พ่ายรักเมียในนาม(จบ) นิยาย บท 55

“แม่ ฉันถามหน่อย คุณรู้อดีตของเซียวเซิงมาแต่แรกแล้วใช่ไหม?”

แขนที่แม่เฉียวชูไว้ก็ค่อยๆปล่อยลง ฉันมองจากสีหน้าของเธอ เหมือนกับว่าเธอไม่ตื่นตระหนกกับคำถามของพวกเราแม้แต่น้อย

เธอท่าทีเอื่อยเฉื่อย “เซียวเซิงไปตรวจดีเอนเอแล้วเหรอ?”

“ค่ะ” ฉันพยักหน้า

“ผลการตรวจเป็นยังไง?”

“แม่ แม่ยังมาถามอีก? แม่รู้ตั้งนานแล้ว”

แม่เฉียวลากแขนฉันมา จากนั้นมองเฉียวอี้ปราดหนึ่ง “ดูจากสถานการณ์ ถ้าฉันไม่บอก แกคงไม่ให้ฉันออกจากบ้านใช่ไหม?”

“แม่ก็ทายดูสิ”

แม่เฉียวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง และได้นั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็ตบเบาะอีกด้านหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “นั่งลงสิ เจ้าหนี้หน้าเลือด!”

เฉียวอี้นั่งลงข้างกายแม่เฉียว ยกน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาซดจนหมดแก้วเพียงอึกเดียว

แม่เฉียวเพ่งมองฉันเป็นเวลานาน สายเขาของเธอโศกเศร้าอาดูรยิ่ง ในจิตใต้สำนึกของฉันรู้สึกว่าเธอจะต้องเล่าเรื่องสะเทือนโลกาให้พวกเราฟังอย่างแน่นอน

เธอชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวขึ้น “ใช่ ฉันรู้ เซียวหยวนไม่ใช่พ่อให้กำเนิดของเซียวเซิง เขาเป็นคนดี เขารู้เรื่องมาโดยตลอด ทว่ายังเห็นเซียวเซิงเป็นลูกแท้ๆ”

ฉันอุมแก้วชาไว้ในมือ นิ้วมือสั่นอยู่ตลอด

แม่เฉียวบีบมือฉัน “จริงๆแล้ว ฉันเคยเจอพ่อแท้ๆของเซียวเซิง”

“ห่ะ? หน้าตาเป็นยัวไง?” เฉียวอี้เอ่ยเสียงดังกังวาล จนทำให้ฉันตกใจ

“เงาด้านหลังเท่านั้น” แม่เฉียวพูดเสริมเข้าไป

“เห็นแค่เงาด้านหลังเองเหรอ?”

“ใช่ วันนั้นฉันไปดื่มชากับแม่ของเซียวเซิง ดันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านของพวกหนูพอดี เขาเดินขึ้นรถที่จอดไว้อยู่หน้าประตูอย่างฉับพลันทันใด ฉันไม่ทันเห็นโฉมหน้าของเขา เห็นแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว หลังจากที่ฉันเดินเข้าไป แม่ของหนูก็ร้องห่มร้องให้ บอกว่าเขาจะพาหนูไป”

ฉันปรายตามองแม่เฉียว กระอักติดอยู่ในลำคอ พูดจาไม่ออก

ในตอนนั้นหนูยังแบเบาะอยู่เลย เรื่องที่หนูไม่ใช่ลูกสาวของเซียวหยวน เธอไม่เคยปิดบังพวกเรา ต่อมาเซียวหยวนออกหน้าพูดคุยกับผู้ชายคนนั้นว่าอย่ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของพวกหนูสองแม่ลูกอีก ตั้งแต่บัดนั้นหนูก็กลายเป็นลูกสาวของเซียวเซิงไปโดยปริยาย”

ฉันยังคงงุนงงอยู่ในกลีบเมฆ “ทำไมหนูถึงไม่ใช่ลูกของพ่อหนูล่ะ แม่หนูเป็นรักแรกของพ่อมิใช่หรอ”

“พวกเขาเคยแยกกันสักพัก อันที่จริงแม่ของหนูเคยแต่งงานไปแล้วครั้งหนึ่ง ทว่าไม่นานก็หย่ากัน เพียงแค่หลังจากที่คลอดหนูออกมาถึงได้พบเจอกับพ่อของหนูอีกครั้ง ฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะแม่ของหนูป่วยเป็นโรคมานาน เธอรู้ว่าไม่ปัญญาเลี้ยงดูหนูได้ตลอด อีกอย่างเซียวหยวนบอกจะไม่เล่าอดีตให้หนูฟัง แม่หนูจึงยินยอม และเพราะว่าอนาคตจะพาหนูกลับไปอยู่ในครอบครัวตระกูลเซียว หากว่าไม่มีความสัมพันธ์กับเซียวหยวน แม่เลี้ยงใจร้ายคนนั้นก็จะรังแกข่มเหงหนูยิ่งแล้วใหญ่”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนอย่างที่ฉันคิดไว้เลย

