เซียวซื่อกรุ๊ปให้หัวหน้าธุรการมาต้อนรับพวกเราและพาพวกเราไปที่ห้องทำงาน เซียวซื่อกรุ๊ปมีทั้งหมด 23 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นบริษัทลูก ส่วนห้องทำงานของผู้มีตำแหน่งสูงจะอยู่ในชั้น 22 และชั้น 23
ห้องทำงานของฉันอยู่ชั้น 22 บอกตามตรงว่ามันไม่ค่อยรับแดดเท่าไร ห้องทำงานก็ทั้งเก่าทั้งเล็ก
เฉียวอี้ไม่พอใจมาก “นี่เป็นห้องทำงานของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของพวกคุณเหรอ? ไม่ได้ปรับปรุงมาจากห้องเก็บของใช่ไหมเนี่ย!”
“ผู้ช่วยเฉียว” หัวหน้าธุรการพูดอย่างสุภาพไร้ความเย่อหยิ่ง “ฝ่ายเลขานุการเป็นคนจัดห้องทำงานชั้นบน ถึงคุณเซียวจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่ยังไงก็ไม่มีตำแหน่ง แบ่งห้องทำงานนี้ให้ได้ก็ดีแล้วค่ะ”
“ทำที่นี่ไปก่อนเถอะ” หนีอีโจวมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “รบกวนคุณบอกผู้บริหารคนอื่นหน่อยนะครับว่าอีกสิบนาทีจะมีการประชุม”
หัวหน้าธุรการขมวดคิ้ว “ประชุมเหรอคะ?”
ฉันถามอย่างลุกลี้ลุกลน “ประชุมอะไรเหรอ?”
“วันนี้คุณเข้าทำงานวันแรก ก็ต้องทำความรู้จักกับผู้ถือหุ้นและผู้มีตำแหน่งสูงคนอื่นทั้งหมด มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ” ตอนหนีอีโจวจริงจังขึ้นมาแล้วดูน่าเกรงขามมากเลย เพราะรูปร่างเขาสูงใหญ่ เวลาเขามองหัวหน้าธุรการจึงเป็นการมองลงไปข้างล่าง “คุณยังมีปัญหาอะไรไหมครับ?”
ปกติหนีอีโจวจะอบอุ่นอ่อนโยน แต่ตอนนี้ดูมีออร่ามาก หัวหน้าธุรการชะงักไปนิดแล้วก็รีบไปแจ้งเรื่องการประชุม
เฉียวอี้ยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา “พี่เสี่ยวฉวนโคตรเท่ เซียวเซิง เธอเห็นยัง เธอต้องเรียนรู้ท่าทางแบบพี่เสี่ยวฉวนไว้นะ ต่อไปต้องเอาพวกเขาให้อยู่ อย่ามัวแต่ทำตัวนอบน้อม”
“จะเรียนบรรยากาศท่าทางแบบนั้นได้ที่ไหนกัน?” ฉันทอดถอนใจ “เดี๋ยวตอนประชุมฉันต้องพูดอะไร”
“อ่านตามนี้” เขาส่งเอกสารมาให้ฉัน “จำได้ก็จำ”
ฉันอ่านตัวอักษรที่อัดแน่นไปทั้งหน้ากระดาษ “คุณเตรียมมาพร้อมหมดแล้วเหรอ?”
“อืม เมื่อคืนเขียนไว้ให้คุณน่ะ ในพินัยกรรมของพ่อคุณบอกว่าคุณเป็นซีอีโอซึ่งมีอำนาจใหญ่มาก เซียวเซิง ภาระหน้าที่บนบ่าของคุณมันหนักมาก”
ไม่ใช่แค่หนักหนา แต่ฉันรู้สึกว่ามันกำลังจะทับฉันให้หน้าคว่ำเลยล่ะ
ฉันหันไปร่ำไห้กับเฉียวอี้ “ฉันอยากกลับบ้าน”
“เธอช่วยทำตัวให้มันได้เรื่องได้ราวหน่อยได้ไหม?”
