พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 432

ในที่สุดคุณแม่เฉียวก็ได้ออกจากห้องฉุกเฉิน เธอแค่สะเทือนใจมากไปเกินจนทำให้เป็นลมหมดสติ ซึ่งตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพได้มารอนานแล้ว ฉันและเฉียวอี้ยืนหยัดไม่ให้พวกเขาห่อศพของคุณพ่อเฉียวไป ต้องให้คุณแม่เฉียวเห็นหน้าคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายให้จงได้

ภาพเหตุการณ์ต่อมา อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาพที่น่าเวทนาที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย

คุณพ่อเฉียวถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ส่วนคุณแม่เฉียวก็นอนอยู่บนเตียง และถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉินอีกห้องหนึ่งเช่นกัน

ทันทีที่เตียงทั้งสองเข็นผ่านกัน คุณแม่เฉียวยื่นมือไปจับมือของคุณพ่อเฉียวที่ห้อยลงมาใต้ผ้าห่มด้วยแรงที่มีทั้งหมด หลังจากนั้นถูกอู๋ซือเหมยพุ่งเข้ามาดึงออกไปโดยไม่ได้ทันตั้งตัว

เธอวิ่งเข้ามาโผลกอดคุณพ่อเฉียวกรีดร้องด้วยความรู้สึกใจแตกสลาย “ ตายแล้วก็ไม่ยอมให้พวกเธอเอาตัวไป ไม่ยอมให้ตาย ฉันต่างหากที่เป็นภรรยาคนแรกของเขา เธอมันนางจิ้งจอก นางเมียน้อย นางตัวซวย ตัวนำเคราะห์ร้าย ! ”

“ เฉียวเจี้ยนฉีมาพาคุณแม่ของนายไป เร็วเข้า ! ” ฉันตามหาเขาที่ทางเดิน เฉียวเจี้ยนฉีก็รีบพุ่งเข้ามากอดแม่ของเขาจากด้านหลังแล้วพาตัวออกไป

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพเอาตัวคุณพ่อเฉียวไป คุณแม่เฉียวที่นอนอยู่บนเตียงแรงลุกขึ้นจะมาดูก็ไม่มี

คุณแม่เฉียวและเฉียวอี้เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาก็บอบบางเหมือนกับผู้หญิงทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าพวกเขามีความเชื่อที่คอยยึดเหนี่ยวมาโดยตลอด

ตอนนี้คุณพ่อเฉียวไม่อยู่แล้ว สิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจของพวกเขาก็แตกสลายเช่นกัน

คุณแม่เฉียวล้มลง เฉียวอี้ก็ล้มลงเช่นกัน

ฉันเล่นกับเฉียวอี้มาตั้งแต่เล็กจนโต สุขภาพร่างกายเธอแข็งแรงมาก

บางครั้งเป็นหวัด แม้แต่ยาก็ไม่กิน จิบน้ำร้อนอึกสองอึกก็ดีขึ้นแล้ว

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่รุนแรงมากก็คือพวกเราไปปีนเขาด้วยกัน หลังจากนั้นเธอปีนขึ้นสูงไปหน่อยเลยทำให้ตกลงมาขาหัก นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานกว่าครึ่งเดือนเลย

ตอนนี้เฉียวอี้นอนปวกเปียกอยู่บนเตียงสองวันเต็ม ๆ จนกระทั่งพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียวในวันที่สามเธอถึงได้ฝืนทนลุกขึ้นมาร่วมงาน

คุณแม่เฉียวก็ไม่ได้ไปร่วมพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียว อีกอย่างคุณแม่เฉียวตอนนี้ท่านคือผู้นับถือศาสนาคริสต์ คุณพ่อเฉียวไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ ดังนั้นพิธีการจัดงานศพของคุณพ่อเฉียวจึงได้ทำตามแบบขนบธรรมเนียมจีน

ในงานศพวันนี้ อู๋ซือเหมยได้มาออกหน้าออกตา

เธอทำตัวเป็นภรรยาคนปัจจุบันของคุณพ่อเฉียว เธอสวมชุดกี่เพ้าสีดำและถือดอกไม้สีขาว

แต่ว่าอย่างไร ฉันก็ดูออกว่าเธอก็รู้สึกโศกเศร้าจริง ๆ เช่นกัน

ฉันเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าทำไมเธอถึงได้พยายามตามรังควานคุณพ่อเฉียวไม่หยุดหย่อน เพราะว่าความเกลียดชังของเธอเกิดจากความรักนั่นเอง

ทั้งรักทั้งเกลียด แม้แต่ตัวของอู๋ซือเหมยเองก็น่าจะแยกไม่ออกว่า สรุปว่าตัวเธอเองรักคุณพ่อเฉียวหรือเกลียดชังกันแน่

