ในตอนบ่ายลู่หานถิงได้รับข้อความจากลี่เหยียนหลานว่า “พี่หานถิงคะ วันนี้พี่ยุ่งไหมคะ พี่มารับฉันตอนเลิกเรียนได้ไหมคะ?”
ลู่หานถิงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงาน หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งและส่งข้อความกลับไปว่า “ได้”
จากนั้นลู่หานถิงจึงหยิบกุญแจรถและขับตรงไปยังมหาวิทยาลัย T
...
รถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมจอดอยู่ข้างถนน ลู่หานถิงไม่ได้ลงจากรถ เขาค่อย ๆ เลื่อนกระจกรถลงมา ดวงตาอันเฉี่ยวคมของเขากวาดตามองผ่านกระจกมองหลังไปยังด้านหลังของมหาวิทยาลัย A อย่างใจลอย
ตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน บรรดานักศึกษามหาวิทยาลัย A ต่างก็ทยอยกันออกมาแล้ว
ลู่หานถิงเห็นฟ่านเถียน แต่ข้างกายฟ่านเถียนกลับไม่มีเซี่ยซีหว่าน
ฟ่านเถียนและเด็กผู้หญิงสองสามคนเดินและพูดคุยกันตลอดทาง
“เถียนเถียน ทำไมวันนี้ไม่เห็นหว่านหว่านเลยล่ะ?”
“หว่านหว่านป่วย เธอลาป่วยน่ะ”
“อะไรกัน หว่านหว่านป่วยเหรอ?”
“ใช่ หว่านหว่านไข้สูงตั้ง 42 องศาเลยล่ะ ได้ยินว่าตอนนี้เธอยังนอนหมดสติอยู่เลย ฉันกำลังจะไปเยี่ยมเซี่ยซีหว่านที่บ้านตระกูลเซี่ย พวกเธอจะไปด้วยกันไหม?”
“แน่นอนเราต้องไปด้วยอยู่แล้ว ! ทำไมหว่านหว่านถึงป่วยในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้นะ ทางสถาบันวิทยาศาสตร์จะมาคัดเลือกผู้มีความสามารถในอีก 2 วันแล้ว หว่านหว่านอยากจะเข้าสถาบันวิทยาศาสตร์มาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ เธอพยายามมาตั้งนาน คาดไม่ถึงว่าหว่านหว่านจะมาล้มป่วยอย่างกะทันหันแบบนี้”
“พวกเธอว่าหว่านหว่านยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เอมพีเรียลบาร์เมื่อคืนนี้อยู่หรือเปล่า เมื่อวานนี้คุณชายลู่กับคุณชายสวี่ทะเลาะกัน ตอนนี้ฉันยังตกใจอยู่เลย ในตอนนั้นคุณชายลู่หานถิงยังผลักเซี่ยซีหว่านจนเธอล้มลงกับพื้นอย่างแรงด้วย !”
สาว ๆ กลุ่มหนึ่งเดินออกมา มือใหญ่ของลู่หานถิงกำพวงมาลัยรถแน่น เธอป่วยจนไข้สูง 42 องศาเลยเหรอ?
เมื่อคืนนี้ที่เอมพีเรียลบาร์ เขาพลั้งมือผลักเธอจนล้มลงอย่างแรง ในตอนนั้นเขากำลังรู้สึกโกรธมากจนควบคุมตัวเองไม่ได้
ทันใดนั้นประตูรถของเขาก็เปิดออก ลี่เหยียนหลานเข้ามานั่ง และพูดว่า “พี่หานถิง พี่รอนานไหมคะ?”
“ไม่นานหรอก ฉันจะส่งเธอกลับบ้านนะ”
“พี่หานถิงคะ เราไปทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนไหมคะ?”
