เรื่องการตั้งครรภ์ของฉันเหมือนเรื่องดังพลุแตกที่ตระกูลสีทุกคนต่างพากันมาที่วอร์ดของฉัน
ไม่แปลกที่คุณย่า คุณพ่อสีและคุณแม่สีต่างมาที่นี้ แต่แม้แต่พี่ชายใหญ่และพี่ชายรองของสีชิงชวนพร้อมทั้งพี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองต่างก็อยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ผู้คนเบียดเสียดและล้อมรอบในวอร์ดของฉันเต็มไปหมด
คุณย่ารู้สึกตื่นเต้นจนใช้ไม้เท้าสะกิดตูดของสีชิงชวน “ตาแสบนี่ ใช่ได้เลย เยี่ยมมาก...”
“คุณย่าใจเย็นๆ ครับ ย่าแหย่ผมมาเกือบจะทั้งวันแล้ว”
“ย่าจะแหย่หลานสักกี่ครั้งมันจะเป็นไรไป? ขี้โวยวาย ตอนนี้เสี่ยวเซิงเซิงท้องแล้ว หลานต้องดูแลเธอให้ดีและหยุดรังแกเธอได้แล้ว ถ้าย่ารู้ว่าหลานปฏิบัติกับเธอเหมือนเมื่อก่อนอีก ย่าจะทุบตีหลานให้สาแก่ใจ”
คุณย่ายกไม้ค้ำขึ้นสูงไปทางสีชิงชวน ฉันรู้ว่าคุณย่าไม่ใช่แค่พูดเล่น
ท่านสามารถทุบตีสีชิงชวนได้อย่างโหดเหี้ยม
“ก่อนหน้านี้ผมปฏิบัติต่อเธอยังไงครับ?” สีชิงชวนหันมามองฉัน
เขามองฉันทำไม หวังให้ฉันช่วยพูดจาดี ๆ ให้เขาแล้วบอกคุณย่าว่าสิ่งที่เขาทำไปก่อนหน้านี้เพื่ออยากฝึกฝนฉันเหรอ?
คาดว่าคุณย่าคงจะเฆี่ยนตีเขาหนักขึ้น
แม้ว่าพี่ชายคนโตและพี่ชายคนที่สองของสีชิงชวนจะแต่งงานกันนานแล้ว แต่พวกเขายังไม่มีลูก ดังนั้นฉันจึงเป็นลูกสะใภ้คนแรกของตระกูลสีที่ตั้งครรภ์
คุณพ่อสีและคุณแม่สีมีความสุขมาก พวกเขาดีใจจนมือไม้อ่อนไปหมด นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขาจะเป็นคุณปู่คุณย่าแล้ว
คุณพ่อสีเป็นคนสุขุมและสำรวมกริยา เขายืนอยู่ข้างเตียงของฉันพักหนึ่งแล้วกระแอมไออย่างแรง จากนั้นพูดอย่างวางหมาดว่า “ให้พวกเขาดูแลเธอดี ๆ แค่นั้น”
จากนั้นเขาก็หันหลังเดินออกไป
คุณแม่สีนั่งลงข้างเตียงของฉัน เธอค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่เหมือนคุณย่าที่เอาแต่จ้องมองไปรอบ ๆ ท้องของฉัน
“เสี่ยวเซิง พักผ่อนให้เพียงพอในช่วงเวลานี้ เธอผอมเกินไปแล้ว ให้พวกเขาดูแลเธอดี ๆ”
“ใช่ ใช่ ใช่” คุณย่าแทรกขึ้นทันที “ห้ามไปไหนเด็ดขาดและไม่ต้องเข้าบริษัทเซียวซื่อด้วย อยู่บ้านดูแลลูกในท้อง ส่วนหลานสีชิงชวน”
คุณย่าใช้ไม้ค้ำชี้ไปสีชิงชวน “หลานก็ไม่ต้องไปทำงานเหมือนกัน ปล่อยให้คนอื่นทำหน้าที่ประธานไปก่อน แล้วกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเซิง”
“แล้วบอกพ่อว่าอย่าไปบริษัท จะทำยังไงล่ะครับถ้าทุกคนต่างกลับมาบ้าน?”
