พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 360

เขาพูดถูก แต่คาดว่าตลอดทั้งชีวิตนี้ฉันก็คงไม่มีทางฝึกฝนจนถึงระดับเดียวกับสีชิงชวนได้

เขาเกิดมาก็มีชีวิที่ดีแล้ว คาบช้อนเงินช้อนทองโตมา พร้อมไปด้วยอำนาจมาตั้งแต่เกิด ไม่เหมือนคนที่เติบโตมามีความรู้แค่งูๆ ปลาๆ อย่างฉัน

งั้นตอนนี้จะทำอย่างไรดี? ฉันจึงเอ่ยถามป๋ออวี่ “พวกเราก็จะรอแบบนี้ต่อไปงั้นเหรอ? ”

“แน่นอนว่าต้องรออยู่แล้ว รอให้พวกเขามาขอโทษคุณ จากนั้นค่อยปล่อยพวกเซียวซือออกมา”

“เมื่อกี้นี้ท่าทีของพวกเขาเด็ดขาดมาก น่าจะไม่มาขอโทษฉันอีกสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ”

“งั้นคุณก็อย่ากังวลไปเลย คนที่ต้องกังวลควรจะเป็นพวกเขา ไม่ใช่พวกเรา”

ในตอนนั้นเองหร่วนหลิงก็เคาะประตู และเดินหอบเอกสารกองโตเข้ามาวางบนโต๊ะฉัน

“อะไร? ”

“นี่คือสิ่งที่ผู้ช่วยป๋อต้องการค่ะ ผู้ช่วยป๋ออยากให้คุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่บริษัทเสียคำสั่งซื้อไปสักหน่อยน่ะค่ะ”

ป๋ออวี่เป็นมืออาชีพจริงๆ ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ฉันคิดว่าป๋ออวี่ต้องการดูเอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะให้หร่วนหลิงเอามาให้ฉันดู

เธอวางเอกสารลงตรงหน้า กองเอกสารหน้ามากจนแทบจะบังสายตาฉันมิดหมดแล้ว

“ลองศึกษาวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงที่พวกเขาละทิ้งคำสั่งซื้อดู”

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือป๋ออวี่ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทิ้งใบสั่งสินค้าเพราะข่าวอื้อฉาว ฉันเองก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ค่อยได้เหมือนกัน

เดิมทีฉันปวดหัวและไม่คิดที่จะอ่านมัน แต่ป๋ออวี่นั่งมองฉันจากฝั่งตรงข้าม แม้ว่าการจ้องมองของเขาจะไม่สามารถเรียกว่าจ้องตาเป็นมันได้ แต่ภายใต้การจ้องมองที่ทั้งลุ่มลึกและอ่อนโยนของเขานี้ ถ้าฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ละก็ฉันคงรู้สึกละอายใจ และรู้สึกผิดกับเขาจริงๆ

วันๆ หนึ่งตัวป๋ออวี่เองก็เป็นคนที่งานยุ่งมากๆ เช่นกัน แต่วันนี้เขากลับมาอยู่ที่นี่กับฉันทั้งวัน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้แต่กัดฟันศึกษาเอกสารข้อมูลไปทีละชุดๆ

และแค่อ่านเฉยๆ มันยังไม่พอ ป๋ออวี่ยังให้ฉันวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงในการยกเลิกใบสั่งสินค้าของพวกเขาด้วย

ตอนที่ยังไม่อ่านฉันก็ไม่รู้ แต่พอได้อ่านแล้วก็ตกใจมาก

ฉันอ่านไปอ่านมาและพบว่าบริษัทเหล่านี้มีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน ก็คือพวกเขาไม่ได้เป็นบริษัทที่นับว่าใหญ่โตอะไรมากนัก เป็นเพียงบริษัทธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ฉันสังเกตเห็นว่านิติบุคคลของพวกเขาล้วนเป็นชื่อที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งนั้น

ฉันศึกษาอยู่นานครึ่งค่อนวัน เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองป๋ออวี่ เขาไม่ได้ออกความคิดเห็นใดๆ ให้ฉันฟังเลย เขาแค่ถามฉันว่า “มีปัญหาอะไรครับ? ”

“ชื่อของนิติบุคคลพวกนี้มันคุ้นหูนิดหน่อย”

“แล้วยังไงต่อครับ? ” เขาค่อยๆ จูงใจไปตามลำดับ

ฉันต้องหาคนไปลองตรวจสอบดู แต่ฉันจะให้ใครไปตรวจสอบล่ะ ฉันไม่รู้ว่าหร่วนหลิงมีความสามารถทางด้านนี้ไหม

ฉันให้เธอไปตรวจสอบมาให้ฉัน ครึ่งชั่วโมงต่อมาหร่วนหลิงก็ถือใบรายชื่อมาให้ฉัน “ประธานเซียวคะ นี่ นี่ แล้วก็นี่ นิติบุคคลของทั้งสามบริษัทนี้เป็นญาติของหลี่เฉิงหมิงหมดเลยค่ะ คนนี้คือน้องชายลูกพี่ลูกน้องของเขา คนนี้คือน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขา ส่วนคนนี้คืออาของเขาค่ะ”

