พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 53

ฉันกล้ารับรองได้ว่าในครอบครัวตระกูลสีนี้ จะต้องมีคนเป็นหูเป็นตาให้เขา มิฉะนั้นไม่ว่าฉันจะทำอะไร เขาจะรู้ไปหมดไม่ได้

เขารู้แม้กระทั่งว่าสีจิ่นยวนหมกอยู่ในห้องฉันทั้งวัน ดังนั้นที่เขาพูดขึ้นในคืนนี้มันคือการตักเตือน

ที่เขานอนกับฉัน เขากำลังจะบอกว่า เรือนร่างนี้เป็นตกของเขาอยู่ในตอนนี้ ตั้งแต่เรือนร่างไปจนถึงจิตวิญญาณก็ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น

สีชิงชวนมักจะบดขยี้จิตใต้สำนึก จิตวิญญาณและความรู้สึกของการมีตัวตนอยู่เสมอ

ฉันกับเขาถ้าได้จ้องตากันก็มักจะไม่เกินหนึ่งนาที จากนั้นฉันก็มักจะประสบกับความพ่ายแพ้อยู่ตลอด

ฉันก้มหน้าลง “สีจิ่นยวนมาหาฉันเองต่างหาก”

“ผมสงสัยจริงๆเลยว่าพวกคุณคุยเรื่องอะไรกันถึงได้คุยกันได้ทั้งวัน?”

“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก”

“เซียวเซิง ที่ผมพูดเรื่องนี้กับคุณไม่ใช่เพราะผมแคร์คุณหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมไม่ชอบที่คุณเข้าใกล้น้องชายผม เขายังเป็นเด็กอยู่ คุณช่วยถอยห่างจากเขาด้วย!”

สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ฉันได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ฉันทนไม่ได้จึงตอบโต้กลับไป “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อนซะหน่อย ฉันรู้อยู่ว่าเขาเป็นน้องชายของคุณ”

“ถ้าคุณไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน แต่ในใจของคุณกลับมีชายหนุ่มอีกคนผู้ที่เคยคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก” เขาเลิกคิ้วขึ้น

เหตุใดเนื้อเรื่องที่คุยถึงหันเหไปหาหนีอีโจวได้ล่ะ?

ในความเป็นจริงหนีอีโจวไม่ได้โทรหาฉันในวันนี้ หลังจากที่เราเจอกันตั้งแต่เมื่อวาน เขาก็ไม่ได้มีปฎิกริยาโต้ตอบอะไรอีก

ฉันคิดว่าจะต้องเกี่ยวพันกับเรื่องเมื่อวานของสีชิงชวนเป็นแน่

ฉันรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ การดำรงอยู่ของสีชิงชวนสร้างความรู้สึกพ่ายแพ้แก่ฉันอย่างไม่จบไม่สิ้น

ฉันแสดงความจำนน “สีชิงชวน ฉันสัญญานับแต่บัดนี้ไม่ว่าน้องชายของคุณจะอยู่แห่งหนใด ฉันจะไม่เข้าใกล้เขาเกินระยะยี่สิบเมตรแน่นอน แบบนี้โอเครไหม?”

เขาหัวเราะเยาะ “ก็หวังว่าคุณจะทำมันได้”

ฉันนอนพิงหัวเตียง เมื่อครู่หัวเพิ่งถึงหมอน แต่เขากลับโอบเอวฉันจากทางด้านหลังเตรียมจะฉุดกระชากไป

ฉันก็เหมือนกับกุ้งแห้งที่ขดตัวไว้ เขาโอบกอดจากทางด้านหลัง

อันที่จริงท่านอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่พะวักพะวง ทว่าคนที่โอบกอดฉันคือสีชิงชวน ซึ่งชายผู้นี้น่าจะเป็นฝันร้ายของฉัน

เขาขโมยความบริสุทธิ์ครั้งแรกของฉันไป พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ช่วงชิงฉันอยู่ตลอด มิหนำซ้ำฉันยังปฎิเสธไม่ได้อีกต่างหาก

สีชิงชวนนอนห้องฉันเป็นเวลาชั่วค่อนคืน พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าของวันถัดมา ขณะที่ฉันตื่นนอน เขาก็ยังไม่ไปสักที ยืนอยู่ข้างเตียง เสมือนเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง

“ผูกเน็คไท” เขาเอ่ยขึ้นสั้นๆได้ใจความ

ฉันต้องลุกขึ้นมาผูกเน็คไทให้เขาด้วยทรงผมยุ่งเหยิงประหนึ่งเล้าไก่

ตอนที่ฉันช่วยผูกเน็คไทให้เขา เหมือนกับว่าสีชิงชวนกำลังจ้องฉัน สายตาของเขามันเร่าร้อนมาก จ้องจนฉันรู้สึกศีรษะร้อนผ่าว

“เซียวเซิง”

“คะ?” มือของฉันสั่นเครือจนเกือบจะไปฟาดเน็คไทใส่เขา “มีอะไรหรือเปล่า ผูกผิดเหรอ”

“คุณไม่คิดจะทำการตรวจดีเอนเอระหว่างคุณกับพ่อของคุณหรือไง?” จู่ๆเขาก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจนฉันเกิดความประหลาดใจ เขาเป็นห่วงฉันเหรอ?