“ฉันไม่อยากได้เรื่องได้ราว ฉันอยากได้พ่อฉัน”
ฉันไม่เคยทำงานมาตั้งแต่เรียนจบจนถึงตอนนี้ เฉียวอี้ก็เช่นกัน เหตุผลเพราะฉันเพิ่งเรียนจบก็แต่งงานกับสีชิงชวนเลย ถึงต่อไปฉันจะต้องทำงาน ฉันก็ไม่คิดว่าจะทำธุรกิจนี่นา ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง
เฉียวอี้นำบทความนั้นมายัดใส่มือฉัน “เธอแค่ท่องจำบทความ ไม่ได้เยอะแยะอะไรสักหน่อย ท่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก อีกเดี๋ยวเธอจำไปให้หมดทุกตัวอักษรเลยนะ”
ท่องจำน่ะฉันทำได้ แต่ท่องแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ
จากนั้นสิบนาทีต่อมาก็มีคนมาแจ้งให้พวกเราไปประชุมที่ห้องประชุมของบริษัท
เมื่อก่อนตอนยังเด็ก พ่อเคยพาฉันมาที่เซียวซื่อกรุ๊ป พอเจอคนอื่นเข้าก็จะบอกว่า ‘ลูกสาวผม’ จากนั้นทุกคนก็ล้วนชมกันว่าหน้าตาฉันทั้งสวยทั้งน่ารัก ตอนที่พ่อยังอยู่ ทุกคนก็บอกว่าฉันเป็นเทพธิดา แต่ตอนพ่อไม่อยู่ พวกเขากลับกลายเป็นปีศาจ
เซียวซื่อกรุ๊ปกว้างมากจนตอนเด็กๆ ฉันคิดว่ามันเหมือนเขาวงกต เราเดินเลี้ยวซ้ายทีขวาทีตามคนที่เดินนำทางเราไปถึงห้องประชุม เมื่อเข้ามาก็เจอกับแม่เลี้ยงของฉันซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งของประธาน
เธอดูมีอำนาจมาก เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงและมวยผมขึ้น ต่างหูห้อยสีเขียวมรกตบนหูของเธอกำลังกวัดแกว่งไปมา เธอไม่แม้แต่จะเหลือบตามองสักแวบตอนที่เราเข้าไปด้านใน
จากนั้นฉันเห็นว่าเซียวหลิงหลิงและเสวียเหวินซึ่งเป็นสามีของเธอก็อยู่เช่นกัน เสวียเหวินน่าจะเป็นแค่ผู้จัดการของบริษัทลูก ไม่มีสิทธิ์เข้าที่ประชุม
ฉันเดินไปยังตำแหน่งที่นั่งของฉันแล้วเอ่ยปากเรียกแม่เลี้ยงของฉัน “คุณน้า ฉันมาแล้วค่ะ”
เธอทำเพียงเลิกคิ้วและมองฉันอย่างเหยียดหยาม “เซียวเซิง ฉันจะซื้อหุ้นในมือของเธอโดยให้ราคาที่สูงกว่าราคาตลาด เธอเอาเงินก้อนนี้ไปก็จะสุขสบายไปทั้งชาติ”
การกล่าวรายงานต่อต้นสังกัดของฉันก็เลยพังไม่เป็นท่า ผู้บริหารตำแหน่งสูงและผู้ถือหุ้นทุกคนต่างพากันขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม วันนี้ฉันแนะนำตัวเองได้ไม่ค่อยดีและคิดว่าภาพความประทับใจแรกของตัวเองค่อนข้างแย่
ฉันรู้สึกกลุ้มใจมากเมื่อกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่นี่สูงมาก คนที่อยู่ข้างล่างกลายเป็นตัวเล็กลงขึ้นมาทันตา รวมถึงรถที่ขับผ่านไปมาก็เช่นกัน
เฉียวอี้ยัดน้ำเข้ามาในมือฉันหนึ่งแก้ว “เมื่อกี้เธอจำไม่ได้เหรอ?”
ฉันท่องมันออกมาอีกรอบให้เธอฟัง ทันทีที่เธอฟังจบก็พูดขึ้น “เธอแทบจะจำได้แม้กระทั่งสัญลักษณ์แล้วนะนั่น เว้นวรรคตรงไหนยังรู้เลย ทำไมเมื่อกี้ถึงท่องออกมาแบบนั้น?”
ฉันถอนหายใจเฮือก “อยู่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้น ฉันก็ตื่นเต้นไหมล่ะ!”
“เฮ้อ” เฉียวอี้ก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน “ช่างเถอะ ยังไงซะมันก็แค่ครั้งแรก”
“ผมว่ามันดีมากนะ” หนีอีโจวเดินมาทางนี้ “ความประทับใจแรกไม่ต้องดูทรงอำนาจมาก ต้องอ่อนแอก่อนแล้วค่อยเข้มแข็งถึงจะเป็นการเปิดที่ดี”
“ฉันกลัวว่าต่อไปจะเข้มแข็งขึ้นไม่ได้น่ะสิ” ฉันพูดอย่างห่อเหี่ยว “เมื่อกี้พวกผู้บริหารระดับสูงไม่สนใจฉันเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก” หนีอีกโจวตบบ่าฉัน “หนึ่งเดือนนี้ผมจะอยู่ที่นี่”
ฉันเงยหน้ามองพวกเขาแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถจริงๆ
ถ้าไม่มีเฉียวอี้กับหนีอีโจวอยู่กับฉัน ฉันคิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่การท่องคำรายงานต้นสังกัดต่อหน้าทุกคนเมื่อกี้ มันเหมือนกับนักเรียนท่องหนังสือให้ครูฟัง ดูไม่มีออร่าเลย
พ่อเลือกผิดหรือเปล่าที่ยกหน้าที่อันหนักหนาของบริษัทนี้มาให้ฉัน ฉันแค่กลัวว่าฉันจะเป็นเหมือนที่เซียวหลิงหลิงพูดว่าไม่ต้องรอถึงครึ่งปีฉันก็จะทำมันพังหมด
ฉันไม่อยากเอามันมาจ่ายเป็นค่าเทอม เพราะมันแพงเกินไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...