พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 366

งั้นตอนนี้ควรทำอย่างไร? ฉันสับสนมึนงงไปหมดแล้ว

“อย่างไรก็ตามการผ่าตัดเปิดกะโหลกนั้นคือเรื่องใหญ่ จะต้องแจ้งกับผู้ป่วยสักหน่อย จากนั้นพวกเราจะเตรียมการผ่าตัดหล่อนให้เร็วที่สุด!”

ในเมื่อหมอได้กล่าวถึงเรื่องการผ่าตัด เช่นนั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องโกหก ไม่อย่างนั้น แม่เลี้ยงแกล้งป่วยแถมยังสามารถแกล้งผ่าตัดเปิดกะโหลกให้กับตัวเองด้วยงั้นหรือ?

เรื่องราวนี้ดำเนินไปในทิศทางที่ทำให้ฉันรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ฉันและหร่วนหลิงเดินออกจากห้องทำงานของหมอ พวกเราทั้งสองคนยืนอยู่หน้าประตูห้องอย่างโง่เขลา สบสายตากันและกันเป็นเวลาเนิ่นนาน

“ทำไมความหมายนั้นค่อนข้างเกินความคาดหวังไปหน่อย?” หร่วนหลิงกล่าว

“การอุปมาของคุณนั้นดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไรนัก”

“ราวกับคุณกำลังกล่าวว่าสรุปแล้วนี่คือเรื่องจริงหรือว่าโกหกกันแน่? หมอคนนั้นสมรู้ร่วมคิดกับหล่อนหรือเปล่า?”

“ฉันแค่รู้สึกน่ะ เพราะว่าหมอคนนั้นดูมีอำนาจและบารมีเป็นอย่างมาก เขาคงไม่ผิดจรรยาบรรณขนาดนั้นหรอก”

“มีจรรยาบรรณไปเพื่ออะไร? กินได้หรือว่าดื่มได้งั้นเหรอ? ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องราวมันจะบังเอิญขนาดนั้น”

แต่ทว่าเรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นก็มีเรื่องที่บังเอิญเป็นอย่างมาก หรือบางทีอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ?

ฉันและหร่วนหลิงเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยของแม่เลี้ยง หล่อนยังคงนอนอยู่อย่างนั้น

ฉันเดินไปถามพยาบาลว่าอาการของหล่อนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง พยาบาลบอกกับฉันว่าหล่อนยังไม่มีท่าทีว่าจะตื่น แต่สัญญาณชีพของหล่อนยังคงที่และเป็นปกติ

หร่วนหลิงแสดงท่าทางหยามเหยียดเป็นอย่างมาก “เสแสร้งตั้งแต่แรก”

ฉันยืนอยู่ข้างเตียงแม่เลี้ยง การที่คนคนหนึ่งหมดสติหรือว่าเสแสร้งแกล้งทำนั้นอย่างไรก็สามารถมองออก

เปลือกตาของเธอขยับเล็กน้อย มีร่องรอยของลูกตากำลังเกลือกกลิ้งอยู่ภายใต้เปลือกตา

ฉินคิดว่าอาการหมดสติครั้งนี้เป็นเรื่องโกหก แต่ฉินคิดว่าอาการป่วยของหล่อนนั้นเป็นเรื่องจริง

อาจเป็นเพราะว่าเรื่องราวบนโลกใบนี้นั้นช่างบังเอิญ แม่เลี้ยงแสร้งป่วย แต่คาดไม่ถึงว่าเมื่อได้ไปทำการตรวจสุขภาพแล้วกลับตรวจพบอาการผิดปกติ

คาดว่าต่อให้หมอบอกความจริงกับหล่อน ตัวหล่อนก็ยังคงคิดว่าเป็นเรื่องโกหก

ฉันให้หร่วนหลิงกลับไปก่อน ฉันนั่งลงข้างเตียงแม่เลี้ยงและคอยเฝ้าดูหล่อน

ทันทีที่ฉันนั่งลง พยาบาลก็เดินเข้ามาบอกกับฉัน “คุณเซียวคะ ผู้ป่วยต้องการพักผ่อน คุณไม่สามารถอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยได้นะคะ”

“ฉันก็ไม่ได้รบกวนการพักผ่อนของเธอนี่คะ คุณน้ายังคงหมดสติอยู่ไม่ใช่เหรอคะ? สภาวะวิกฤต ฉันจะคอยเฝ้าเธอค่ะ”

“ตอนนี้สถานการณ์ของเธอทรงตัวนะคะ”

“แต่เธอยังไม่ได้สตินะคะ นี่เรียกว่าทรงตัวเหรอ?” ฉันย้อนถามพยาบาล

พยาบาลถึงกับพูดไม่ออก ดูจากสีหน้าท่าทางของเธอแล้วฉันสามารถรับรู้ได้ว่าแม่เลี้ยงได้ซื้อตัวเธอไว้

