“ห๊ะ?” เขาชำเลืองมองฉันอย่างประหลาดใจ
เรื่องที่ทำให้สีชิงชวนตกตะลึงได้นั้นมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ฉันพยักหน้า “เก่งไหมล่ะ ฉะนั้นคุณควรจะประจบประแจงเฉียวอี้ให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
“ถ้าฉินกวนไม่ทำธุรกิจกับผม คนที่เสียเปรียบจะต้องเป็นเขา”
“คุณอย่าคิดจะเอาเรื่องของฉินกวนไปบอกเฉียวอี้เชียวนะ”
“คุณก็ขอร้องผมสิ” ดวงตาของเขาส่องแสงประกายแวววับ
“ฉันขอร้องคุณล่ะนะ”
เขามีท่าทีเมินเฉย “คุณมันซื่อบื้อชะมัด สั่งให้คุณขอร้องก็ดันขอร้องขึ้นมาจริงๆซะงั้น”
“คุณให้ฉันขอร้องไม่ใช่หรือ ผู้ชายอย่างพวกคุณชอบหญิงสาวที่ว่านอนสอนง่ายไม่ใช่หรือยังไง?”
“คุณไม่ได้ว่านอนสอนง่ายหรอก แต่ป็นเพราะไม่มีจุดยืนเป็นของตัวเองต่างหาก”
เอาเถอะ ฉันไม่มีจุดยืนจบไหม
ฉันพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า “อันที่จริงฉันมีจุดยืนนะ แต่จุดยืนของฉันก็คือการที่ไม่มีจุดยืนนั้นเอง”
พอเอ่ยจบก็รู้สึกว่ามันน่าขำยิ่งนัก ฉันอ้าปากค้างหัวเราะฮาฮาเสียงดังอยู่คนเดียว
“ผมมีลางสังหรณ์ว่าคุณจะต้องถูกแม่เลี้ยงปอกลอกเข้าสักวันไม่ช้าก็เร็ว”
พอเอ่ยถึงสิ่งนั้นฉันก็หมดไร้เรี่ยวแรงขึ้นมา สีชิงชวนตบบ่าของฉัน “พ่อคุณเขียนไว้ในพินัยกรรมแล้วไม่ใช่หรือว่าจะให้ผมสอนคุณน่ะ?”
“ยังไงล่ะ?”
“ผมซื้อหุ้นส่วนห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของคุณด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดเท่าตัว โอเครไหมล่ะ?”
ถ้าไม่ใช่เพราะฉันง่วงมากนะ ฉันจะฆ่าเขาให้ตายไปเลย จนป่านนี้แล้วยังคิดจะทำธุรกิจกับฉันอีก
“ให้ตายยังไงฉันก็ไม่มีวันขายหุ้นบริษัทของพ่อเป็นอันขาด คุณทำใจเสียเถิด”
ฉันเงยหน้าลงฟุบกับเตียง จากนั้นก็ดึงผ้าห่มมาห่ม
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันนอนบนเรือ พอนึกได้ว่าข้างใต้ไม่ใช่ภาคพื้นดินแต่กลับเป็นภาคพื้นสมุทร ก็เกิดความรู้สึกพิเศษขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานฉันก็เผลอหลับไป และตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึก พบว่าสีชิงชวนไม่ได้นอนอยู่ข้างกาย ฉันเห็นเขาอยู่บนดาดฟ้าของเรือ เขาสวมชุดนอนตัวสีฟ้ายืนอยู่ท่ามกลางสายลมพัดโชยของลมทะเล บนศีรษะมีหลอดไฟส่องสว่างอยู่ดวงหนึ่ง ทำให้เขาดูมีออร่าขึ้นมาทันตา
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาจะมีเรื่องกลุ้มใจอยู่ เขากลุ้มใจเรื่องอะไรกัน เรื่องในบริษัทเหรอ? หรือเรื่องความรักล่ะ?
