ถึงจะอันตรายฉันก็จะเข้าไป ฉันจะมองดูเฉียวอี้ตกลงไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง?
ฉันไม่คิดอะไรทั้งนั้นแล้ว ต่อให้พวกเราทั้งสามคนจะลงไปด้วยกัน ฉันก็ไม่สามารถมองดูอยู่ข้างๆ โดยไม่สนใจแบบนี้ได้
ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไปเอาเรี่ยวแรงมากมายขนาดนั้นมาจากไหน ฉันสะบัดตัวออกจากหร่วนหลิง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปหาเฉียวอี้
อู๋ซือเหมยกำลังยื้อยุดอยู่กับเฉียวอี้ คาดว่าเธอน่าจะไม่สังเกตเห็นฉัน ดังนั้นฉันจึงเข้าไปใกล้พวกเธอได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ปีนขึ้นไปบนราวจับและกอดเฉียวอี้เอาไว้แน่น และดึงตัวเธอเข้ามาหาฉัน
ฉันได้ยินกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังฉันกรีดร้องออกมาเสียงแหลม จากนั้นภาพตรงหน้าของฉันก็เบลอไปหมด ก็เลยไม่รู้ว่าเป็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกันแน่ที่วิ่งเข้ามาหาพวกเรา
ทันใดนั้นอู๋ซือเหมยก็ก้มลงมากัดแขนฉันอย่างแรง ฉันรู้สึกว่าฟันของเธอแหลมคมมากราวกับสัตว์ป่า
ฉันเจ็บจนปฏิกิริยาตอบโต้ของฉันบอกให้ปล่อยมือออก
ฉันเห็นเลือดสีสดเลอะอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีขาวของฉัน และเมื่อฉันปล่อยมือ อู๋ซือเหมยก็ผลักเฉียวอี้ออกไปอย่างแรง
ฉันเห็นเฉียวอี้ล้มลงไปข้างหลัง จากนั้นก็ตกลงไปจากตึกยี่สิบหกชั้น
ฉันยืนอยู่ด้านข้างราวจับ ฉันเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
เฉียวอี้เหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดตกลงไป เธอร่วงหล่นลงไป และไม่รู้เลยว่าจะปลิวไปทางไหน
“เฉียวอี้! ” ฉันกรีดร้องออกมา ใช้แรงมั้งตัวกรีดร้องออกมา
ฉันยื่นมือออกไปจะคว้าเธอเอาไว้ แต่เฉียวอี้ตกลงไปเร็วกว่าที่ฉันคิด
มีอะไรบางอย่างหวานๆ คาวๆ พุ่งขึ้นมาจากกระเพาะของฉัน ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ฉันรู้สึกแค่ว่ามีก้อนอะไรเหนียวๆ อุดตันอยู่ที่คอของฉัน จนฉันตาพร่ามัว ภาพตรงหน้าของฉันเดี๋ยวก็เป็นสีดำ เดี๋ยวก็เป็นสีแดง จากนั้นฉันก็หงายหลังล้มตึงลงไป
การเป็นลมไปในสถานการณ์คับขันแบบนี้ น่าจะเป็นกลไกป้องกันอัตโนมัติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของคนเรา เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้
ฉันเป็นลมล้มลงไป หมดสติโดยสมบูรณ์ ในช่วงที่ฉันเป็นลมล้มลงไปนี้ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย จิตสำนึกของฉันว่างเปล่า
เมื่อฉันฟื้นขึ้นมา ฉันมองดูโคมไฟบนเพดานอยู่หลายนาทีถึงจะค่อยๆ นึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ฉันจะเป็นลมขึ้นมาได้
ชิ้นส่วนเล็กๆ น้อยๆ หลายชิ้นปรากฏขึ้นในสมองของฉัน
ภาพแรกคือภาพที่เฉียวอี้กับอู๋ซือเหมยยืนอยู่ด้านนอกราวจับ ภาพที่คือภาพที่อู๋ซือเหมยผลักเฉียวอี้ และภาพสุดท้ายคือภาพที่เฉียวอี้หงายหลังตกลงไปจากตึกยี่สิบหกชั้น
“เฉียวอี้! ” ฉันลุกขึ้นนั่งด้วยความหวาดกลัว เหงื่อเย็นๆ ออกท่วมตัวทันที
เมื่อสักครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น? เฉียวอี้ เฉียวอี้ตกลงไปแล้ว เธอตกลงไปจากตึกยี่สิบหกชั้น!