“ยังมีความสัมพันธ์ที่ดี” คุณย่าไม่แยแส “ไปบอกพ่อของหลาน”
คุณย่าดีใจจนนั่งไม่ติดที่ เธอเดินเวียนอยู่หน้าเตียงของฉันจนฉันรู้สึกเวียนหัว
พูดตามตรงว่าตอนนี้ฉันค่อย ๆ เริ่มทำใจกับความจริงที่ว่าฉันท้อง
เห็นได้ชัดว่าตระกูลสียอมรับได้เร็วกว่าฉัน และท่าทางปลื้มปีติยินดีที่พวกเขาแสดงให้เห็นนั้นเกินความคาดหมายของฉัน
ทว่าครอบครัวทางพี่ชายคนโตและพี่ชายคนที่สองไม่ได้มีความสุขเท่าที่ควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพี่สะใภ้คนโตและพี่สะใภ้คนที่สองแสดงความยินดีกับฉันนั้นต่างปากไม่ตรงกับใจ แม้ว่าใบหน้าของพวกเขาจะยิ้มราวกับดอกไม้บาน แต่ไม่ว่ามองอย่างไรก็ดูเหมือนจะเป็นดอกกะหล่ำที่มีรสขม
เดิมทีพวกเขาแต่งงานกันเข้าตระกูลสีมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่มีลูก ส่วนฉันท้องหลังจากแต่งงานมาครึ่งปีกว่า ดังนั้นแน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ต่อมาคุณย่าคิดว่าพวกเขาน่ารำคาญแล้วไล่พวกเขาทั้งหมดไป
แน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้สูงอายุชอบเด็กเลยมีความสุข และฉันเข้าใจคุณพ่อสีและคุณแม่สี แต่พฤติกรรมของสีชิงชวนทำให้ฉันสงสัยมากกว่า
“หรือบางทีคุณอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่กับผม” จู่ ๆ เขาก็จับมือฉัน “ความรู้สึกปลอดภัยควรมาจากความมั่นใจในตัวเอง ไม่ใช่จากอีกฝ่าย”
ฉันมองไปที่สีชิงชวนและไม่รู้ควรพูดอะไร ดังนั้นฉันจึงกลั้นไว้เป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า “ฉันง่วงแล้ว อยากจะนอนพักผ่อนสักพัก”
เขารีบช่วยฉันเอนเตียงลงทันที จากนั้นวางเบาะนุ่ม ๆ ไว้ที่หลังเอวของฉันอย่างเอาใจใส่ “เตียงในโรงพยาบาลค่อนข้างแข็ง คุณอดทนนอนก่อนนะ เดี๋ยวกลับถึงบ้านก็ดีขึ้น”
ฉันหลับตาลง มีนกกระเรียนมงกุฎแดงจำนวนมากปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาฉัน ถ้าตัวเดียวคงเรียกว่าสวย หนึ่งหมื่นตัวเรียกว่าสง่างาม แต่ถ้ามากกว่านี้คงจะเป็นโรคกลัวรูแล้ว
ทำไมถึงเห็นนกกระเรียนมงกุฎแดงล่ะ? ช่างเป็นปฏิกิริยาที่แปลกประหลาด
ฉันนอนหลับตา ดูเหมือนสีชิงชวนจะออกไปแล้ว ฉันไม่รู้ว่าเขาไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานประตูของฉันก็ถูกผลักเปิดออก แต่แทนที่จะเป็นสีชิงชวน ฉันกลับได้ยินเสียงของเฉียวอี้
เธอกำลังกรี๊ดและกรี๊ดตั้งแต่นอกประตู จากนั้นเธอก็วิ่งมาที่เตียงของฉันพร้อมกรี๊ดไม่รู้จบ “กรี๊ด เซียวเซิง กรี๊ด...”
เธอยกผ้านวมของฉันขึ้นเสียงดัง ดวงตาของเธอจ้องไปที่ท้องน้อยของฉัน “ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันว่าเธอท้อง ทำไมไม่บอกว่าฉันจะเป็นแม่ทูนหัวแล้ว เยี่ยมไปเลย!”
จากนั้นเธอก็คิดเองเออเองและตั้งชื่อ เฉียวอี้ตื่นเต้นมากเหมือนกับคนในตระกูลสีไม่มีผิด ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในคนกลุ่มนี้
“ใครบอกเธอ?” เธอเสียงดังมากจนฉันต้องอุดหู และหลังจากดูรูปปากของเธอเท่านั้น ฉันถึงรู้เธอกำลังตอบฉันว่า “สีชิงชวน”
สีชิงชวนกลายเป็นคนปากสว่างตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไปบอกเฉียวอี้เร็วมาก
ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะบอกเธออย่างไรดี หรือยังไม่รู้เลยว่าจะเผชิญหน้ากับเด็กคนนี้อย่างไร
เฉียวอี้ก้มลงมาเกือบจะชนหน้าผากฉัน เธอมองมาที่ฉันอย่างละเอียด “ทำไมเธอถึงสงบนิ่งขนาดนี้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...