ในพิธีงานศพของคุณพ่อเฉียว อู๋ซือเหมยร้องไห้ร่ำลา และได้พูดเรื่องราวมากมาย พูดเหมือนกับว่าตนเป็นคุณนายหญิงแห่งตระกูลเฉียว ซึ่งตอนี้เธอเป็นแค่อดีตภรรยา

เป็นภรรยาคนแรกคำนี้ฉันไม่คัดดค้านเลย ทว่าพวกเขาต่างก็หย่าร้างกันไปตั้งนานแล้ว เธอถือสิทธิสวมบทบาทเช่นนี้ค่อนข้างไม่ดีเลย

ทว่าเวลานี้เฉียวอี้ไม่มีแรงที่จะมาถือสากับเธอเรื่องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเฉียวอี้อ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา

หนีอีโจวก็มาร่วมงาน พิธีงานศพสองสามวันนี้โดยส่วนใหญ่ฉันต้องทำเพียงคนเดียว โชคดีที่มีหนีอีโจวคอยช่วยเหลือ

ในพิธีสุดท้ายของงานศพฉันเห็นสีชิงชวนอยู่ที่หน้าประตูงาน ซึ่งเขามาก็ไม่แปลก เพราะว่าคุณพ่อเฉียวและสีชิงชวนเคยทำธุรกิจด้วยกัน

เขายืนอยู่ที่หน้าประตู เลขาคนใหม่ของเขากำลังดึงดอกไม้ขาวดอกเล็กที่ติดไว้บนอกของเขาออก

ฉันไม่เคยรู้เลยว่าสีชิงชวนกำลังคิดอะไรอยู่บ้าง

ฉันมองเขามาค่อนวัน ถึงได้พูดด้วยท่าทีที่แข็งทื่อว่า “ ขอบคุณที่คุณมานะคะ แล้วก็ขอบคุณที่คุณปลอบโยนเฉียวอี้เมื่อครู่ ”

“ ผมไม่ได้พูดอะไรครับ ” เขาพูดด้วยท่าทีที่เฉยชา “ คุณมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ ”

พูดอะไรกัน มีอะไรที่ฉันต้องพูดกับเขาด้วยหรือ

ทว่าเขาพูดขึ้นมาเช่นนี้ ฉันก็เลยถามเขาว่า ถ้าหากว่าคุณไม่คัดค้านอะไร “ คุณก็เซ็นชื่อในใบหย่าเถอะนะคะ พวกเราควรรีบไปจัดการให้เสร็จเถอะ ”

เมื่อพูดจบฉันก็ก้มหน้า ฉันไม่เคยกล้าสบตาของสีชิงชวนเลย แล้วก็ไม่รู้ว่าเขามองฉันหรือไม่

ฉันคิดว่าเขาจะพูดโดยอ้อมนิดหน่อยหรือพูดว่าตอนนี้เขายุ่งมากไม่มีเวลา ทว่าคิดไม่ถึงว่าฉันจะได้ยินเขาตอบด้วยท่าทีที่เฉยชา “ ตกลงครับ พรุ่งนี้ผมมีเวลาว่างตอนประมาณ 9 โมงเช้า คุณล่ะ”

เขาพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ กลับทำให้ฉันตะลึงงันไปชั่วขณะ ฉันเป็นพวกรู้สึกตัวช้า ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยท่าทีที่งุนงงและเมื่อผ่านไปสักพักฉันถึงได้พูดกับเขาว่า “ ฉันว่างค่ะ ”

แน่นอนว่าตอนนี้ฉันมีเวลา ฉันว่างมาก ตอนนี้ฉันเอาเวลาทั้งหมดมาอยู่เป็นเพื่อนเฉียวอี้

“ ตกลงครับ ” สีชิงชวนพยักหน้าแล้วพูดว่า “ ถ้างั้นพรุ่งนี้ตอนเช้าเจอกันในตึกสำนักทนายความจ้าวเต๋อเฉียงครับ ”

ฉันมองเงาข้างหลังของสีชิงชวนที่กำลังเดินไปขึ้นรถ ต่อมาเลขาก็ได้เปิดประตูให้เขาได้ขึ้นรถไป

เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป เขาก็ไม่หันกลับมามองฉันอีกเลย และสายตาของสีชิงชวนที่มองฉันกับมองเฉียวอี้เหมือนกันเลย แบบว่ามองคนที่คุ้นเคยแต่ว่าไม่ได้เจอกันนานเท่านั้นเอง

ซึ่งความจริงแล้วในใจฉันรู้สึกเสียใจมาก ทว่าฉันไม่สามารถเปิดเผยออกมาได้ เพราะว่าตอนนี้ข้างกายฉันยังมีเฉียวอี้ที่อยู่ในช่วงชีวิตตกต่ำ เธอต้องการให้ฉันช่วยเหลือ ไม่ใช่พากันดิ่งลงเหว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)