันทำไม่ได้ ฉันเองก็ไม่มีความสามารถจะตอบกลับไปเหมือนกันนะ!

ฉันมองไปที่อีกฝ่าย เขามีท่าทางดุดัน แค่ในแง่ของท่าทางฉันก็แพ้แล้ว

“ผู้จัดการ ฉันไม่ได้บอกว่าพวกคุณไม่มีความสามารถ แต่...”

“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” เขาเอ่ยขัดจังหวะฉันอย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อวานพวกเราวางแผนกันแล้วว่าจะจัดงานแถลงข่าวขอโทษ จากนั้นก็ปล่อยตัวประธานเซียวและพวกของเธอออกมา เท่านี้เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแล้ว”

“ขอโทษ ใครขอโทษใคร? ”

“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นคุณขอโทษประธานเซียวและคนอื่นๆ อยู่แล้วสิ! ”

“ฉันเป็นเหยื่อนะ ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย? ”

“คุณเป็นเหยื่อตรงไหน ผมก็เห็นแขนขาคุณครบนี่ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงดีมาก”

ฉันโกรธมาก โกรธจนหัวใจเต้นแรงไปหมด

เหอะ คนที่อ่อนแอมันก็เป็นแบบนี้แหละ ต่อให้จะถูกกดขี่และประทุษร้าย ขอแค่ไม่ตายก็ยังเป็นความผิดของฉันอยู่ดี

ดังนั้น สีชิงชวนถึงได้อยากให้ฉันเป็นคนที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด จะได้ไม่ถูกคนอื่นมาปล้นชิง

แต่ฉันยังต้องการเวลาปรับตัว

ขมับของฉันเต้นตุบๆ ไปด้วยความโกรธ เดิมทีฉันก็หวังว่าป๋ออวี่จะช่วยพูดให้ฉันสักประโยค แต่เขาก็ทำเพียงแค่นั่งมองดูฉันตาไม่กะพริบอยู่เงียบๆ เท่านั้น

ฉันจึงเอ่ยออกไปแค่ว่า “ฉันไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบ แต่ในตอนนี้ฉันได้ส่งมอบงานของบริษัทให้เซียวซือไปแล้ว เธอเป็นคนกำหนดแผนงานของบริษัท และพวกคุณเป็นคนดำเนินการ เมื่อบริษัทเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ขึ้น พวกคุณทุกคนจึงมีความรับผิดชอบที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถ้าตอนนี้พวกคุณไม่มีข้อโต้แย้งแล้วละก็ ฉันจะพูดสิ่งที่ฉันต้องการพูดให้จบ”

หลังจากนั้นฉันก็เริ่มอ่านข้อที่หนึ่งสองสามของฉัน อ่านไปอ่านมาฉันก็ไม่จำเป็นต้องมองสมุดจดบันทึกแล้ว และพูดออกไปตรงๆ อย่างฉะฉานสมบูรณ์แบบ

จริงๆ แล้วขอแค่ฉันเอาชนะปีศาจที่อยู่ในใจในตอนแรกได้ ต่อมาฉันก็จะดีขึ้นเอง

สำหรับความต้องการของฉัน ที่พวกเขาต้องขอโทษฉันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน

ในตอนแรกเห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่เห็นด้วย แต่ฉันเองก็รู้ว่าในเซียวซื่อกรุ๊ปทั้งหมด อย่ามองแค่บรรดาพวกผู้บริหารระดับสูงที่ภายนอกดูเหมือนจะกลมเกลียวกันดี เพราะแท้จริงแล้วพวกเขาเองก็แบ่งออกเป็นหลายๆ ฝ่ายเช่นกัน

บางคนก็ยืนฝั่งเซียวซือ บางคนก็ยืนฝั่งแม่เลี้ยง และก็มีบางส่วนเล็กๆ ที่สนับสนุนฉันด้วยเช่นกัน ซึ่งกลุ่มนั้นเป็นเพียงส่วนที่น้อยมากๆ

และก็มีบางส่วนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว ฉวยโอกาสตอนที่เซียวซื่อกรุ๊ปกำลังวุ่นวายได้ต่อรองเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้ว

ฉันดูออก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไรดี

สุดท้ายในที่ประชุมก็เกิดการขัดแย้งกันระหว่างพวกเขาหลายฝ่าย เถียงกันไปเถียงกันมาอบ่างกับทะเลาะกัน พวกเขาทำฉันหนวกหูจนจะตายอยู่แล้ว

ฉันจึงตบโต๊ะด้วยความทนไม่ไหวอีกต่อไป “สรุปคือข้อเสนอของพวกคุณเมื่อวานนี้ ฉันไม่เห็นด้วย ในฐานะที่เป็นเหยื่อ ฉันต้องได้รับคำขอโทษ ไม่ใช่ให้ฉันไปขอโทษคนที่มาทำร้ายฉัน ฉันปล่อยพวกเธอออกมาก็เพราะเห็นแก่คุณพ่อที่อยู่บนสวรรค์ หยุดความเสียหายของธุรกิจ อย่าปล่อยให้สถานการณ์มันขยายออกไปได้อีก ไม่ใช่พยายามอดกลั้นและอ่อนข้อให้เรื่องราวมันสงบลง”

เมื่อพูดจบฉันก็ประกาศเลิกการประชุม และกลับมาที่ห้องทำงาน ฉันดื่มน้ำเข้าไปแก้วใหญ่ถึงจะสงบสติอารมณ์ลงมาได้ สงคราวฝีปากครั้งแรก ฉันไม่รู้ว่าสงครามครั้งนี้ฉันชนะแล้ว? หรือว่าเป็นฝ่ายแพ้กันนะ?

แต่ป๋ออวี่กลับชมฉันว่า “จริงๆ แล้วคุณมีสไตล์ของแม่ทัพใหญ่มากๆ นะ แต่คุณแค่มั่นใจในตัวเองไม่มากพอเท่านั้นเอง ก้าวแรกของการบริหารบริษัทอาจไม่ใช่การใช้คุณธรรมสยบผู้คน แต่เป็นการใช้อำนาจควบคุมพวกเขาเอาไว้ให้ได้ก่อน”

“สีชิงชวนก็บริหารบริษัทแบบนี้ใช่ไหม? ” ฉันฟุบลงกับโต๊ะอย่างไร้เรี่ยวแรง

“คุณสีไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจ แค่เขาพูดทุกคนก็กลัวแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)