แม้ว่าฉันจะขี้ขลาดตาขาว แต่ฉันนั้นสามารถอ่านใจคนได้โดยการพิจารณาสังเกตจากสีหน้าและคำพูด นี่คือความสามารถพิเศษของฉัน

ภายใต้การจ้องมองของฉัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพยาบาลคนนั้นแสดงท่าทางร้อนตัว เดินจากไปพร้อมด้วยเสียงฮึดฮัด

ฉันยังคงนั่งอยู่ด้านข้างเตียงของแม่เลี้ยง จ้องมองใบหน้าของแม่เลี้ยงที่กำลังหลับตา

เธอเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเมื่อตอนที่เธอยังเป็นวัยรุ่น หลังจากที่เข้าสู่วัยกลางคนก็เริ่มมีน้ำมีนวล ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้อ้วนมากขนาดนั้น แต่เมื่อสวมชุดกี่เพ้ากำมะหยี่ บริเวณหน้าท้องของเธอก็ยังคงมีพุงเป็นชั้น

อย่างไรก็ตามเนื้อเพลงนั้นเป็นความจริง เวลาเป็นเหมือนมีดที่กระตุ้นให้คนมีอายุมากยิ่งขึ้น

ฉันจ้องมองใบหน้าของแม่เลี้ยงอย่างนิ่งงัน ฉับพลันประตูถูกผลักและเปิดออก หลี่เฉิงหมิงเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ของเซียวซื่อกรุ๊ป ด้วยลักษณะท่าทางก้าวร้าวนั้นเพียงมองแค่แวบแรกฉันก็รู้ได้ในทันใด เขาจะต้องมาคิดบัญชีกับฉันอย่างแน่นอน

“รองประธานหลี่ คุณกลายเป็นคนไม่รู้หนังสือตั้งแต่เมื่อไร?” ฉันเหน็บแนมเขาเล็กน้อย ใบหน้าของหลี่เฉิงหมิงหม่นหมองลงทันใดและต้องการจะโต้แย้ง แต่เมื่อครุ่นคิดชั่วขณะ เขาพลันก้มศีรษะอ่านรายงานการตรวจในมือของเขาอีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่กำลังอ่าน เขาถือกระดาษอยู่ในระดับสายตา จากนั้นหยิบแว่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อและสวมมัน อ่านทีละบรรทัดอย่างละเอียด

“เงาขนาดเล็กอยู่ในสมองหมายความว่าอะไร?”

“ก็หมายความตามอักษรบนกระดาษนั่นแหละ” ฉันเอ่ยตอบเขา

“พังผืดในสมองหมายถึงอะไร?”

“ก็คือเนื้องอก หมอแนะนำว่าจำเป็นต้องผ่าตัดเอาส่วนที่เป็นเนื้องอกออกมา จากนั้นจะสามารถยืนยันได้ว่าเนื้องอกนั้นเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรงหรือไม่”

หลี่เฉิงหมิงเงยหน้าขึ้น จ้องมองฉันและยืนนิ่งงันเป็นไก่ไม้[2] ท่าทางของเขาเป็นเหมือนกับคนโง่เง่า

สามารถเห็นได้เลยว่าไม่เพียงแค่หลี่เฉิงหมิงจะไม่รู้ แม้แต่แม่เลี้ยงของเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นเป็นโรคดังกล่าว

ท่าทางของหลี่เฉิงหมิงราวกับคนโง่เง่า เวลาผ่านไปครู่ใหญ่จากนั้นเขาถึงจะฟื้นคืนสติได้ เขาขมวดคิ้วแน่น “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?”

เขาหันหลังกลับและเดินจากไปพร้อมกับเอกสารผลตรวจภายในมือ เขาอาจจะไปหาหมอเพื่อสอบถามสถานการณ์ ก่อนหน้านี้เขาได้วางแผนมาก่อนอย่างแน่นอน แต่ทว่าตอนนั้นที่พูดคุยกันไม่ใช่โรคร้ายแรงเช่นนี้

ฉันยืนคอยเขาอยู่ตรงประตูด้วยความเงียบงัน ไปหาหมอเพื่อสะสางบัญชี หลังจากนั้นไม่นานนักเขาถือกระดาษรายงานผลกลับมา ยืนอยู่ด้านหน้าของฉันด้วยสีหน้าหงุดหงิด “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

“ก็เป็นเรื่องที่คุณเพิ่งจะไปถามหมอมาไง” ฉันจ้องมองเขา “ดูเหมือนว่ารองประธานหลี่ยังไม่รู้ คุณวางแผนจะบอกน้าของฉันอย่างไรคะ?”

กลยุทธ์ทนทุกข์กาย[1] หมายถึง แผนการทรมานร่างกายตัวเอง

นิ่งงันเป็นไก่ไม้[2] หมายถึง เหม่อค้างด้วยความตกตะลึงหรือตื่นตระหนกจนแข็งทื่อราวกับไม้สลักรูปไก่ เป็นสำนวน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)