เช้าตรู่แบบนี้เซียวหลิงหลิงยังจะทะเลาะอะไรอีก ?
สายตาของเซียวหลิงหลิงมักจะโลกทัศน์แคบอยู่แล้ว ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเธอเคยกังวลว่าทำไมคุณพ่อตอนที่เขาเดินทางไปทำธุรกิจถึงให้ของขวัญฉันดีกว่าที่ให้กับเธอ หรือการที่แม่เลี้ยงจะซื้อชุดราคาแพงให้กับเซียวซือ แต่ตัวเธอกลับไม่มี
ฉันเสียใจเป็นอย่างมากว่าทำไมคุณพ่อต้องมีลูกสาวอย่างเซียวหลิงหลิง เมื่อก่อนฉันเคยคิดว่าอย่างน้อยเซียวซือก็สามารถเป็นความภาคภูมิใจของเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าฉันจะคิดผิดไป และก็เป็นลูกสาวของเขาเองที่เป็นคนฆ่าเขา
เซียวหลิงหลิงเอาแต่ตะโกนอยู่ด้านนอกจนฉันไม่สามารถนอนต่อได้
ฉันไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเดินออกจากห้อง เซียวหลิงหลิงยังคงพัวพันอยู่กับเซียวซือ
“เธอล็อกประตูห้องคุณแม่ไม่ให้ฉันเข้าไป พวกเครื่องประดับมีค่าของคุณแม่ของฉันไม่ใช่ว่าเธอแอบขโมยไปขายแล้วหรือไง ? เธออย่าคิดครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของเธอเอง เอาออกมาคืนฉันซะ !”
“เธอสร้างปัญหาพอหรือยัง ? ถ้าเธอยังคิดที่จะสร้างปัญหาอีก ต่อไปนี้เธออย่าแม้แต่จะก้าวเข้าประตูตระกูลเซียวของฉันอีก”
“เธอมีสิทธิ์อะไรไม่ให้ฉันเข้า ? ฉันเองก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลเซียว และฉันยังเป็นพี่สาวของเธอด้วย และของของคุณแม่ฉันก็ควรที่จะเป็นคนเก็บรักษาเอาไว้ !”
ฉันคิดว่าเมื่อไม่นานมานี้เซียวหลิงหลิงคงกำลังขัดสนเรื่องเงิน ขัดสนเป็นอย่างมากเลยด้วย เสวียเหวินเองก็คงเอาเงินของเธอไปใช้จำนวนไม่น้อย ฉันคิดว่าเซียวหลิงหลิงคงต้องการใช้เครื่องประดับของแม่เลี้ยงของเธอเพื่อหมุนเงิน
เซียวหลิงหลิงที่ไม่ได้รับเครื่องประดับ เธอจึงเอาแต่รบเร้าเซียวซือไม่หยุด “เธอเปิดห้องของคุณแม่ซะ ฉันจะเข้าไปหา เธออย่าคิดจะเก็บไว้คนเดียว”
“เซียวหลิงหลิงเธอพอสักที !”
“เธอจะไม่เปิดใช่ไหม ? งั้นฉันจะเข้าไปเอาเอง ! อยู่ ๆ คุณแม่ก็เสีย ไม่แม้แต่จะทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ เมื่อก่อนเธอบอกไว้เธอจะเอาเครื่องประดับทั้งหมดให้ฉัน”
“เซียวหลิงหลิงเธอมันสมองหมูเหรอ ในสมองของเธอนอกจากเงินยังมีอะไรบ้าง ?”
“ฉันไม่มีความสามารถเท่าเธอ อีกทั้งยังไม่มีความทะเยอทะยานเหมือนเธออีก นึกไม่ถึงว่าเธอจะโกงหุ้นทั้งหมดมาจากเซียวเซิง ฉันยังคิดเลยว่าเธอจะเอามาแบ่งฉันครึ่งนึง เซียวซือ เธอมันโลภมากจริง ๆ เธอไม่ได้มีคอที่ใหญ่โตขนาดนั้น ถ้ากินมากขนาดนั้นไปก็อาจจะสำลักตายได้นะ เธอรีบ ๆ เอาเครื่องประดับมาให้ฉันเถอะ จะเอาออกมาหรือจะให้แจ้งตำรวจ"
ฉันยืนอยู่บนบันไดมองไปที่เซียวหลิงหลิงที่กำลังโต้เถียงกับเธออยู่ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเซียวซือถึงต้องรีบไล่เซียวหลิงหลิงออกไป เพราะเซียวหลิงหลิงคอยเอาแต่จ้องเพื่อจะรบเร้าเธอทุกวัน ไม่ว่าใครก็ทนไม่ไหว
การที่ฉันพาเซียวหลิงหลิงกลับมาถือได้ว่าเป็นความคิดที่ฉลาดเอามาก ๆ
เซียวซือเงยหน้าขึ้นมาแล้วก็พบกับฉัน เธอสะบัดมือของเซียวหลิงหลิงออกด้วยความโกรธ “ฉันขอเตือนเธอ ถ้าเธอยังสร้างปัญหาอยู่อีก นอกจากเธอจะไม่เดินออกจากประตูนี้ไปตลอดชีวิต ไม่เช่นนั้น เธอจะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับเข้ามาอีกเลย”
“เธอกำลังข่มขู่ใครอยู่กัน? เธอกำลังขู่ใคร ? ฉันก็ถือว่าเป็นสมาชิกของครอบครัวนี้ เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกไป ? ดี เธอไม่ให้ฉันใช่ไหม งั้นตอนนี้ฉันจะไปที่ห้องของคุณแม่เอง”
ในขณะที่เซียวหลิงหลิงพูดเธอก็วิ่งขึ้นมาชั้นบน เซียวซือคว้าตัวเธอไว้ “เครื่องประดับทั้งหมดฉันฝังไว้กับแม่แล้ว ไม่มีแล้ว”
“เธอพูดอะไร อะไรคือฝังไปแล้ว หมายความว่ายังไง?”
