สังคมสมัยนี้พัฒนาไปมาก เทคโนโลยีก็ก้าวหน้าล้ำสมัย ทำให้ร่นระยะเวลาการรอคอยไปได้เยอะเลยทีเดียว
เช่นเรื่องการตรวจดีเอนเอก็เช่นกัน ในสมัยก่อนต้องรอเป็นเวลาหลายวัน แต่ปัจจุบันนี้เพียงแค่สองชั่วโมงก็ทราบผลตรวจแล้ว
ฉันยื่นเส้นผมของตัวเองและของคุณพ่อให้กับทางคุณหมอ และเฉี้ยวอี้ก็นั่งรออยู่ด้านข้างเป็นเพื่อนฉัน
เธอปลอบใจฉันอยู่ตลอดเวลา “ไม่ว่าผลตรวจจะออกมายังไง อย่างน้อยคุณเองก็จะได้ชัดเจนเรื่องราวในอดีต?”
“เมื่อเช้าสีชิงชวนก็พูดเหมือนกันเป๊ะเลย”
“อ้อ?” เธอหันหน้ากลับมามอง “พวกคุณสนทนากันตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
เธอโฟกัสคำพูดของฉันผิดจุด
“ค่ะ เมื่อคืนเรานอนด้วยกัน” เธอไม่อ้อมค้อมกับเฉียวอี้แม้แต่นิดเดียว พูดอย่างตรงไปตรงมา
เธอลูบไปที่คางของเธอเพื่อจะสอดส่อง “มิน่าล่ะวันนี้ฉันถึงรู้สึกว่าผิวพรรณของเธอช่างดูเปล่งปลั่งยิ่งนัก”
“ไปให้พ้นเลยนะ” ฉันอารมณ์เสีย มือยันคางไว้มองไปข้างหน้า
“ตอนนี้คุณกับสีชิงชวนมีปัญหาอะไรรึเปล่า ทำไมถึงได้นอนกกจนติดเป็นนิสัย?”
“เมื่อไหร่ที่เขาโกรธก็มักจะนอนฉันอยู่ตลอด”
“แล้วทำไมเขาถึงโกรธล่ะ?”
“ก็เพราะเมื่อวานเขาใช้แชมพูสุนัขไปนะสิ”
“แล้วทำไมเขาถึงใช้มันไปได้ล่ะ?”
“ก็เพราะเมื่อวานฉันเก็บสุนัขตัวหนึ่งมาเลี้ยง”
“ห่ะ?” เฉียวอี้ให้ความสนใจ “จริงเหรอ เธอเลี้ยงสุนัขได้ยังไงกัน?”
“เก็บมาหน่ะ”
“เธอเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าบ้านตระกูลสีไม่อนุญาติให้เลี้ยงสัตว์?”
“ก็เพราะสีจิ่นยวนนะสิ”
“สีจิ่นยวนเป็นใครกัน?” เธอดึงแขนฉันพร้อมกับจ้องเขม่งมาที่ฉัน “จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าฉันเป็นส่วนเกินในชีวิตของคุณขึ้นมา ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
“เขาเป็นน้องของสีชิงชวน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ”
“จริงเหรอ สีชิงชวนยังมีน้องชายอีกคน ทว่าเธอมีความสัมพันธ์อะไรกับน้องชายของเขาล่ะ?”
“เป็นเพราะเขาออดอ้อนให้ฉันเลี้ยงสุนัข จากนั้นก็เลยเก็บมันมาเลี้ยง และตอนเย็นเมื่อสีชิงชวนกลับมาเขาก็ได้ไปอาบน้ำในห้องของฉัน มิหนำซ้ำยังใช้แชมพูสุนัขไปอีกต่างหาก”
“แล้วทำไมสีชิงชวนต้องไปอาบน้ำที่ห้องของเธอด้วยล่ะ?” เฉียวอี้มักจะจับประเด็นกับคำพูดที่ฉันได้เอ่ยไปทั้งหมด
ฉันขบคิดอยู่สักพักก่อนจะบอกเธอ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เฉี้ยวอี้ขบริมฝีปากล่างครุ่นคิดเป็นเวลานาน “เซียวเซิง ถ้าเธอคิดจะพัฒนาความสัมพันธ์กับสีชิงชวน มันจะแปลกประหลาดหรือเปล่า เธอคิดยังว่าเธอกับหนีอีโจวจะทำยังไงต่อ?”
“ฉัน” ฉันก็ขบริมฝีปากเช่นกัน “ฉันไม่อยากเจอหน้าเขาอีก ต่อไปไม่ว่าจะเรื่องอะไร เธอก็ช่วยฉันส่งต่อด้วยเช่นกัน”
“เพราะเหตุใด?”
“ปัจจุบันฉันกับสีชิงชวนไม่เพียงแต่จะไม่ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์ ยังจะให้เจอหน้ากับหนีอีโจวอีกเหรอ?” ความกลุ้มใจแสดงออกทางสีหน้าเธออย่างชัเจน
“เธอไม่รักเขาแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
เฉียวอี้นั่งยองๆตรงหน้าฉัน พร้อมกับยื่นหน้ามาวางไว้ตรงหัวเข่า “ถ้าเธอชอบหนีอีโจว ก็หย่ากับสีชิงชวนเถอะ!”
