“เมื่อคืนเขาไปซื้อผ้าอนามัยให้ฉันแล้วถูกปาปารัสซีถ่ายไว้ได้ ถ้าเขากลับมาเห็นฉัน ฉันต้องถูกฆ่าตายแน่ๆ”
“เธอไม่ได้ให้คนไปถ่ายสักหน่อย”
“เขาเป็นคนหยุมหยิมจะตาย แถมยังอารมณ์ฉุนเฉียวอีก” ฉันนอนนิ่งอยู่บนโซฟานุ่มนิ่มอย่างขยับตัวไม่ได้
“แต่ว่าที่สีชิงชวนไปซื้อผ้าอนามัยให้เธอเนี่ย เหลือเชื่อมากเลยนะ”
“เหลือเชื่อมากแค่ไหนโอกาสตายฉันก็มากเท่านั้น!” ฉันบอกเธอ
จู่ๆ ฉันก็นึกฉากนั้นขึ้นมาได้ ตอนที่เมื่อคืนเขาคิดว่าฉันแท้งแล้วอุ้มฉันวิ่งลงจากบันไดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของเขาซีดเผือดลงทันตา ราวกับว่าเขากำลังกังวล
เขาเป็นคนที่มีท่าทางสุขุมเยือกเย็นอยู่เสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแค่ไหน แต่เรื่องเมื่อวานที่เขายังไม่ทันรู้เรื่องแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ
เฉียวอี้ผลักฉัน “คิดอะไรอยู่ เหม่อซะขนาดนี้?”
“อ่า” ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความใจลอย “ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลย หิวมากด้วย”
“ป้าแม่บ้านทำโจ๊กกระดูกหมูไว้น่ะ เดี๋ยวฉันให้เธอทำเครื่องเคียงให้อีกหน่อยนะ”
“งั้นฉันไปแปรงฟันนะ”
“โอเค ห้องเธอห้องแรกชั้นบนทางซ้ายนะ เก็บไว้ให้เธอตลอดแหละ”
บางครั้งฉันจะมาพักที่บ้านเฉียวอี้ แล้วก็พักในห้องนั้นตลอด
ฉันล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดนอน จากนั้นก็ลงมายังชั้นล่าง พี่เจินที่ทำงานอยู่ที่บ้านเฉียวอี้ยกโจ๊กกระดูกหมูและเครื่องเคียงสดใหม่ขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะ
พี่เจินเป็นชาวยูนนาน เธอดองเครื่องเคียงแปลกๆ ได้หลายอย่าง เช่น การใช้เกลือดองลูกพีชเหลือง แล้วโรยด้วยพริกป่น รสชาติหวานๆ เค็มๆ เสริมให้โจ๊กอร่อยมากยิ่งขึ้น
ฉันกินมันอย่างมีความสุข เฉียวอี้มักจะพูดว่าเวลาคนเรามีจิตใจหดหู่ส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งเป็นเพราะว่ากำลังหิว ลองได้กินข้าวอร่อยๆ สักหนึ่งมื้อก็สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่างแล้ว
ฉันกำลังจะเติมข้าวอีกสักจาน แต่โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมาก่อน เมื่อก้มหน้าลงมองมัน สีหน้าฉันก็เปลี่ยนไปทันที เป็นสีชิงชวนที่โทรเข้ามา อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดจนได้สินะ
ฉันมองเฉียวอี้แวบหนึ่ง “เธอช่วยฉันรับหน่อยสิ บอกไปว่าฉันไม่สบาย”
“ได้ เอามาให้ฉัน” เฉียวอี้รับโทรศัพท์ไปจากมือฉัน จากนั้นก็กดรับสาย
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังมากจนฉันได้ยินเสียงของสีชิงชวนลอดผ่านมาจากปลายสาย “เซียวเซิง”
ราวกับเสียงของยมบาลที่กำลังเรียกชื่อและกำลังดึงเอาวิญญาณของฉันไป
“สีชิงชวน” เฉียวอี้เรียกเขาเต็มยศทั้งชื่อและนามสกุล “เซียวเซิงไม่สบาย กำลังนอนอยู่”
“ถึงตาย คุณก็ต้องขุดเธอออกมาจากพื้นดินให้ได้” น้ำเสียงของเขาน่ากลัวมาก
“เธอไม่สบายจริงๆ คุณนี่ไม่เห็นใจกันเลย”
“บอกเธอว่าผมรู้ว่าเธออยู่ที่บ้านคุณ ถ้าเธอไม่มารับโทรศัพท์ ผมจะไปหาเธอเอง”
ฉันรีบดึงโทรศัพท์ในมือเฉียวอี้มาแนบกับหูตัวเองทันที “ฉันเอง”
“เซียวเซิง” เขาเรียกชื่อฉันด้วยน้ำเสียงน่าสยดสยอง
“อืม ฉันฟังอยู่”
“ผมมีปาร์ตี้เรือยอชต์ คุณไปร่วมงานกับผมหน่อย”
“อะไรนะ?” เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกคนถ่ายรูปไว้ได้ แต่กลับพูดถึงเรื่องปาร์ตี้เรือยอชต์ มันทำให้ฉันรู้สึกตะลึงมาก
“แต่งตัวสวยๆ หน่อย ถ้าไม่มีชุดเดี๋ยวผมให้คนเอาไปให้ สิบโมงไปรับนะ งานมีทั้งหมดสองวัน”
ฉันยังไม่ทันได้ตอบรับอะไรเขาก็วางสายไปแล้ว
ฉันมองเฉียวอี้อย่างงงๆ จากนั้นเธอก็ถามฉันขึ้น “ไอ้โหดนั่นพูดอะไรกับเธอเหรอ?”
