ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรกับเขาเลย เขารู้เหรอว่าฉันจะพูดอะไรกับเขา?
“ฉันจะบอกว่า งานวันเกิดฉันอาทิตย์หน้าไม่ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่อลังการหรอก เรากินข้าวกันด้วยกันกับเพื่อนๆ สักมื้อก็พอแล้ว”
“เพื่อนๆ ที่คุณหมายถึงนี่ใครเหรอ?”
เขาจะเยาะเย้ยฉันอีกแล้วที่ฉันไม่มีเพื่อน
“ก็เฉียวอี้ไง คุณด้วย…”
ที่จริงฉันจะบอกว่าหนีอีโจว คิดไปคิดมาฉันว่าฉันหุบปากไว้ดีกว่า
ป๋ออวี่เป็นผู้ช่วยเขา เขายังไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียวเลย อย่าไปพูดถึงหนีอีโจวเลยดีกว่า
“ก่อนอื่นผมไม่คิดว่าผมกับเฉียวอี้เป็นเพื่อนกัน แล้วงานวันเกิดคุณก็ควรจัดตามปกติ ไม่ควรได้รับผลกระทบจากใครทั้งนั้น”
ตอนนี้ฉันจะไปจัดงานวันเกิดได้ไงล่ะ? เขายังบอกอีกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนกับเฉียวอี้ ข้ออ้างของทั้งสองคนเหมือนกับเป๊ะไม่มีผิดเพี้ยน
สีชิงชวนเปิดประตูรถและยกมือขึ้นบังข้างบนประตูเพื่อป้องกันไม่ให้หัวฉันชน
เขาเอาใจใส่ขนาดนี้ ฉันจึงทำได้เพียงหยุดพูดประเด็นนี้ไปก่อน ฉันไม่อยากเลี้ยงวันเกิดจริงๆ แต่น่าแปลกมากที่ท่าทีต่อเรื่องนี้ของเฉียวอี้และสีชิงชวนนั้นเป็นเอกฉันท์
เฉียวอี้เตรียมพร้อมแล้ว สีชิงชวนก็แอบทำอะไรบางอย่างลับๆ ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ เห็นท่างานวันเกิดฉันคงจะต้องจัดอย่างไม่มีทางเลี่ยงแล้วล่ะ
งั้นฉันก็คิดว่า ขอแค่สีชิงชวนไม่เชิญใครก็ตามในตระกูลเซียวมา งั้นก็จัดเถอะ
แต่วันนี้สีชิงชวนทำตัวน่ากลัวขึ้นมาอีกแล้ว
ฉันเพิ่งตื่นนอนในตอนเช้าและกำลังล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ เขายืนกอดอกพร้อมทั้งพิงวงกบประตูและมองมาที่ฉัน
บางทีเขาก็มีงานอดิเรกประหลาดๆ ที่ชอบมองฉันทำโน่นทำนี่ไปเรื่อย
ตอนที่ฉันแปรงฟันล้างหน้าจนมีฟองสีขาวๆ เต็มหน้า เขาก็มองมันด้วยความเพลิดเพลิน
บางทีฉันก็มองเห็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งจริงใจได้จากนัยน์ตาคู่นั้นของสีชิงชวนจริงๆ
ในขณะที่ฉันกำลังงงงัน ก็รู้สึกดีใจที่ตัวเองมีความโชคดีเจืออยู่เล็กน้อยเช่นกัน
ฉันดีใจและโชคดีที่ดูเหมือนผู้ชายคนนี้ที่ฉันชอบก็ชอบฉันเหมือนกัน แต่มันก็แค่ดูเหมือน และฉันก็ยืนยันมันไม่ได้เหมือนกัน
“เซียวเซิง” จู่ๆ เขาก็เรียกชื่อฉัน ฉันหันไปมองเขาพร้อมกับฟองที่เต็มปาก “อะไร?”
“มีเรื่องจะคุยกับคุณ”
“มีเรื่องอะไร รอฉันแปรงฟันเสร็จค่อยพูดไม่ได้เหรอ?” ฉันแปรงฟันต่อ เขาเดินมาซ้อนอยู่ด้านหลังฉัน และทันใดนั้นเขาก็กอดฉันเอวฉันไว้
“วันนี้คุณไปเซียวซื่อกรุ๊ป”
อันที่จริงฉันก็ตั้งใจจะไปดูเซียวซื่อกรุ๊ปสักหน่อยเหมือนกัน ช่วงไม่กี่วันนี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องแม่เลี้ยงก็เลยไม่ได้ไป
“ฉันรู้แล้ว” ฉันบอก
“คุณไปหาเซียวซือ บอกให้เธอยกตำแหน่งซีอีโอมา”
“อะไรนะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ฟองในปากกระเด็นเต็มหน้าเขาไปหมด เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดออกอย่างอารมณ์ดี “ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงต้องเอาตำแหน่งซีอีโอคืนล่ะ?”
