ฉันกล้ารับรองได้ว่าในครอบครัวตระกูลสีนี้ จะต้องมีคนเป็นหูเป็นตาให้เขา มิฉะนั้นไม่ว่าฉันจะทำอะไร เขาจะรู้ไปหมดไม่ได้
เขารู้แม้กระทั่งว่าสีจิ่นยวนหมกอยู่ในห้องฉันทั้งวัน ดังนั้นที่เขาพูดขึ้นในคืนนี้มันคือการตักเตือน
ที่เขานอนกับฉัน เขากำลังจะบอกว่า เรือนร่างนี้เป็นตกของเขาอยู่ในตอนนี้ ตั้งแต่เรือนร่างไปจนถึงจิตวิญญาณก็ล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น
สีชิงชวนมักจะบดขยี้จิตใต้สำนึก จิตวิญญาณและความรู้สึกของการมีตัวตนอยู่เสมอ
ฉันกับเขาถ้าได้จ้องตากันก็มักจะไม่เกินหนึ่งนาที จากนั้นฉันก็มักจะประสบกับความพ่ายแพ้อยู่ตลอด
ฉันก้มหน้าลง “สีจิ่นยวนมาหาฉันเองต่างหาก”
“ผมสงสัยจริงๆเลยว่าพวกคุณคุยเรื่องอะไรกันถึงได้คุยกันได้ทั้งวัน?”
“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก”
“เซียวเซิง ที่ผมพูดเรื่องนี้กับคุณไม่ใช่เพราะผมแคร์คุณหรอกนะ แต่เป็นเพราะผมไม่ชอบที่คุณเข้าใกล้น้องชายผม เขายังเป็นเด็กอยู่ คุณช่วยถอยห่างจากเขาด้วย!”
สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ฉันได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ฉันทนไม่ได้จึงตอบโต้กลับไป “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อนซะหน่อย ฉันรู้อยู่ว่าเขาเป็นน้องชายของคุณ”
“ถ้าคุณไม่ใช่ผู้หญิงสำส่อน แต่ในใจของคุณกลับมีชายหนุ่มอีกคนผู้ที่เคยคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก” เขาเลิกคิ้วขึ้น
เหตุใดเนื้อเรื่องที่คุยถึงหันเหไปหาหนีอีโจวได้ล่ะ?
ในความเป็นจริงหนีอีโจวไม่ได้โทรหาฉันในวันนี้ หลังจากที่เราเจอกันตั้งแต่เมื่อวาน เขาก็ไม่ได้มีปฎิกริยาโต้ตอบอะไรอีก
ฉันคิดว่าจะต้องเกี่ยวพันกับเรื่องเมื่อวานของสีชิงชวนเป็นแน่
ฉันรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ การดำรงอยู่ของสีชิงชวนสร้างความรู้สึกพ่ายแพ้แก่ฉันอย่างไม่จบไม่สิ้น
ฉันแสดงความจำนน “สีชิงชวน ฉันสัญญานับแต่บัดนี้ไม่ว่าน้องชายของคุณจะอยู่แห่งหนใด ฉันจะไม่เข้าใกล้เขาเกินระยะยี่สิบเมตรแน่นอน แบบนี้โอเครไหม?”
เขาหัวเราะเยาะ “ก็หวังว่าคุณจะทำมันได้”
ฉันนอนพิงหัวเตียง เมื่อครู่หัวเพิ่งถึงหมอน แต่เขากลับโอบเอวฉันจากทางด้านหลังเตรียมจะฉุดกระชากไป
ฉันก็เหมือนกับกุ้งแห้งที่ขดตัวไว้ เขาโอบกอดจากทางด้านหลัง
อันที่จริงท่านอนนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่พะวักพะวง ทว่าคนที่โอบกอดฉันคือสีชิงชวน ซึ่งชายผู้นี้น่าจะเป็นฝันร้ายของฉัน
เขาขโมยความบริสุทธิ์ครั้งแรกของฉันไป พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นคนที่ช่วงชิงฉันอยู่ตลอด มิหนำซ้ำฉันยังปฎิเสธไม่ได้อีกต่างหาก
สีชิงชวนนอนห้องฉันเป็นเวลาชั่วค่อนคืน พอตื่นขึ้นมาตอนเช้าของวันถัดมา ขณะที่ฉันตื่นนอน เขาก็ยังไม่ไปสักที ยืนอยู่ข้างเตียง เสมือนเสาไฟฟ้าต้นหนึ่ง
“ผูกเน็คไท” เขาเอ่ยขึ้นสั้นๆได้ใจความ
ฉันต้องลุกขึ้นมาผูกเน็คไทให้เขาด้วยทรงผมยุ่งเหยิงประหนึ่งเล้าไก่
ตอนที่ฉันช่วยผูกเน็คไทให้เขา เหมือนกับว่าสีชิงชวนกำลังจ้องฉัน สายตาของเขามันเร่าร้อนมาก จ้องจนฉันรู้สึกศีรษะร้อนผ่าว
“เซียวเซิง”
“คะ?” มือของฉันสั่นเครือจนเกือบจะไปฟาดเน็คไทใส่เขา “มีอะไรหรือเปล่า ผูกผิดเหรอ”
“คุณไม่คิดจะทำการตรวจดีเอนเอระหว่างคุณกับพ่อของคุณหรือไง?” จู่ๆเขาก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาจนฉันเกิดความประหลาดใจ เขาเป็นห่วงฉันเหรอ?