หลี่เฉิงหมิงคือรองประธานกรรมการบริษัทของพวกเรา และก็เป็นคนที่ตะคอกใส่ฉันอย่างรุนแรงในที่ประชุมวันนี้ด้วย

เขาชี้หน้าฉันบอกว่าฉันทำให้บริษัทเสียใบสั่งสินค้าพวกนี้ไป ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยว่านิติบุคคลของบริษัทเหล่านี้จะเป็นญาติของเขา

“จริงๆ แล้วบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่เขาแอบจดทะเบียนขึ้นอย่างลับๆ ค่ะ จากนั้นเขาก็เข้ามาทำธุรกิจกับเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกเรา และนั่งเสวยสุขรับผลประโยชน์จากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายค่ะ”

นี่เป็นการค้นพบที่คาดไม่ถึงเลย คนที่เอะอะโวยวายมากที่สุดจริงๆ แล้วเป็นคนที่มีเรื่องปิดบังมากที่สุด มิน่าล่ะเขาถึงเอะอะโวยวายขึ้นมาขนาดนั้น

“งั้นทำไมตอนนี้เขาถึงต้องการยกเลิกสัญญากับเซียวซื่อกรุ๊ปล่ะ? ”

ฉันพึมพำกับตัวเอง ป๋ออวี่ยังคงไม่ตอบฉันเหมือนเดิม เขานั่งกอดอกเอนหลังไปกับเก้าอี้แล้วจ้องมองมาที่ฉัน

“พูดต่อเลยครับ”

“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเธอจะอยากมีบัญชีเงินเก็บส่วนตัวแยกเป็นของตัวเองต่างหาก ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยเชื่อใจพ่อของฉันเลย เธอกลัวว่าพ่อของฉันจะยกหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทให้ฉัน และตอนนี้สิ่งที่เธอกังวลก็กลายเป็นเรื่องจริงแล้ว ดังนั้นเธอจะต้องวางแผนเพื่อตัวเองอย่างแน่นอน เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันมานี้ เธอน่าจะกำลังหาวิธีการโต้ตอบอยู่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงยกเลิกสัญญากับเซียวซื่อกรุ๊ปเพื่อสร้างความหวาดหวั่น จริงๆ แล้วสัญญาการสั่งซื้อสินค้าไม่กี่ใบนี้จะต่อหรือไม่ต่อสัญญา มันก็น่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับการพัฒนาของเซียวซื่อกรุ๊ปเลย”

ฉันพูดจบแล้ว แต่ป๋ออวี่ก็ยังคงเอาแต่มองมาที่ฉัน จนทำให้ฉันรู้สึกตื่นตระหนกมาก และไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดไปมันถูกต้องหรือเปล่า หรือว่าฉันพูดตรงไหนผิดไปหรือเปล่านะ

เขามองฉันอยู่นานหลายนาที จากนั้นจู่ๆ เขาก็ปรบมือขึ้นมา “เซียวเซิง คุณฉลาดมากจริงๆ จริงๆ แล้วคุณเหมาะกับตำแหน่งประธานบริษัทมากกว่าเซียวซือซะอีก คุณสามารถบริหารบริษัทได้ดีกว่าแย่ๆ เพียงแต่ว่าคุณขาดความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป”

ในเมื่อป๋ออวี่ยอมรับฉัน ฉันก็ต้องดีใจอยู่แล้ว แต่ข้อบกพร่องของฉันที่เขาพูดมานั้นมันถูกต้องสุดๆ ไปเลยล่ะ

ฉลาดมากมันจะไปมีประโยชน์อะไร ในเมื่อความสามารถทางด้านปฏิบัติมันย่ำแย่สุดๆ ทั้งวันก็เอาแต่คิดอยากจะถอยไปด้านหลังเป็นเต่าหดหัวในกระดอง

ครั้งนี้เป็นเพราะเฉียวอี้โกรธฉันจนไม่สนใจฉันแล้ว ไม่อย่างนั้นละก็ฉันต้องดึงเธอมาเป็นโล่กำบังให้อีกแน่นอน

ฉันมันก็แค่คนขี้ขลาด คาดว่าชาตินี้ทั้งชาติก็คงเปลี่ยนแปลงไม่ได้

เพราะฉันพูดได้มีเหตุผลน่าฟังมาก ป๋ออวี่จึงถามฉันว่า “งั้นควรจะจัดการยังไงดีครับ? ”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าต้องจัดการยังไง? ”

เขาชี้ไปที่ขมับของเขา เป็นการบอกว่าให้ฉันใช้สมองคิดดู

ฉันมีสมอง ดังนั้นฉันจึงพยายามคิดอย่างหนัก

“ถึงอย่างไรตอนนี้เราก็เสียการสั่งซื้อสินค้าพวกนี้ไปแล้ว และมันก็ไม่ได้กระทบกับเซียวซื่อกรุ๊ปของพวกเรามากนัก งั้นฉันก็รอดูท่าทีของพวกเขาก็พอแล้ว”

“การอดทนรอก็เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งแต่ผมไม่คิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดนะครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)