“ข้อตกลงของเรายังเหลืออีกครึ่งปีถึงจะหย่าร้างกันได้ ตอนนี้สีชิงชวนไม่มีวันปล่อยฉันไปแน่”
“งั้น” เฉียวอี้กลับกลอกลูกตาไปมา “ในเวลาครึ่งปีนี้เดี๋ยวฉันช่วยเธอสอดส่องหนีอีโจวเอง รับรองได้ว่าจะไม่ให้หญิงสาวคนไหนเข้าใกล้เขาเป็นอันขาด ดีไหมล่ะ?”
ฉันไม่ได้ตอบกลับ ทำได้เพียงถอนหายใจเฮือกหนึ่งแรงๆ
เวลาสองชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนจรวด คุณหมอเรียกชื่อฉันจากทางหน้าประตู “คุณเซียว เชิญคุณเข้ามาข้างในหน่อยครับ”
ฉันเข้าใจแล้ว ทันใดนั้นฉันทราบผลตรวจทันที
รายงานผลการตรวจในมือเฉี้ยวอี้หล่นไปตกอยู่บนพื้น ดันปรากฎหน้าสุดท้ายพอดี สายตาของฉันดีมาก ดันเห็นตัวหนังสือของบรรทัดสุดท้ายอย่างชัดเจนแจ๋วแหวว
ในนั้นระบุไว้ว่า ผู้ส่งตรวจซึ่งก็คือเซียวเซิงและผู้ถูกส่งตรวจคือเซียวหยวนดีเอนเอไม่สอดคล้องกัน 99.99% รับรองได้ว่าไม่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกันอย่างแน่นอน
ฉันไม่ใช่ลูกสาวของพ่อจริงๆด้วย
ถึงแม้ฉันจะมีคำตอบในใจไว้แล้ว ทว่าในใจเหมือนมีคนขว้างก้อนน้ำแข็งมหึมาใส่เข้าทรวงอกพอดี ทำให้ฉันเย็นสะท้านตั้งแต่ข้างในไปถึงข้างนอก
เรือนร่างในอ้อมอกของเฉียวอี้แข็งทื่อไปหมด เธอพยายามตบหลังฉันเพื่อปลอบใจ “เซียวเซิง เธอเชื่อเถอะว่าคุณอาจะต้องรู้อดีตความเป็นมาของเธอตั้งนานแล้ว แต่ท่านก็ยังคงรักและทะนุถนอมเธอเหมือนเคย มิหนำซ้ำยังทิ้งมรดกไว้ให้ตั้งมากมาย
ฉันเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความงุนงง “เธอคิดว่าคุณพ่อรู้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ?”
“แน่นอนสิ” เฉียวอี้เกาหนังศีรษะ “ฉันจำได้ว่าตั้งแต่ฉันยังแบเบาะได้ยินคุณแม่กับแม่เลี้ยงคุยกันเหมือนประมาณว่า เซิงเซิงคุณพ่อ สีคำนี้ แต่พ่อของเธอก็อยู่ด้วย ไม่เหมือนจะพูดถึงเขา
“เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“หลายปีก่อนแล้ว พอนึกขึ้นมาตอนนี้ก็รู้สึกน่าสงสัย”
ฉันกับเฉียวอี้จ้องตากันสักพัก จากนั้นก็สะดุ้งโหยงพร้อมกัน “แม่ฉันต้องรู้เรื่องแน่นอน! กลับบ้านไปหาแม่กัน!”
เฉียวอี้ดึงแขนฉัน ยังไม่ทันได้กล่าวขอบคุณคุณหมอก็ดันถูกดึงตัวออกจากห้องตรวจไปเสียแล้ว
แม่ของฉันมีความสัมพันธ์อันดีกับแม่ของเฉียวอี้ เพราะฉะนั้นแม่ของเธอจะต้องทราบเรื่องนี้เป็นแน่
เฉียวอี้ขับรถเร็วยังกับลูกธนู “แม่ฉันใจร้ายมากเลย เก็บความลับมาหลายปีไม่เคยปริปากพูดแม้แต่คำเดียว
จนกระทั่งถึงบ้านตระกูลเฉียว ประจวบเหมาะคุณแม่กำลังเตรียมจะออกไปดื่มชากับคุณย่าอยู่พอดี เฉียวอี้อ้าแขนขวางเธอไว้
แม่เฉียวเห็นฉันถึงกับดีอกดีใจ “หนูเซิงมา อาหลิวไปทำของว่างที่คุณหนูเซียวชอบกิน หนูเซียวเชิญนั้นตามสบายเลยนะ ฉันขอไปดื่มชาก่อน”
“แม่” เฉียวอี้ส่งซิกให้อาหลิวออกไป จากนั้นก็ได้ห้ามปรามพวกเธอไว้ “มีเรื่องจะถามหน่อย ถ้าไม่ตอบมาดีๆ วันนี้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“เด็กคนนี้หนิ เป็นอะไรไป?” แม่เฉียวขมวดคิ้วงุนงง “อย่าเกะกะขวางทาง อย่าเสียเวลาอวดรวยของฉัน แกดูสิ พ่อแกซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ให้ฉัน รุ่นจำนวนจำกัดเลยเชียววนะ” แม่เฉียวยกแขนขึ้นมาให้พวกเราดู “ด้านหลังทำด้วยอัญมณีทับทิม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...