ลูกที่ถูกประคบประหงมอย่างเขาอยากได้อะไรก็ได้หมด หากว่าเขาอยากได้เซียวซือ ขอแค่เขาเอ่ยปากพูดออกไป เซียวซือจะต้องกระโจนเข้าใส่เขาอย่างแน่นอน
ส่วนป๋ออวี่ก็น่าจะยอมอยู่ข้างกายเขา ทว่าหากเขาต้องการทั้งคู่ เซียวซือคงไม่ยอม
เป็นมนุษย์ทางที่ดีก็อย่าละโมบให้มันมากนัก
ฉันไม่ละโมบเลยสักนิด ขอเพียงแค่คืนพ่อแม่ฉันกลับมา ฉันก็พร้อมแลกมันด้วยทุกสิ่ง ขอแค่พวกเขากลับคืนมาฉันก็พอใจแล้ว
เออ ใช่ ยังมีเฉียวอี้และหนีอีโจวอีก
ในตอนเช้าฉันตื่นนอนเพราะแสงอาทิตย์แยงตา เนื่องจากไม่ได้ปิดผ้าม่าน แสงอาทิตย์จากทางด้านนอกสาดส่องไปกระทบกับผิวน้ำทะเลจนเกิดเป็นแสงสว่างสะท้อนเข้ามา จนฉันแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
ขณะเดียวกันสีชิงชวนก็ไม่ได้อยู่ในห้อง มีแค่ฉันเพียงลำพัง
หลังจากที่ฉันบ้วนปากล้างหน้าเสร็จสรรพก็ได้เดินออกมาจากห้องเพื่อหาของกิน เห็นสีชิงชวนก็กำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่กับฉินกวน
ฉินกวนโบกมือเรียกฉัน “เซียวเซิง”
ฉันเดินเข้าไปหา เขาสวมเสื้อเชิ้ตหลวมๆสบายๆลายทางสีฟ้าสลับขาวเทา ซึ่งเขามีรูปร่างทั้งผอมทั้งสูง พอได้ใส่เสื้อตัวนี้แล้วทำให้ดูดีมีสง่าราศรีขึ้นทันตา ถ้าเป็นคนอื่นใส่อาจจะแลดูเหมือนเสื้อของคนไข้ในโรงพยาบาลศรีธัญญาก็เป็นได้
“คุณฉิน” ฉันทักทายเขาอย่างมีมารยาท
“คุณเรียกผมว่าฉินกวนก็ได้ครับ”
“ใครบอกว่ามีแค่ก้อนหินเท่านั้นล่ะ?” เขาชำเลืองมองฉันด้วยหางตาแวบหนึ่ง
“คุณไปเปลี่ยนรองเท้า เดี๋ยวพวกเรารอตรงนี้” ฉินกวนเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ดูเหมือนว่าไม่ไปก็คงไม่ได้แล้ว ฉันทำได้แค่วิ่งกลับไปเปลี่ยนกางเกงและรองเท้าใหม่ที่ห้อง ยังโชคดีที่ฉันใส่รองเท้าส้นแบนมา
หลังจากที่ลงเรือย่างก้าวลงบนพื้นดินของเกาะ ฉันพบว่าที่นี่มันช่างแตกต่างจากที่ฉันคิดไว้ เมื่อก่อนที่ฉันดูรายการวาไรตี้จำพวกที่เกี่ยวกับการเอาชีวิตรอดจากเกาะร้าง จะมีดารากลุ่มหนึ่งมาใช้ชีวิตบนเกาะ โดยที่ตัวเองจะต้องกางเต้นท์จับกุ้งหอยปูปลากิน ซึ่งดูท่าน่าสนุกซะทีเดียว
แต่ทว่าเกาะแห่งนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น ที่นี่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเกาะ เพียงแค่ไม่ได้อาศัยอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ก็ยังคงรกร้างอยู่เป็นจำนวนมาก
แสงอาทิตย์บนเกาะจ้าจนแสบลูกตา ฉันเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมา ไม่รู้ว่าฉินกวนเอาร่มมาจากไหนกางอยู่เหนือศีรษะของฉัน
ฉินกวนเป็นคนเอาใจใส่เก่ง ฉันคิดว่าในขณะที่เขาอาศัยอยู่กับแม่ จะต้องเอาใจใส่ดูแลเธอเป็นพิเศษ เขาจะต้องดูแลแม่ฉันเป็นอย่างดี
ซึ่งฉันไม่รู้ว่าเขากับแม่มีอดีตเรื่องราวเป็นมายังไง แต่ผู้ชายอย่างฉินกวนยังไงก็เทียบพ่อฉันได้อยู่ ทว่าคนรักกันก็ไม่มีอะไรจะต้องเปรียบเทียบกัน ตกหลุมรักใครชอบใครก็เป็นสิทธิ์ของคนนั้น
มีช่างเทคนิคติดตามอยู่ทางด้านหลัง และมักจะถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา มิหนำซ้ำยังกระซิบข้างหูของสีชิงชวน ชี้ไม้ชี้มือทำท่าทำทาง
“พวกเราจะสร้างสวนสนุกและรีสอร์ทอยู่ที่นี่” สีชิงชวนเอ่ยกับฉันอย่างฉับพลันทันใด
นอกจากที่ฉันมองเขาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “อ้อ” ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอะไรอีกดีแล้ว
“ท่านประธานเซียว” จู่ๆเขาก็ยิ้มแก้มปริ “คุณอย่าลืมสถานะของตัวเองสิ คุณเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่คนหนึ่งเชียวนะ สวนสนุกนี้แห่งนี้ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือไม่ก็ตาม คุณก็มีหุ้นส่วนอยู่ในนั้นแล้ว?”
“เอ่อ” ฉันอ้าปากค้าง เรื่องธุรกิจฉันมีความรู้เท่าหางอึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจเลย หาจะมีไม่
“นักธุรกิจที่ดีจะไม่มีวันปล่อยให้โอกาสในการลงทุนหลุดมือไปอย่างแน่นอน อีกอย่างหุ้นส่วนที่ยอดเยี่ยมอย่างพวกเราจะไปหาได้จากที่ไหน
“งั้น ต้องการจำนวนเงินเท่าไหร่ล่ะ?”
“ให้คุณเป็นหุ้นส่วนยี่สิบเปอร์เซ็นต์” เขาควักโทรศัพท์ขึ้นมากดตัวเลขพร้อมกับยื่นมาให้ฉันดูตรงหน้า “โห้ เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...