ฉันเป็นลูกที่กำเนิดขึ้นจากงานแต่งหลังจากที่พ่อและแม่ได้แยกทางกันแล้ว

ไม่เหมือนกับเรื่องราวดราม่าที่ฉันคิดไว้ในตอนแรกที่แม่จะต้องทรยศหักหลังพ่อแน่เลย จู่ๆฉันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย

อันที่จริง ฉันไม่ได้กลัวว่าจะไม่ใช่ลูกพ่อหรอก แต่กลัวว่าแม่จะทำให้เขาเสียใจ

ที่แท้ ไม่ใช่โลกของทุกคนที่จะเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวดราม่า

แม่เฉียวร้องให้ มิหนำซ้ำยังใช้ทิชชู่หมดไปครึ่งกล่อง หน้าตาที่แต่งมาอย่างสวยก็เปรอะเปรื้อนไปหมด “ ก่อนที่แม่หนูจะเสียเธอกำชับไว้ว่า ถ้าไม่จนตรอกจริงๆอย่าบอกเรื่องนี้กับหนูเป็นอันขาด ให้หนูใช้ชีวิตข้างกายเซียวหยวนต่อไป เซียวหยวนจะต้องดูแลหนูเป็นอย่างดี ใครจะไปรู้ว่าเขาดันมาประสบหายนะเข้า”

“งั้น คุณรู้ว่าพ่อหนูเป็นใครไหมคะ?”

“แม่ของหนูไม่เคยพูดถึงเลย ฉันก็ไม่เคยถามเช่นกัน เรื่องในสมัยก่อนมีอะไรน่าถามล่ะ แม่หนูใช่ว่าจะเคยรักเขาที่ไหนกัน แม่ของหนูรักพ่อของหนูมาโดยตลอด พ่อของหนูก็มีแม่ของหนูในดวงใจเช่นกัน”

ฉันปาดน้ำตาออก และใช้ทิชชู่เช็ดใบหน้าของแม่เฉียวเช่นกัน “แม่บุญธรรม ทำให้คุณร้องให้ฟูมฟายเลย”

“ฉันไม่ไปแล้ว เธอไปกินเถอะ คุณเอาผลตรวจไปให้เขาดูก็ได้แล้ว”

“แน่ใจหรือว่าจะไม่ไป?”

ฉันส่ายหน้า “เธอส่งฉันกลับบ้านตระกูลสีก็พอ รถของฉันจอดไว้ที่ศูนย์ตรวจ”

“เอากุญแจรถมา ส่วนเธอก็ขับกลับไป เรื่องรถเดี๋ยวฉันไปเอาให้”

เฉียวอี้เปรียบเหมือนผู้ช่วนคนสนิทของฉันเลย ถ้าไม่มีเธอฉันคงแย่

ฉันกลับไปถึงบ้านตระกูลสี เพิ่งจะผลักประตูห้องออก ไม่รู้ว่าสีจิ่นยวนโผล่มาจากไหน เขาจับแขนฉันไว้ “เซียวเซิง เมื่อเช้าคุณไปไหนมา?”

เขาลากฉันไปยังห้องของเขา ฉันสะบัดมือเขาออกอย่างแรง “อย่ามาฉุดกระชากลากถูกแบบนี้”

เขาอุ้มเจ้ามาร์ชเมลโล่ในอ้อมแขน ไม่ได้เจอกันแค่ครึ่งค่อนวัน ฉันรู้สึกว่ามันอ้วนขึ้นนะเนี่ย

มันน่ารักจังเลย ดวงตาดำขลับคล้ายกับถั่วดำ

ฉันอุ้มมันมาจากในอ้อมแขนของสีจิ่นยวน ลูบไปที่หัวของมัน มันเห่าอย่างชอบใจ

“คุณไปไหนมาเมื่อเช้า?”

“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

“ทำไมคุณถึงเย็นชากับผมจัง?”

“คุณก็ไปถามพี่สามของคุณสิ เขาคิดว่าฉันเป็นสัตว์ป่าดุร้ายให้ฉันถอยห่างจากคุณ” ฉันยื่นเจ้ามาร์ชเมลโล่คืนกลับไปที่ในอ้อมแขนเขา “เมื่อคืนเกือบโป๊ะแตก ฉันว่าคุณปล่อยมันไปเสียเถอะ หรือไม่ก็มอบให้กับเพื่อนอีกคนของฉันดีไหม เพราะบ้านเธอเลี้ยงสัตว์ได้

ฉันมอบให้เฉียวอี้ได้ ซึ่งมันไม่เป็นสิ่งต้องห้ามในบ้านของเธอ ต่อให้ฉันมอบสีจิ่นยวนให้เธอ เธอก็คงไม่ปฏิเสธ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)