หูของฉันดีมากมาตลอด และไม่เคยมีปัญหาอะไรมาก่อนเลย
ดังนั้นคำพูดของหร่วนหลิงเมื่อสักครู่นี้ ฉันจึงได้ยินมันชัดทุกคำไม่มีตกหล่น
แต่ฉันก็ยังคงคิดว่าฉันฟังผิดไป
“อะไรนะ? ” หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ตัวเองไม่แน่ใจ คนเราก็มักจะอยากฟังมันอีกครั้ง และก็จะคาดหวังว่าข้อเท็จจริงที่ได้ยินในครั้งที่สองนี้มันจะไม่เหมือนกับครั้งแรก
แต่ข้อเท็จจริงที่ได้ยินในครั้งที่สองกลับไม่มีอะไรแตกต่างไปจากครั้งแรกเลย
หร่วนหลิงบอกกับฉันว่า “แม่เลี้ยงของคุณเสียชีวิตแล้วค่ะ เสียชีวิตคาเตียงผ่าตัด การผ่าตัดล้มเหลวค่ะ”
ฉันหยุดหายใจไปหลายวินาที สมองว่างเปล่าไปหมด
ฉันนิ่งไปครู่หนึ่งถึงจะนึกขึ้นมาได้ และถามเธอว่า “ทำไมการผ่าตัดถึงล้มเหลวได้ล่ะ ไม่ใช่ว่าการผ่าตัดมันไม่ยากหรอกเหรอ? ”
“การผ่าตัดทุกประเภทมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ามันจะเป็นยังไง”
เสียงวิ๊งๆ ดังขึ้นในหูของฉัน ฉันเงียบไม่ได้พูดอะไรออกไปต่อ
ฉันได้ยินหร่วนหลิงเรียกฉันด้วยความร้อนรนดังมาตามสาย “คุณกำลังฟังอยู่ไหมคะ? บอสคะ? คุณยังโอเคดีอยู่ใช่ไหมคะ? ”
ฉันไม่โอเค ฉันไม่โอเคเลยสักนิด
ฉันทั้งสับสนและมึนงงไปหมด ฉันไม่รู้เลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
ฉันยืนนิ่งงันถือโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งจู่ๆ เสียงของเซียวซือก็ดังมาตามสาย เสียงที่ฟังดูอ่อนแรง คร่ำครวญ และเต็มไปด้วยความโกรธของเธอดังมาตามสาย
“เซียวเซิง เซียวเซิง ฉันขอบอกเธอไว้เลยนะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเธอเป็นศัตรูตลอดกาลของฉัน ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ...เธอคืนแม่ของฉันมาเลยนะ เธอคืนฉันมาเลยนะ...”
เป็นเสียงของเซียวซือ เธอไม่เคยแสดงความเกลียดชังที่มีต่อฉันออกมาอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อนเลย
ในครั้งนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังที่เธอมีต่อฉันอย่างเต็มเปี่ยมได้จากคำพูดทุกคำของเธอ
แม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เลี้ยงตายแล้วเธอถึงมาเกลียดฉันแบบนี้ แต่เสียงของเซียวซือนั้นฟังดูสิ้นหวังและน่าสงสารมากจริงๆ
“เซียวซือ ฉันจะไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้แหละ”
“เธอไม่ต้องมาเลยนะ ฉันจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ ฉันจะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ แน่ เซียวเซิง! ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวซือกรีดร้องเสียงแหลมใส่ฉันทางโทรศัพท์ เสียงของเธอแหลมทะลุอากาศ ราวกับดาบเหล็กที่ปักเอาไว้มาเป็นเวลานานแล้ว และในท้ายที่สุดความโกรธก็มาลับดาบให้เงาและแหลมคม ราวกับจะเอาดาบนั้นแทงเข้ามาในหัวใจของฉัน
สีชิงชวนกับเฉียวอี้วิ่งมาหยุดอยู่ข้างๆ ฉัน พวกเขาถามฉันว่า “เกิดอะไรขึ้น ใครโทรมา? ”
สีชิงชวนหยิบโทรศัพท์จากมือของฉันเอาไปแนบหูของตัวเอง ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเฉียวอี้ด้วยความงุนงง ฉันคิดว่าสีชิงชวนน่าจะได้รู้ข่าวจากคำพูดแค่ไม่กี่คำของเซียวซือทางโทรศัพท์แล้ว
ฉันเอ่ยกับเฉียวอี้ “แม่เลี้ยงฉันตายแล้ว”
แม้แต่เฉียวอี้ก็รับไม่ได้กับข่าวนี้ เธอมองมาที่ฉันด้วยความมึนงง “เธอพูดว่าอะไรนะ? ”
ฉันเอ่ย “แม่เลี้ยงฉันตายแล้ว เธอตายระหว่างการผ่าตัด การผ่าตัดล้มเหลว”