แน่นอนว่าไม่ใช่

ฉันก้มหน้าพึมพำ “สิ่งนี้สำคัญด้วยหรือ”

“เป็นเพราะคุณไม่อยากเผชิญหน้ากับมันต่างหาก คุณกลัวว่าจะไม่ใช่ลูกสาวของท่านจริงๆ แล้วจะโดนขับไล่ออกจากบ้านตระกูลสีสินะ?”

“คุณจะหย่ากับฉันตอนนี้เลยก็ได้นะ” ฉันพูดจริงๆ

จู่ๆเขาก็บีบคางฉัน “ให้ผมฆ่าคุณตอนนี้เลยก็ได้นะ คุณเลือกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง”

“การฆ่าคนมันผิดกฎหมาย”

“บางที การที่ผมฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมายนะ” เขายิ้มอย่างลำพองใจ “ผมหลบหลีกกฎหมายได้”

“เอาเถอะ” พอพูดถึงเรื่องการตรวจดีเอนเอ ฉันก็รู้สึกเหี่ยวเฉาขึ้นมา

“เมื่อครู่ชิงชวนพูดจาเพ้อเจ้อ คุณอย่าไปสนใจเขาเลยนะ”

“ผมคงจะไม่สนไม่ได้หรอก เซียวเซิง พวกเราอาจไม่ได้เจอกันนาน ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ก็แหงละสิ จะให้เหมือนเมื่อก่อนได้ที่ไหนกันล่ะ ฉันแต่งงานกับสีชิงชวนแล้วนะ มิหนำซ้ำฉันยังนอนกกกับเขาอยู่หลายครั้งหลายครา

หมายความว่ายังไง?

ฉันเงียบกริบไปครึ่งค่อนวัน ก่อนจะตัดสายทิ้ง

ฉันหากล่องใบเล็กจากในลิ้นชัก ข้างในเต็มไปด้วยผมหงอกของคุณพ่อ จากนั้นฉันก็ถอนของตัวเองออกมาเส้นหนึ่ง เพื่อที่จะนำไปเปรียบเทียบกับของคุณพ่อ

ซึ่งฉันก็ถ่วงเวลามาโดยตลอด เฉียวอี้เร่งฉัน หนีอีโจวก็เร่งฉันเช่นกัน แม้กระทั้งสีชิงชวนก็ยังเร่งฉันเลย พวกเขาต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าวิธีการรับมือกับปัญหาของฉันคือการหดหัวอยู่ในกระดอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่เต่า กระดองของฉันจึงไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น

ฉันหาถุงพลาสติกใบเล็กถุงหนึ่งเพื่อที่จะมาใส่เส้นผมของฉันและของคุณพ่อ จากนั้นก็ขยำถุงกำไว้ในมือแล้วเดินออกจากห้องมา

ฉันเจอสีจิ่นยวนเข้าตรงระเบียงทางเดิน “เซียวเซิง รีบไปดูเจ้ามาร์ชเมลโล่ที่ห้องฉันเร็ว เมื่อเช้ามันกินอาหารไปเยอะมากและถ่ายออกมาเยอะมากเช่นกัน”

ฉันรีบชะงักฝีเท้าของตัวเองในระยะที่ห่างจากเขาอยู่พอสมควร “ฉันมีธุระที่ต้องออกไปสะสาง คุณก็ดูแลเจ้ามาร์ชเมลโล่ไปก่อน”

ฉันรับปากสีชิงชวนแล้ว ว่าจะไม่เข้าใกล้น้องชายเขาอีก สายตาที่เขาจ้องมองมาหาฉันประหนึ่งว่าฉันเป็นหญิงโสเภณี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหน้าไหน ฉันก็จะไปยั่วเสน่ห์พวกเขาทั้งหมด

พูดได้เลยว่า เขาไม่ค่อยเข้าใจตัวฉันมากนัก

ฉันขับรถออกจากลานบ้านตระกูลสีไป ระหว่างทางก็ได้โทรหาเฉียวอี้

“ฉันตัดสินใจจะไปตรวจดีเอนเอ ตอนนี้กำลังเดินทางไปอยู่

“เธอรอฉันนะ พ่อของฉันรู้จักผู้ดูแลของศูนย์ตรวจ ช่วยเร่งเวลาให้เธอได้ รอเพียงแค่สองชั่วโมงก็ทราบผลตรวจแล้ว

เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? เร็วจนบางทีฉันตั้งตัวไม่ทัน

“อ้อ” ฉันเอ่ยขึ้น “งั้นฉันรออยู่ที่ศูนย์ตรวจนะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)