มันไม่มีใครยอมรับแน่นอนอยู่แล้ว พวกเลขาเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ และปัดความรับผิดชอบให้กัน มีคนหนึ่งบอกว่า “ฉันไม่เคยดื่มชาลดน้ำหนักมาก่อนเลยค่ะ ทุกคนก็รู้ ฉันผอมขนาดนี้แล้ว จะดื่มชาลดน้ำหนักอะไรอีกล่ะคะ?”
มีบางคนบอกว่า “ตอนนี้ไม่มีใครดื่มชาลดน้ำหนักกันแล้วหรอกค่ะ เขาดื่มเอนไซม์กันหมดแล้ว!”
จากนั้นพวกเขาก็แย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ มีพวกเลขาบางส่วนที่ฉันรู้จัก งานเลขาเป็นงานที่เงินเดือนและตำแหน่งสูง ให้บริการแก่ผู้บริหารระดับสูงที่มีระดับสูงกว่าผู้จัดการโดยเฉพาะ
โดยพื้นฐานแล้วหน้าที่นี้มักเข้ามาได้ด้วยคอนเนกชั่น หรือไม่ก็เป็นญาติของครอบครัวผู้บริหารระดับสูง
ดังนั้นอาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้มีอำนาจบารมีอะไร แต่หร่วนหลิงกำลังซักถาม จึงทำให้พวกเธอหงุดหงิดมาก
“งานฉันก็เยอะจะตายอยู่แล้ว ฉันยังต้องกลับไปทำงานนะ!”
“นั่นสิ ตอนค่ำฉันมีธุระ ฉันไม่อยากทำงานล่วงเวลาหรอกนะ เรื่องพวกนี้เขาเก็บไว้ให้พวกไร้ความสามารถทำกันทั้งนั้นแหละ”
คำพูดของเลขาคนนี้มีความหมายเสียดสีแฝงอยู่นิดหน่อยด้วย เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านี้ฉันต้องทำความเข้าใจรายละเอียดต่างๆ ทั้งหมดให้เข้าใจ เพื่อจะได้ตามโปรเจกต์นี้ได้ทัน ฉันจึงตั้งใจทำงานล่วงเวลาสองกะ
หน้าหร่วนหลิงตึงขึ้นมาทันที เธอตบโต๊ะและพูดขึ้น “พวกเธอกำลังพูดอะไร? พวกเธอกำลังพูดอยู่ต่อหน้าใคร?”
ถึงแม้พวกเธอจะเงียบเสียงลง แต่ฉันก็ยังดูออกว่าในใจพวกเธอไม่ได้รู้สึกยอมแพ้หรอก
เพราะพวกเธอไม่กลัวฉัน ภายนอกก็แค่ทำเป็นเงียบไม่พูดอะไรต่อเท่านั้น
หร่วนหลิงหันมามองฉัน ฉันรู้ว่าเธอจะให้ฉันเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ในตอนนี้ถ้าฉันยังเงียบต่อไปอีก งั้นต่อไปก็คงเอาพวกเธอไม่อยู่ยิ่งกว่านี้
ริมฝีปากฉันแห้งผากเล็กน้อยจึงยกแก้วเก็บอุณหภูมิมาดมดูว่ามีกลิ่นอะไรแปลกๆ ไหม จากนั้นก็ดื่มเข้าไปอึกหนึ่ง
ฉันพบว่าตอนนี้ฉันเหมือนกลายเป็นพวกฮ่องเต้ หรือไม่ก็เหล่าสนมในพระราชวังอย่างนั้นแหละ จะกินจะดื่มอะไรก็ต้องระวัง เพราะกลัวว่าจะมีคนใส่ยาพิษอะไรลงไป
ฉันดื่มน้ำลงไปอึกหนึ่งและแลบลิ้นเลียริมฝีปากเล็กน้อย มองพวกเลขาพวกนั้นที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้วก็เอ่ยขึ้นช้าๆ “งั้นเอาแบบนี้เถอะ” ฉันบอก “ที่หน้าห้องทำงานฉันมีกล้องวงจรปิด ให้แผนกรักษาความปลอดภัยเอากล้องวงจรปิดลงมาตรวจสอบก็รู้แล้วว่าใครเข้ามาในห้องทำงานฉัน ไม่ต้องเสียเวลาพวกคุณทำงานด้วย พวกคุณกลับไปทำงานก่อนเถอะ เดี๋ยวผลเป็นไงฉันค่อยให้หร่วนหลิงไปบอกพวกคุณ”
“ท่านประธานคะ แผนกรักษาความปลอดภัยจะเอากล้องมาตรวจสอบก็ต้องมีเหตุผลนะคะ” เลขาคนหนึ่งบอกกับฉัน “ไม่ใช่จะเอาออกมาตรวจสอบก็เอาออกมาได้”
“อ้อ พอคุณพูดมาแบบนี้ก็เหมือนเตือนสติฉันเลย” ฉันมองดวงตาโตๆ สวยๆ ของเธอที่ทาอายแชโดว์สีทอง “งั้นก็แจ้งความไปเลยแล้วกัน!”