ฉันกับเฉียวอี้มองหน้ากันอยู่นาน สีชิงชวนตัดสายไปแล้ว เขายัดโทรศัพท์ใส่มือฉัน และเอ่ยกับเฉียวอี้ว่า “พาเธอกลับไปที่ห้อง แล้วคืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่หน่อยนะ ผมจะไปดูที่โรงพยาบาลสักหน่อย”
“ฉันไปด้วย” ฉันดึงชายเสื้อของสีชิงชวนเอาไว้ เขาหันกลับมามองมือของฉันที่จับชายเสื้อของเขาเอาไว้ จากนั้นก็ดึงมือของฉันออกเบาๆ “คุณคิดว่ามันเหมาะสมหรือเปล่าที่คุณจะไปปรากฏตัวในเวลานี้? ”
“เซียวเซิงมีอะไรไม่เหมาะสมที่จะไปปรากฏตัวงั้นเหรอ? การตายของแม่เลี้ยงของเธอมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย? เธอไม่ใช่หมอสักหน่อย เธอไม่ใช่หมอที่ทำการผ่าตัดสักหน่อย จะโยนความผิดมาให้เธอยังไงก็โยนมาไม่ได้นี่? ”
ตอนที่เซียวซือเอ่ยเสียงแหบแห้งอ่อนแรงขอให้ฉันคืนแม่ของเธอทางโทรศัพท์ ฉันก็รู้สึกเหมือนว่าการตายของแม่เลี้ยงมันเกี่ยวข้องกับฉันจริงๆ เหมือนฉันเป็นคนริเริ่มออกความคิดให้ทำแบบนี้
แต่ตอนนี้พอใจเย็นลงแล้วและลองมาคิดดูแล้ว ทำไมเซียวซือต้องเกลียดฉันด้วยล่ะ?
เรื่องที่แม่ของเธอจากไป ฉันเองก็แปลกใจมาก ตกใจมาก และเสียใจมากเหมือนกันนะ แต่มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?
เฉียวอี้รินน้ำให้ฉันดื่ม จากนั้นก็เคาะลงบนหัวของฉันเบาๆ “เด็กโง่ คำพูดลอยๆ ไม่กี่คำของคนอื่นก็ล้างสมองเธอได้แล้วเหรอ แค่นี้เธอก็คิดว่ามันเป็นความผิดของเธอแล้วเหรอ? จำไว้นะยัยเด็กโง่ ข้อแรก เรื่องที่แม่เลี้ยงของเธอป่วยมันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถควบคุมได้ ข้อสองคนที่แนะนำให้ผ่าตัดไม่ใช่เธอ แต่เป็นคุณหมอ และข้อสุดท้ายคนที่เป็นคนตัดสินใจก็คือตัวเซียวซือเองนะ”
ทันใดนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ว่าตอนที่เซียวซือมาถามฉันว่าจะให้แม่เลี้ยงผ่าตัดดีไหม ในตอนนั้นสีชิงชวนไม่ยอมให้ฉันตอบเธอ เป็นไปได้ว่าเขาคงคาดการณ์ได้แล้วผลลัพธ์มันอาจจะออกมาเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงให้ฉันหาทางหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
สีชิงชวนเป็นคนฉลาด แต่เขาไม่สนใจในด้านของความรู้สึกเลย
ถึงแม้ว่าฉันกับแม่เลี้ยงจะไม่ได้มีสัมพันธ์ไมตรีอะไรกัน แต่ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาฉันก็ไม่ใช่คนที่จิตใจชั่วร้ายคาดหวังให้คนที่ฉันไม่ชอบหายไปจากโลกนี้ไปตลอดกาลอยู่แล้ว
ต่อมาสีชิงชวนโทรมาบอกว่าแม่เลี้ยงถูกคนของฌาปนสถานนำร่างไปแล้ว สถานที่ตั้งศพสำหรับประกอบพิธีจัดที่ตระกูลเซียว พิธีฌาปนกิจศพกำหนดจัดขึ้นในวันมะรืน
ฉันบอกกับเขาว่าอยากไปเคารพศพแม่เลี้ยงที่ตระกูลเซียว สีชิงชวนนิ่งไปพักหนึ่งจากนั้นก็ตอบตกลง
“ก็ได้ งั้นคุณให้เฉียวอี้มาเป็นเพื่อนคุณนะ”
จากนั้นเขาก็บอกให้ฉันเอาโทรศัพท์ให้เฉียวอี้ พวกเขาสองคนคุยโทรศัพท์กันอยู่นานมาก
ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ และฉันเองก็ไม่ได้สนใจด้วย พวกเขาก็น่าจะกำลังคุยกันว่าจะปกป้องฉันอย่างไรดี
ฉันเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวและหาเสื้อผ้าสีดำมาใส่ พอออกมาเฉียวอี้ก็คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว
เฉียวอี้เดินเข้ามาจัดเสื้อผ้าให้ฉัน จากนั้นก็ออกแรงบีบคางเบาๆ “ยัยเด็กโง่ จำไว้นะว่าการตายของแม่เลี้ยงเธอไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่ว่าเซียวหลิงหลิงกับเซียวซือจะพูดอะไร เธอก็อย่าคิดว่ามันเป็นความผิดของตัวเองล่ะ เข้าใจไหม? ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...