ฉันอ้าปากหวอพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่ตัวเลขทีละตัวๆเพื่อนับมัน “สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน ทำไมมีศูนย์เยอะแยะขนาดนี้?”
หลังจากที่นับเสร็จก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ “เงินมากมายมหาศาลขนาดนี้เลยเชียวหรือ?”
“คุณมีอยู่แล้ว” เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง “อย่ามองแค่เงินที่จะนำไปลงทุนในปัจจุบันอย่างเดียวสิ แต่ให้มองถึงผลกำไรที่จะได้รับในอนาคตด้วย”
“เอิ่ม ฉัน” ฉันส่งเสียงฮึดฮัด “ฉันต้องกลับไปครุ่นคิดก่อน”
“เมื่อวานผมเพิ่งพูดอะไรไปนะ?” เขาเลิกคิ้วขึ้น “ที่ผมบอกว่าคุณจะโดนแม่เลี้ยงปอกลอก ตอนนี้ผมคืนคำและกัน”
ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปเป็นคำชม
เขาพูดต่ออย่างไม่ผิดเพี้ยน “ไม่เกินสี่เดือน คุณคงจะสิ้นเนื้อประดาตัว”
เขาย่างฝีเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างฉับไว ส่วนฉันวิ่งตามตูดต้อยๆอยู่ข้างหลังมาตลอดทาง “การลงทุนที่ใช้เงินจำนวนมาศาลเช่นนี้ คุณต้องให้ฉันครุ่นคิดก่อน”
“พาคุณเที่ยวก็ถือเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว เห็นว่าคุณเป็นภรรยาผมหรอกนะ”
“งั้นฉันจำเป็นต้องทำงานวิจัยสำรวจก่อนแล้ว ตัวอย่างเช่นเกาะกลางทะเลแห่งนี้อยู่ห่างไกลจากพื้นแผ่นดิน ถ้าจะต้องสร้างสวนสนุกและรีสอร์ท ผู้คนจะมาเที่ยวเกาะยังไง จำเป็นต้องคำนึงถึงยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางใช่ไหม? ในเมื่อคิดจะสร้างอยู่บนเกาะ งั้นทำเลที่ตั้งถือเป็นจุดหลัก กลุ่มลูกค้าที่เจาะจะต้องเป็นวงจำกัดแคบๆเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะขบคิดให้ละเอียดถีถ้วน”
จู่ๆเขาก็หยุดชะงักฝีก้าวทันที จนฉันเกือบจะชนเขา
เขาก้มหน้ามองฉัน “นับว่าคุณยังมีสมองอันน้อยนิดอยู่บ้าง สิ่งเหล่านี้ไม่ต้องคิดให้มากนักเพราะมันไม่จำเป็นเท่าไหร่” เขายื่นนิ้วมาดีดหน้าผากของฉัน
ฉันสังเกตุเห็นหน้าผากของเขา เมื่อวานชนเข้ากับประตูอย่างจัง จนบวมเป่งเป็นลูกซาลาเปากลมโต แต่ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้เร็วมาก จนตอนนี้ไม่มีร่องรอยอันใดหลงเหลืออยู่แล้ว
ฉันขอบคุณในคำชมของเขา ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ชมอะไรอีก
“สิ่งที่คุณกำลังกังวลอยู่นั้นเป็นเรื่องขี้ปะติ๋ว คุณคิดว่าพวกเราไม่ได้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้หรือยังไงกัน?”
“แผนธุรกิจล่ะ ขอฉันดูหน่อย”
“ตอนนี้ยังไม่มี ต้องกลับไปที่ออฟฟิศก่อน”
“งั้นคุณจะมาให้ฉันตัดสินใจอะไรตอนนี้ ฉันต้องดูแผนธุรกิจถึงจะตัดสินใจได้”
เอาตามตรง ที่สีชิงชวนเอ่ยอยากจะร่วมลงทุนกับฉันมันน่าสนใจมากนะ ในเมื่อสีชิงชวนและฉินกวนต่างก็เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ร่วมมือกับพวกเขาคงจะไม่ขาดทุนแน่
ก็เหมือนกับที่เขากล่าวไป คนที่อยากร่วมลงทุนกับเขามีเยอะแยะถมไป ฉะนั้นโอกาศทองเช่นนี้ฉันต้องคว้ามันเอาไว้
ฉินกวนเอ่ยกับฉันอย่างนุ่มนวล “ไม่รีบร้อน คุณก็ค่อยๆคิดไป หลังจากกลับก็ไปดูแผนธุรกิจซะ เดี๋ยวพวกเรารอคุณตัดสินได้แล้วค่อยเซ็นสัญญา
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินเตร็ดเตร่ไปบนเกาะได้เพียงครึ่งรอบก็รู้สึกอิดโรยแล้ว ถือว่าเกาะนี้ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว บวกกับมีทัศนียภาพที่งดงามยวดยิ่ง ข้างหลังเป็นหาดทรายเหลืองทองขนาดใหญ่ มิหนำซ้ำเม็ดทรายยังนิ่มนวลอีกต่างหาก แม้กระทั่งก้อนกรวดยังแทบจะหาไม่เลย
“ระบบนิเวศของที่นี่ถูกรักษาดูแลไว้เป็นอย่างดี ผู้คนบนเกาะต่างก็มีจิตสำนึกกันทั้งนั้น” ฉินกวนกล่าวอธิบายให้ฉันฟังอย่างอดทนอดกลั้น “ถึงแม้เกาะจะแลดูใหญ่ ทว่าจะสร้างสวนสนุกให้ใหญ่พอๆกับในเมืองก็ต้องใช้งบไม่ต่างกันมากนัก แต่ที่นั่นกลับมีสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยแก่การสร้างรีสอร์ท ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถมาดื่มด่ำกับบรรยากาศค่ำคืนแห่งการพักผ่อนนั่งเรือสำราญได้อีกด้วย”
ฉันก็รู้ว่ามันโอเครมากเลย ยิ่งชมก็ยิ่งรู้สึกดี
“ใครเป็นคนเสนอให้ซื้อเกาะแห่งนี้?”