“เขาบอกให้ฉันไปปาร์ตี้เรือยอชต์กับเขา ปาร์ตี้เรือยอชต์คืออะไรเหรอ?”
“ก็คือพวกลูกหลานมหาเศรษฐีที่ขับเรือยอชต์ไปเที่ยวในทะเลน่ะ อาจจะหานางแบบสาวสวยเซ็กซี่อีกเป็นโขยงไปด้วย มันก็คือปาร์ตี้ผลาญเงินดีๆ นี่แหละ พูดให้หรูๆ หน่อยก็คือปาร์ตี้เรือยอชต์”
“ต้องใส่ชุดว่ายน้ำไหม?”
“มันก็แล้วแต่เธอนะ แต่ยังไงก็ต้องใส่แบบที่มันบางเบา สบายๆ หน่อย”
“แต่ฉันมีอยู่ประจำเดือนนะ จะใส่แบบบางเบา สบายๆ ได้ไง”
“สีชิงชวนตั้งใจปะเนี่ย รู้ว่าเธอมีประจำเดือนแล้วยังจะพาไปทะเลอีก เดี๋ยวมาแล้วฉันจะด่าให้เขาสำนึกไม่ทันเลยคอยดู”
“แล้วสีชิงชวนล่ะ?”
“เขาเดินทางไปก่อนแล้วครับ”
งั้นก็ดี อย่างน้อยพวกเราก็ไม่ต้องนั่งรถคันเดียวกัน ไม่เจอกันสามชั่วโมงก็ยังดี
ก่อนเจอสีชิงชวน ฉันต้องลองถามป๋ออวี่ดูก่อน “วันนี้สีชิงชวนเขาอารมณ์ฉุนเฉียวมากเลยใช่ไหม?”
เขายิ้มให้ฉันเล็กน้อยพลางมองฉัน “ก็ไม่นะครับ”
“เขาไม่ได้ดูข่าวเหรอคะ?”
“มีข่าวอะไรเหรอครับ?” เขาถามฉันกลับ
ฉันเปิดโทรศัพท์ดูแต่ก็หาข่าวพวกนั้นไม่เจอเลยสักข่าว อ้อ น่าจะเป็นประชาสัมพันธ์ของบริษัทสีชิงชวนที่กำจัดข่าวพวกนี้ออกไป หวังว่าสีชิงชวนจะไม่เห็นมันนะ
ป๋ออวี่เป็นคนที่มีบรรยากาศรอบตัวอ่อนโยน อยู่กับเขาแล้วรู้สึกสบายกว่าสีชิงชวนเยอะเลย ทุกครั้งที่ฉันนั่งรถคันเดียวกับสีชิงชวนทีไรก็รู้สึกกดดันทุกทีจนแทบจะหายใจไม่ออก
ป๋ออวี่พูดน้อย ฉันจึงใช้โอกาสนี้ในการหลับ ตื่นมาอีกครั้งเราก็เดินทางมาถึงแล้ว
ป๋ออวี่ช่วยฉันยกกระเป๋าเดินทางลงมาจากรถแล้วพูดกับฉันอย่างอ่อนโยน “ในนี้มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ครีมกันแดด แล้วก็วิตามิน คุณอย่าลืมใช้มันด้วยนะครับ”
“ผู้ช่วยป๋อ คุณนี่รอบคอบดีจังเลยค่ะ”
“คุณสีเป็นคนสั่งให้ผมเตรียมของพวกนี้ไว้น่ะครับ”
ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่เชื่อคำของเขากันนะ? สีชิงชวนใส่ใจอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ?
“คุณไม่ไปกับพวกเราเหรอ?”
“เปล่าครับ ผมมีธุระส่วนตัวน่ะ ลากับคุณสีไว้แล้ว”
ฉันเหมือนจะสนิทกับป๋ออวี่มากขึ้นแล้วจึงถามไปโดยอัตโนมัติ “ธุระส่วนตัวอะไรเหรอคะ?”
ฉันก็ถามไปงั้นๆ เขาจะไม่ตอบก็ได้ แต่เขากลับตอบออกมา
“นัดบอดครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...