“นั่นมันเป็นของของคุณ เธอควรคืนมันให้คุณได้แล้ว อีกอย่างเซียวซือทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ เธอหมดบารมีและชื่อเสียงในเซียวซื่อกรุ๊ปแล้วล่ะ เพราะงั้นเพื่อประโยชน์ของเซียวซื่อกรุ๊ป คุณเอาตำแหน่งคืนมาดีกว่า!”
เพื่อประโยชน์ของเซียวซื่อกรุ๊ป ช่างเป็นเหตุผลที่ฟังดูดีซะไม่มี
ฉันเชื่อคำที่เขาบอกว่าเขาทำได้ งั้นแบบนี้ก็หมายความว่าสีชิงชวนกำลังขู่ฉันอยู่เหรอ?
ฉันถูกเขาบังคับให้ไปที่ห้องประชุม หร่วนหลิงกลับสนับสนุนฉันเต็มที่ แถมยังช่วยฉันเขียนบทพูดให้อีกด้วย บทพูดยาวๆ ที่เขียนเสร็จภายในสิบนาที ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอทำมันไปได้ยังไง
“ประธานเซียวคะ มันควรจะเป็นแบบนี้นานแล้ว ฉันคิดว่าคุณสีทำถูกค่ะ”
ทำถูกอะไรล่ะ? หร่วนหลิงนี่เป็นแฟนคลับของเขาที่คลั่งรักแบบไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ
ฉันกัดฟันเดินเข้าไปในห้องประชุมที่มีคนมากมายกำลังรอฉันอยู่ หลายวันมานี้ฉันไม่ได้เจอหน้าเซียวซือเลย ใบหน้าของเธอยังดูซีดเซียวอยู่เล็กน้อย
เห็นได้ชัดเลยว่าช่วงนี้ยุ่งๆ ทั้งเรื่องบริษัทและเรื่องของแม่เลี้ยง เธอยังปรับตัวให้กลับมาเป็นปกติได้ไม่หมด
ฉันนั่งลงที่ตำแหน่งของตัวเอง ทุกคนต่างก็พากันมองมาที่ฉัน
เซียวซือดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงแหบแห้งเล็กน้อย “มีอะไรเหรอเซียวเซิง? เรียกเราทุกคนมาที่ห้องประชุมทำไม?”
หร่วนหลิงนั่งลงตรงข้ามฉันและขยิบตาให้ฉัน บอกใบ้ให้ฉันอ่านบทพูดที่เธอเขียนให้
ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไร ก็เลยอ่านบทพูดนั้นออกมาทีละประโยค “ช่วงนี้เซียวซื่อกรุ๊ปเกิดเรื่องต่างๆ ขึ้นมากมาย เกี่ยวกับเรื่องของประธานเซียว ฉันคิดว่าทุกคนก็น่าจะพอได้ยินมาบ้าง ฉันคงไม่ต้องพูดอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทุกคนน่าจะรู้อยู่แก่ใจ ฉันเองก็ไม่อยากถือสาหาความอะไรอีก ด้วยนิสัยเมตตา ใจกว้างและไม่เห็นแก่ตัวของฉัน…” ฉันอ่านได้แค่ครึ่งหนึ่งก็หยุดลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองหร่วนหลิง
เธอยกสมุดขึ้นมาบังหน้าและลอบยิ้มอยู่ด้านหลัง นี่เธอเขียนอะไรออกมาเนี่ย? ฉันจะไปอ่านคำพูดแบบนี้ต่อหน้าเซียวซือได้ยังไง?
เมื่อกี้ฉันคงสติฟั่นเฟือนไปแล้วจึงอ่านมันออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร
สีหน้าเซียวซือดูกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที ที่จริงวันนี้เธอทาลิปสติกสีชมพูอ่อนๆ แต่สีของลิปสติกก็ไม่สามารถปกปิดปากซีดๆ ของเธอได้อีกแล้ว
ฉันมองหร่วนหลิงด้วยความจริงจัง จากนั้นก็วางบทพูดลงและอธิบายกับเซียวซือ “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
เซียวซือยกมือขึ้นมาโบกให้ฉันอย่างอ่อนแรง “เซียวเซิง ถ้าเธอไม่มีธุระอะไร งั้นฉันไปทำงานก่อนนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...