พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 390

ฉันถูกสอบปากคำมาสองชั่วโมงแล้ว พวกเขาเอาแต่ถามฉันวนไปวนมาอยู่กับเนื้อหาเล็กๆ น้อยๆ นั่น เป็นการสู้รบแบบเวียนเทียนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามากๆ จึงถามพวกเขาไปว่าทำไมไม่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด พวกเขาก็หน้าบึ้งตึงตอบฉันกลับมาทันที “ตำรวจจะทำงานยังไงต้องให้คุณมาสอนด้วยเหรอ? ”

ต่อมาพวกเขาก็ให้ฉันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นใหม่อีกครั้งหนึ่งถึงจะยอมปล่อยฉัน

ฉันคิดว่าฉันจะถูกกักตัวไว้หนึ่งคืน แต่ผ่านไปสักพักตำรวจก็เดินเข้ามาบอกกับฉันว่า “คุณไปได้แล้ว”

เมื่อเขาอนุญาตให้ฉันไปได้ แน่นอนว่าฉันจึงหนีไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่ายสักอีก

แต่พวกเขาปล่อยตัวฉันง่ายๆ แบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจจริงๆ ฉันคิดว่าอย่างน้อยฉันก็น่าจะถูกขังสักสองสามวัน

เพราะถึงอย่างไรฉันก็เป็นผู้ต้องสงสัยว่าผลักเซียวซือตกตึก

ฉันเห็นสีชิงชวนยืนอยู่ด้านนอกสำนักงานไม่ต่างจากที่ฉันคาดคิดเอาไว้ เขายืนตัวตรง เหมือนต้นสนที่สามารถบังลมบังฝนให้ฉันได้

ฉันเดินเข้าไปหาเขา เขากางแขนทั้งสองข้างออกแล้วโอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขน และลูบแผ่นหลังของฉันอย่างแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรนะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ”

“ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? ” ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขา

“พวกเขาเช็กกล้องวงจรปิดแล้ว และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว เซียวซือตั้งใจพลิกตัวตกลงไปเอง ไม่เกี่ยวกับคุณ”

ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็เบาใจลงได้แล้ว “เซียวซือเป็นยังไงบ้าง? ” ฉันรีบถามสีชิงชวนทันที

“เธอไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมาก แต่...”

ฉันกลัวการได้ยินคำที่มีความหมายย้อนกลับแบบนี้ที่สุด คำว่าแต่คำเดียวนี้ทำให้ฉันรู้สึกตึงเครียดขึ้นมาทันที

“แต่อะไร? เซียวซือคงไม่ได้ตกลงมาจนสมองกระทบกระเทือนกลายเป็นคนสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว ไม่มีความรู้สึกใดๆ หรือว่าสมองกระทบกระเทือนจนส่งผลกระทบต่อสติปัญญาหรอกใช่ไหม? ”

“ผมก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่เป็นไร แล้วมันจะร้ายแรงขนาดนั้นได้ยังไง? ” สีชิงชวนโอบกอดฉันให้คลายกังวล “กิ่งไม้ขูดใบหน้าของเธอจนเป็นแผล ตอนนี้คุณหมอเย็บแผลให้เธอแล้ว”

“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ? แค่กิ่งไม้ขูดหน้ายังต้องเย็บด้วยเหรอ? ”

“แผลลึกมาก ถ้าไม่เย็บละก็ แผลคงไม่หายง่ายๆ ”

“งั้นเธอต้องรับไม่ได้แน่ๆ ”

“ตอนนี้การแพทย์พัฒนาไปไกลแล้ว ไหนจะเวชสำอางที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้นอีก ถึงจะมีรอยแผลเป็นก็รักษาให้หายได้ ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงเลย”

เขาก็พูดง่ายสิ ฉันเป็นผู้หญิง ฉันเข้าใจว่าการที่บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น สำหรับผู้หญิงแล้วมันหมายความว่ายังไง

ฉันเอ่ยอย่างร้อนใจ “ฉันอยากไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลดูหน่อย”

“คุณคิดว่ามันจะเหมาะเหรอ? ” เขาโอบไหล่ฉันพลางพาฉันเดินออกไปข้างนอก “ตอนนี้อารมณ์ของเซียวซือไม่คงที่ อาจจะมีเรื่องร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ ช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งไปเจอเธอเลย โอเคไหม”

“อืม” ฉันรู้ว่าสีชิงชวนพูดถูก ฉันพยักหน้าและเอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง

คนคนหนึ่งที่เปลี่ยนจากคนอ่อนแอที่ถูกคนอื่นกดขี่ไปเป็นตัวการที่ไปทำลายชีวิตของคนอื่นจนพังพินาศ