ฉันหันไปบอกหร่วนหลิง “แจ้งความ บอกตำรวจว่าเหมือนซีอีโอจะโดนวางยา ต้องการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เหตุผลนี้คงมากพอแล้วมั้ง!”
หร่วนหลิงเข้าใจทันที เธอหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมาโทรหาเบอร์ 110 ฉันเห็นว่าหลายคนเริ่มหน้าซีดแล้ว
เลขาคนที่พูดกับฉันเมื่อกี้รีบพูดขึ้นทันที “ไม่ต้องแจ้งความหรอกค่ะ ฉันว่าน่าจะเป็นความเข้าใจผิดกันมากกว่า”
“เข้าใจผิดยังไงไหนลองว่ามาหน่อยสิ” ฉันพยักพเยิดหน้าไปที่เธอ จากนั้นก็หันหน้าไปทางหร่วนหลิงและกดปลายนิ้วเป็นสัญญาณให้เธอวางสายลงก่อน
หร่วนหลิงวางสายลงและยืนอยู่ข้างหลังฉัน
ฉันนั่งกอดอกอยู่บนเก้าอี้ของตัวเองและมองเลขาไม่กี่คนพวกนั้น
มีคนหนึ่งที่ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายและดูยุ่งเหยิงมาก
ฉันคิดว่าในใจเธอมันตีกันอยู่นานก่อนจะเอ่ยปากขึ้น “ชาลดน้ำหนักนั่นฉันเป็นคนยกเข้ามาเองค่ะ แต่มันไม่ใช่ของฉันนะคะ ฉันไม่ได้เป็นคนชงด้วย”
“งั้นทำไมเธอต้องยกเข้ามาด้วย?” หร่วนหลิงถามเธอ
หร่วนหลิงเลื่อนไปเรื่อยๆ จากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วมุ่นมากขึ้นกว่าเดิม มีเลขาหลายคนเดินเข้ามา และหนึ่งในนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เบอร์โทรบนนั้นแล้วตะโกนออกมา “อุ๊ย เลขาหร่วน นี่มันเบอร์ห้องทำงานเธอไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันก็ว่าเสียงมันคุ้นๆ ที่แท้ก็เธอนี่เองที่โทรมา!” เลขาคนที่เอาชามาเสิร์ฟพูดขึ้น “ฉันก็คิดอยู่แล้วว่าเบอร์ที่โทรมามันคือเบอร์เธอ ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันก็คิดว่าเธอเป็นคนใกล้ชิดของท่านประธานไง แบบนั้นเธอให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำไป ฉันก็เลยเอาชาลดน้ำหนักจากคอมมอนรูมไปวางไว้ แบบนี้จะมาโทษฉันได้ไง?”
“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ท่านประธานคะ ฉันคิดว่าคุณถามเลขาหร่วนดีกว่านะ เธอน่าจะรู้ดีแก่ใจ”
หร่วนหลิงโดนพวกเธอย้อนเล่นงานกลับ เธอโกรธจนหน้าแดงไปหมด ฉันต้องเชื่อหร่วนหลิงอยู่แล้ว ฉันคิดว่าเป้าหมายของเรื่องนี้ไม่ใช่ฉันหรอก แต่เป็นหร่วนหลิงต่างหาก
ไม่งั้นพวกเขาก็คงไม่ให้ฉันดื่มแค่ชาลดน้ำหนักหรอก
อาจจะมีคนคิดว่าการที่หร่วนหลิงอยู่ใกล้ตัวฉัน มันเป็นการเพิ่มเกราะป้องกันให้ฉันเพิ่มอีกหนึ่งชั้นสำหรับพวกเขา ตอนนี้พวกเขาจะงัดเกราะป้องกันพวกนี้ของฉันออกไปทีละชั้นๆ ก็เลยเริ่มด้วยการลงมือกับหร่วนหลิง
ที่แท้การต่อสู้มันก็เริ่มขึ้นเงียบๆ แบบนี้นี่เอง
ไม่ได้ ฉันต้องปกป้องหร่วนหลิงไว้ให้ได้
เรื่องนี้มันยากที่จะจัดการ ถ้าฉันยังกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย ไม่แน่หร่วนหลิงก็อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย
งั้นถ้าฉันยอมรามือแล้วบอกว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเรื่องหนึ่ง งั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คงนอนสบายใจเฉิบแน่
เพราะงั้นปัญหาที่ว่าจะจัดการกับมันยังไงเป็นเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
ฉันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกกับพวกเลขาทั้งหลาย “งั้นในเมื่อเรื่องมันซับซ้อนขนาดนี้ เราก็ตรวจสอบให้มันละเอียดไปเลย ว่าสายนี้เป็นสายที่เลขาหร่วนโทรเข้ามาจริงๆ หรือเปล่า และการที่คุณเอาชาลดน้ำหนักไปไว้ที่ห้องฉันมันเป็นเพราะรับสายที่โทรเข้ามา? หรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่? งั้นก็ต้องตรวจสอบกันดีๆ แล้วล่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...