“ทานข้าวกับสีชิงชวนเมื่อครั้งก่อนเขาเป็นคนเสนอความคิดนี้ขึ้นมา”
คนอย่างสีชิงชวนสมองใช้การดีมาก สามมารถเชื่อมโยงถึงเรื่องธุรกิจได้ตลอดเวลา หากว่าฉันเก่งได้สักครึ่งของเขาให้บริหารบริษัทเซียวกรุ๊ป จำกัดก็คงจะไม่มีปัญหา ทว่าเขาเป็นคนโอหังและตระหนี่ และมักจะโหยหาสิทธิผู้ถือหุ้นของฉันอยู่เสมอ คงจะไม่สอนฉันง่ายๆหรอก
นกนางนวลมักจะส่งเสียงร้องระงมเป็นครั้งคราว เสียงของพวกมันจะถูกกลบเกลื่อนไปกับเสียงคลื่นซัดเป็นละลอกๆ ซึ่งมันกลมกลืนกันอย่างเหลือเชื่อ
ฉันรู้สึกสบายจนเกือบเผลอหลับไป ทันใดนั้นเฉียวอี้ก็ได้วีดิโอคอลมา
“เธอทำอะไรอยู่?” ใบหน้าของเธอแนบชิดกับโทรศัพท์
ฉันให้เธอดูวิวทิวทัศน์ที่สวยงามพร้อมกับทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล เธอจึงร้องตะโกนขึ้น “ว้าว สวยงามตระการตา รู้อย่างนี้ฉันตามไปดีกว่า”
ฉันหันมุมกล้องไปด้านข้างเพื่อให้เธอเห็นบริเวณโดยรอบ จู่ๆเธอก็ตะโกนขึ้น “คนนั้น คนนั้น นั้นๆ ไม่ใช่ฉินกวนหรือ?”
ฉันมองไปข้างหน้า ฉินกวนกำลังเดินตรงเข้ามา ในมือถือของอะไรไม่รู้มาด้วย
ไม่นึกว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ เสียงของเฉียวอี้ดังสนั่นหวั่นไหว “ฉินกวนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เขาเป็นคนที่อาศัยอยู่ที่เกาะเหรอ? คุณเห็นแล้วยัง เซียวเซิง?”
“เอิ่ม” เสียงของฉันขาดความมั่นใจ “เห็นแล้ว”
ฉินกวนเดินมาตรงหน้า จากนั้นก็ยื่นของอย่างหนึ่งให้ “เซียวเซิง มีกล้วยป่าสีแดงเกิดอยู่ทางโน้น มันมีรสชาติที่ต่างไปจากกล้วยสีเหลือง คุณลองชิมดูสิ”
เฉียวอี้ที่อยู่ในสายชะงักไปสองวินาที “พวกเธอขึ้นเกาะไปพร้อมกันหรือ? เซียวเซิง ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าเจอฉินกวนแล้ว?”
แย่แล้ว หนังหัวฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
ก็เพราะฉันเล่าให้เธอฟังไม่ได้นะสิ เกรงว่าถ้าเล่าไปอย่างละเอียดถีถ้วน เรื่องที่เขามีโอกาสเป็นพ่อของฉันจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเธอเอาได้ ต่อให้ฉินกวนจะเป็นพ่อแท้ๆของฉัน หากว่าเธอรักกับฉินกวนฉันก็ไม่ถือสา
เมื่อฉินกวนเห็นเฉียวอี้ในวีดีโอคอล เขาก็ยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือให้ “สวัสดี เฉียวอี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักเมียในนาม(จบ)
สนุกมากเป็นอะไรที่ลุ้นตามตลอดถึงนางเอกจะดูโง่ๆแต่ก็สนุกมากครับชอบแนวนี้มากก...
จบซะแล้วลงตอนไม่ครบค่ะ ขาดตอนที่ 501,506...
เย้ อัพต่อแล้ว 👍👍👍...
แอด...ยังรออัพเดทนะคะ😁😁...
รอมาอัพต่อค่ะ...
กี่ตอนจบค่ะ...
Please up Chapter495...
สนุกมากๆ ค่ะ ติดตามอยู่นะคะ...
นางเอกไม่ได้โง่แต่จิตใจดีเกินไปและพระเอกอยากสอนนางเอกแต่สอนผิดวิธี ในเรื่องทุกคนมีปมหมด นักเขียนค่อยๆขยายแต่ละคน เราว่าสนุก อัพต่อค่ะplease...
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เพราะนางเอกโคตรโง่เลย อ่านแล้วลุ้นแต่ก็ลุ้นไม่ขึ้น มันรู้สึกสงสารนางเอก แต่เป็นสมน้ำหน้า พระเอกก็ใจดำเอาแต่ใจตัวเอง ทำตัวแย่ ทำให้รำคาญ อ่านแล้วไม่ลุ้นให้ได้จบลงด้วยกันอย่างมีความสุข แต่ให้รับผลจากความโง่และการกระทำของตัวเอง...