แน่นอนว่าไม่ใช่
ฉันก้มหน้าพึมพำ “สิ่งนี้สำคัญด้วยหรือ”
“เป็นเพราะคุณไม่อยากเผชิญหน้ากับมันต่างหาก คุณกลัวว่าจะไม่ใช่ลูกสาวของท่านจริงๆ แล้วจะโดนขับไล่ออกจากบ้านตระกูลสีสินะ?”
“คุณจะหย่ากับฉันตอนนี้เลยก็ได้นะ” ฉันพูดจริงๆ
จู่ๆเขาก็บีบคางฉัน “ให้ผมฆ่าคุณตอนนี้เลยก็ได้นะ คุณเลือกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง”
“การฆ่าคนมันผิดกฎหมาย”
“บางที การที่ผมฆ่าคนก็ไม่ผิดกฎหมายนะ” เขายิ้มอย่างลำพองใจ “ผมหลบหลีกกฎหมายได้”
“เอาเถอะ” พอพูดถึงเรื่องการตรวจดีเอนเอ ฉันก็รู้สึกเหี่ยวเฉาขึ้นมา
“เมื่อครู่ชิงชวนพูดจาเพ้อเจ้อ คุณอย่าไปสนใจเขาเลยนะ”
“ผมคงจะไม่สนไม่ได้หรอก เซียวเซิง พวกเราอาจไม่ได้เจอกันนาน ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ก็แหงละสิ จะให้เหมือนเมื่อก่อนได้ที่ไหนกันล่ะ ฉันแต่งงานกับสีชิงชวนแล้วนะ มิหนำซ้ำฉันยังนอนกกกับเขาอยู่หลายครั้งหลายครา
หมายความว่ายังไง?
ฉันเงียบกริบไปครึ่งค่อนวัน ก่อนจะตัดสายทิ้ง
ฉันหากล่องใบเล็กจากในลิ้นชัก ข้างในเต็มไปด้วยผมหงอกของคุณพ่อ จากนั้นฉันก็ถอนของตัวเองออกมาเส้นหนึ่ง เพื่อที่จะนำไปเปรียบเทียบกับของคุณพ่อ
ซึ่งฉันก็ถ่วงเวลามาโดยตลอด เฉียวอี้เร่งฉัน หนีอีโจวก็เร่งฉันเช่นกัน แม้กระทั้งสีชิงชวนก็ยังเร่งฉันเลย พวกเขาต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าวิธีการรับมือกับปัญหาของฉันคือการหดหัวอยู่ในกระดอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ฉันไม่ใช่เต่า กระดองของฉันจึงไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น
ฉันหาถุงพลาสติกใบเล็กถุงหนึ่งเพื่อที่จะมาใส่เส้นผมของฉันและของคุณพ่อ จากนั้นก็ขยำถุงกำไว้ในมือแล้วเดินออกจากห้องมา
ฉันเจอสีจิ่นยวนเข้าตรงระเบียงทางเดิน “เซียวเซิง รีบไปดูเจ้ามาร์ชเมลโล่ที่ห้องฉันเร็ว เมื่อเช้ามันกินอาหารไปเยอะมากและถ่ายออกมาเยอะมากเช่นกัน”
ฉันรีบชะงักฝีเท้าของตัวเองในระยะที่ห่างจากเขาอยู่พอสมควร “ฉันมีธุระที่ต้องออกไปสะสาง คุณก็ดูแลเจ้ามาร์ชเมลโล่ไปก่อน”
ฉันรับปากสีชิงชวนแล้ว ว่าจะไม่เข้าใกล้น้องชายเขาอีก สายตาที่เขาจ้องมองมาหาฉันประหนึ่งว่าฉันเป็นหญิงโสเภณี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหน้าไหน ฉันก็จะไปยั่วเสน่ห์พวกเขาทั้งหมด
พูดได้เลยว่า เขาไม่ค่อยเข้าใจตัวฉันมากนัก
ฉันขับรถออกจากลานบ้านตระกูลสีไป ระหว่างทางก็ได้โทรหาเฉียวอี้
“ฉันตัดสินใจจะไปตรวจดีเอนเอ ตอนนี้กำลังเดินทางไปอยู่
“เธอรอฉันนะ พ่อของฉันรู้จักผู้ดูแลของศูนย์ตรวจ ช่วยเร่งเวลาให้เธอได้ รอเพียงแค่สองชั่วโมงก็ทราบผลตรวจแล้ว
เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? เร็วจนบางทีฉันตั้งตัวไม่ทัน
“อ้อ” ฉันเอ่ยขึ้น “งั้นฉันรออยู่ที่ศูนย์ตรวจนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...