ช่องโหว่ในจิตในนี้ทำให้ตัวฉันเองรับไม่ได้

ฉันเอนหลังพิงไปกับเบาะที่นั่งข้างคนขับด้วยความหงอยเหงาเศร้าซึม สีชิงชวนขับรถพลางหันมามองฉันด้วยความกังวล “ตอนนี้คุณคงไม่ได้กำลังตำหนิตัวเองอยู่ใช่ไหม? ผมจะสมมติให้คุณฟังนะ สมมติว่าคุณกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน จู่ๆ เขาก็แซงหน้าคุณและมาชนคุณเข้า จนตัวเองเซตกลงไปในหลุมข้างหน้า ผมขอถามคุณหน่อยว่าในใจของคุณในตอนนั้นจะรู้สึกยังไง? คุณจะตำหนิตัวเอง โทษตัวเองว่าถ้าไม่ถูกเขาชนเข้า เขาก็คงไม่ตกลงไปในหลุมหรือเปล่า? ”

ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันควรจะตอบออกไปว่าอย่างไรดี และมองเขาอยู่เงียบๆ

“คุณตำหนิตัวเองมากเกินไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้คุณจะมีชีวิตที่เหนื่อยมากนะ”

ฉันได้ยินสีชิงชวนบอกฉันว่าอย่าติดต่อกับเซียวซืออีก

ในวันงานพิธีเผาศพของแม่เลี้ยง เฉียวอี้กับสีชิงชวนพากันโน้มน้าวไม่ให้ฉันไป ดังนั้นฉันจึงส่งพวงมาลาขนาดใหญ่ไปให้ ส่วนตัวฉันไม่ได้ไปที่งาน

ตามที่หร่วนหลิงเล่าให้ฉันฟัง เซียวหลิงหลิงพังพวงมาลาที่ฉันส่งไปจนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ เธอเหยียบดอกไม้ทุกดอกจนเละเทะไปหมดอย่างกับผู้หญิงที่ดุร้ายคนหนึ่ง

ฉันจินตนาการสภาพแบบนั้นของเซียวหลิงหลิงออกเลย การที่เธอเหมือนผู้หญิงที่ดุร้ายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โชคดีที่ฉันไม่ไป ถ้าไปก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก

ฉันกลับมานั่งตำแหน่งประธานของเซียวซื่อกรุ๊ปอีกครั้ง และเริ่มเรียนรู้การบริหารอย่างจริงๆ จังๆ

เซียวซื่อกรุ๊ปมีลูกน้องเก่าของคุณพ่ออยู่ท่านหนึ่ง ซึ่งเดิมทีเขาเกษียณไปแล้ว ฉันจึงได้เชิญเขากลับมาอีกครั้ง

ถึงแม้ว่าสีชิงชวนกับเฉียวอี้จะสามารถสอนการจัดการบริหารให้ฉันได้ แต่เขาเข้าใจการดำเนินการของเซียวซื่อกรุ๊ปมากกว่า

ครั้งนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบริหารเซียวซื่อกรุ๊ปให้ดี

ฉันค่อยๆ สร้างความมั่นใจว่าตัวเองสามารถบริหารบริษัทให้ดีขึ้นมา สีชิงชวนบอกว่าความสามารถของฉันดีกว่าเซียวซือ เฉียวอี้บอกว่ามองแวบแรกก็รู้แล้วว่าฉันเป็นเสาหลักของบริษัท

พวกเขาชมฉันขนาดนี้ งั้นฉันก็ยิ่งต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวังในตัวฉัน

แต่การบริหารบริษัทนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้นเลยจริงๆ ก็ต้องเรียนรู้กันไปทีละจุดๆ

เฉียวอี้บอกกับฉันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเรียนรู้และฝึกฝนบรรยากาศรอบตัวของตัวเอง ทำให้ตัวเองมีอำนาจในการพูดในบริษัท

ตรงจุดนี้ฉันต้องฝึกฝนให้มากขึ้นจริงๆ ฉันเข้าประชุมสองครั้งติดต่อกันในตอนเช้า ประชุมจนฉันเวียนหัวตาลายปากแห้งลิ้นแห้งไปหมด หร่วนหลิงกำลังช่วยจัดการเอกสารการประชุมให้ฉันอยู่ ฉันจึงไปชงกาแฟที่ห้องชงชาด้วยตัวเอง

ตอนนี้ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่าทำไมตอนที่สีชิงชวนกับเฉียวอี้ทำงานในตอนกลางวันถึงได้ชอบดื่มกาแฟเป็นพิเศษ เพราะกาแฟทำให้คนรวบรวมสติได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)