“อยู่ในกล่องบรรจุอัฐิของแม่ ถ้าเธออยากได้เธอก็ต้องไปขุดเอามาจากในหลุมแล้ว”
“เธอทำบ้าอะไรถึงเอาเครื่องประดับทั้งหมดของแม่ใส่ไว้ในกล่องบรรจุอัฐิ เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง เธอไม่รู้หรือไงว่าเครื่องประดับพวกนั้นมันแพงมาก! ชุดเซ็ตไพลินพวกนั้นสามารถซื้อบ้านได้เลย เธอรู้หรือเปล่า ? เธอโง่ไปแล้วใช่ไหม ?”
เซียวซือไม่สนใจเธอ ดูเหมือนว่าเธอมีบางอย่างที่ต้องทำและไม่มีเวลาที่จะมายุ่งกับเซียวหลิงหลิง เธอมองมาที่ฉันแล้วรีบจากไป
เซียวซือออกไปแล้ว เซียวหลิงหลิงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธและไม่สามารถหาที่ระบายได้ เมื่อเธอเห็นฉันเธอก็เอาแต่พูดจ้อไปเรื่อยกับฉัน
“เธอพูดมาสิว่าเซียวซือเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่า? สิ่งที่หล่อนพูดใครเขาจะเชื่อ หล่อนเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะเอาเครื่องประดับราคาแพงทั้งหมดใส่ลงไปในกล่องบรรจุอัฐิของแม่ ? แม่ไม่ใช่ฟาโรห์สักหน่อย ทำไมต้องเอาเครื่องประดับฝังลงไปด้วย”
เฉียวอี้พิจารณาอยู่ชั่วครู่ “มันค่อนข้างแปลกจริง ๆ เซียวซือกลายเป็นคนแปลก ๆ ขนาดนี้ได้อย่างไร แม้ว่าเธอจะกตัญญู แต่การเอาเครื่องประดับของแม่ของเธอทั้งหมดใส่ไว้ในกล่องบรรจุอัฐิเพื่อที่จะเอาไปฝังพร้อมกับเธอมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ?”
เธอถามว่าทำไมฉันถึงรู้ ?
เฉียวอี้พูด “ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะลองศึกษาเพิ่มเติม ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างแปลกประหลาด”
หลังจากวางสายโทรศัพท์กับเฉียวอี้ ฉันก็ว่างสุด ๆ เดิมทีก็อยากจะโทรไปหาป๋ออวี่เพื่อที่จะขอบคุณเขาสักหน่อย แต่พอคิดดูแล้วเพื่อหลีกเลี่ยงความน่าสงสัย เพราะตอนนี้ฉันในตระกูลเซียวที่มีหูตาเต็มไปหมด ดังนั้นไม่เป็นไรอะไรหรอกถ้าหากจะโทรหาในภายหลัง
ฉันรู้สึกหิวนิดหน่อยหลังจากที่กลิ้งไปมาในตอนเช้า ก่อนที่จะเตรียมตัวลงไปข้างล่างเพื่อกินข้าวเช้า
ตอนที่ผ่านห้องของเซียวซือ ป้าหลิวและป้าอวี๋ก็กำลังช่วยเธอทำความสะอาดภายในห้อง
เซียวซือมีนิสัยรักความสะอาด ห้องของเธอจะต้องสะอาดสะอ้านอยู่ตลอด และหลังจากทำความสะอาดแล้วจะไม่มีใครสามารถเข้าไปได้อีก
ผ้าปูที่นอนของเธอก็ต้องเปลี่ยนทุกวัน สำหรับฉันแล้วคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยจริง ๆ
ลองคิดดูสิแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้องมาเปลี่ยนทุกวัน แม้ว่าจะเป็นของใหม่ ยังไงก็ต้องซักก่อนแล้วถึงจะเอามาปูบนเตียงได้
ทุกวันนี้โฆษณาผงซักฟอกและผงซักผ้าล้วนแต่เป็นออแกนิค แต่ก็มักมีสารเคมีอยู่เสมอการนอนบนผ้าปูที่นอนที่ซักใหม่ทุกวันฉันคิดว่าสักวันก็จะต้องถูกพิษจากสารเคมี
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ต้องยึดมั่นเอาไว้ให้ดี เซียวเซิงเป็นพวกที่ชอบทำอะไรจนเกินไป
ในขณะที่ฉันเดินผ่านห้องของเซียวซือและกำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง แต่เมื่อได้ยินป้าหลิวและป้าอวี๋ทั้งสองคนกำลังพึมพำเสียงเบา “ทำไมคุณหนูรองถึงเอาแต่วางเครื่องรางของขลังไว้ใต้ผ้าปูที่นอนทุกวันกันล่ะ ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...