ฉันเปิดผ้าห่มออกมาและกำลังจะลงจากเตียง แต่มีคนมากดฉันไว้จากข้างๆ “เซียวเซิง คุณฟื้นแล้ว ผมจะไปตามหมดมาตรวจคุณ”
เป็นเสียงของสีชิงชวน ฉันหันไปมองเขาทันที เขายืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ เตียงของฉันด้วยความร้อนรน
“เฉียวอี้” ฉันเปิดปากพูดกับเขา น้ำเสียงแหบแห้งไปหมด “เฉียวอี้ตกลงไปจากตึก ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? เธอตายหรือเปล่า? เฉียวอี้จะตายไม่ได้นะ คุณแม่จะเสียใจ ตอนนี้คุณพ่อก็ป่วยหนัก เฉียวอี้จะเป็นอะไรไปอีกคนไม่ได้นะ”
แต่ตกลงไปสูงขนาดนั้น เธอจะไม่เป็นไรเลยได้ยังไง?
ฉันหัวหนักขาเบายืนนิ่งๆ ไม่ได้ สีชิงชวนประคองฉันเอาไว้ “เฉียวอี้ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงมาก ในทางกลับกันเป็นคุณต่างหากที่มีปัญหานิดหน่อย”
ฉันนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว สีชิงชวนบอกว่าจะไปหยิบรองเท้าแตะมาให้ฉัน แต่เขาก็ไม่ได้เดินออกไป เขายืนอยู่ตรงหน้าและมองมาที่ฉัน จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะ สภาพของคุณในตอนนี้ ไม่สบายใจถ้าต้องทิ้งคุณไว้ที่นี่คนเดียว คุณใส่รองเท้าของผมละกัน! ”
เขาถอดรองเท้าของเขาออก แล้วเอาเท้าของฉันใส่เข้าไปในรองเท้าอุ่นๆ ของเขา ส่วนเขาก็ใส่แค่ถุงเท้าเหยียบกระเบื้องในระเบียงทางเดินอยู่อย่างนั้น
สีชิงชวนจับมือของฉันเอาไว้แน่นอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่ได้ถามเขาเลยว่าหนาวไหม ตอนนี้เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พื้นกระเบื้องเย็นมาก
ฉันแค่ถามเขาออกไปซ้ำๆ ว่า “เฉียวอี้ไม่เป็นไรใช่ไหม เธอไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม คุณอย่าโกหกฉันนะ คนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นเธอจริงๆ ใช่ไหม? ”
“เดี๋ยวก็ออกมาแล้ว”
ทันทีที่เสียงพูดของสีชิงชวนจบลงประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกทันที คุณหมอเดินออกมาจากข้างใน ฉันยังไม่ได้ถามอาการของเฉียวอี้ ก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งเข็นรถเข็นออกมาจากข้างใน คนที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็นก็คือเฉียวอี้
เธอนั่งอยู่บนรถเข็น บนหน้าผากมีปลาสเตอร์ปิดอยู่ เป็นแค่ปลาสเตอร์ปิดแผลอันเล็กๆ ที่ข้อเท้ามีผ้าพันแผลพันอยู่
แต่สภาพจิตใจของเธอดีมาก ดูเหมือนจะไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรง
“เฉียวอี้” ฉันลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหา แต่ฉันลืมไปว่าตัวเองใส่รองเท้าของสีชิงชวนอยู่ มันใหญ่มาก ฉันเลยเกือบจะหกล้ม สีชิงชวนรีบเข้ามาประคองฉันเอาไว้
“เซียวเซิง ฉันไม่เป็นไร” เสียงของเฉียวอี้สูงมาก ทั้งดังก้องและมีพลัง ไม่เหมือนคนที่เป็นอะไรมาเลย
ในที่สุดฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และรู้สึกเบาใจได้อย่างเต็มที่
เฉียวอี้ไม่เป็นไร เหงื่อเย็นๆ ของฉันแทบจะไหลลงไปที่เท้าแล้ว
“ขอบคุณฟ้าดิน เฉียวอี้ เธอไม่เป็นไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...