“เดี๋ยวผมมีประชุมต่อ วันนี้ผมไม่เวลาว่างน่ะ”
ลี่เหยียนหลานมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายของเธอ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเผยความเย็นชาและเคร่งขรึมออกมาอย่างเห็นได้ชัด เขาดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งแสดงให้เห็นว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
“พี่หานถิงคะ เมื่อวานพี่พูดเรื่องหมั้นหมายกับฉัน พี่พูดจริงหรือเปล่าคะ พี่ไม่ได้ล้อเล่นกับฉันใช่ไหมคะ?”
ลู่หานถิงเม้มริมฝีปากบาง และตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอันน่าดึงดูดว่า “ตอนนี้ทั่วทั้งมหานครอิมพีเรียลกำลังแพร่กระจายข่าวว่าตระกูลลู่และตระกูลลี่ได้เกี่ยวดองกันแล้ว เหยียนหลาน ผมขอบอกกับคุณว่าการหมั้นหมายของเราเป็นเรื่องจริง ผมจะแต่งงานกับคุณ แต่ว่า ผมไม่ได้ชอบคุณหรอกนะ เราแค่แต่งงานกัน ผมแค่ต้องการภรรยาลู่สักคนเท่านั้นเอง”
เขาพูดอะไรว่านะ?
ลี่เหยียนหลานตัวแข็งทื่อ เขาพูดว่า เขาไม่ได้ชอบเธอ...
ลี่เหยียนหลานรู้อยู่แล้วว่าชายผู้นี้เย็นชาและไม่สนใจความรักเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด และความหวานของงานหมั้นนั้นกลายเป็นความอึดอัดและความอัปยศของเธอในทันที
“เหยียนหลาน คุณคือลูกสาวตระกูลเศรษฐี คุณมีตัวเลือกมากมาย คุณไม่จำเป็นต้องทำเพื่อผมแล้วคุณต้องลำบากหรอกนะ ดังนั้นคุณควรจะคิดให้ดี ๆ เถอะ”
“ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว พี่หานถิงคะ เราหมั้นกันเถอะค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดีค่ะ !” ลี่เหยียนหลานพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
ลู่หานถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นับตั้งแต่เซี่ยซีหว่านปรากฏตัวขึ้นมาในชีวิตของเขา ชีวิตของเขาก็กลับตาลปัตร เธอส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเขาโดยตรง ทำให้เขาคลั่งไคล้และควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้
เขาต้องการสงบจิตใจของตัวเองลง กลับสู่วิถีปกติ และใช้ชีวิตของเขาเหมือนในช่วงชีวิตก่อนที่เธอจะมาถึง การเกี่ยวดองกันของตระกลูลู่และตระกูลลี่ก็อยู่ในแผนการนี้เช่นกัน
...
วันนี้เป็นวันคัดเลือกของสถาบันวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่สอบติดหนึ่งในห้าอันดับแรกต่างมารวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว ทางสถาบันได้จัดลำดับรหัสนักศึกษาและให้แต่ละคนเข้าไปในห้องสำนักงานตามลำดับเพื่อเข้ารับการคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถของสถาบัน
ฟ่านเถียนและคนอื่น ๆ ต่างเข้ามาล้อมรอบเซี่ยซีหว่านไว้
“หว่านหว่าน ฉันได้ยินมาว่าการคัดเลือกครั้งนี้จำนวนคนที่จะผ่านการคัดเลือกมีน้อยมาก ทางสถาบันจะคัดเลือกเพียงแค่สามคนเท่านั้น”
“หว่าหว่านหว่าน คะแนนสอบเอ็นทรานซ์ของเธอเต็ม750 คะแนน ตอนนี้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังไปทั่วมหานครอิมพีเรียลแล้ว ฉันเชื่อว่าในจำนวนสามคนนี้ หนึ่งในนั้นจะต้องมีเธอแน่นอน”
“ใช่แล้วหว่านหว่าน พวกเราต่างเชื่อมั่นในตัวเธอ”
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว วันนี้เซี่ยซีหว่านจึงสวมเสื้อคาร์ดิแกนสีเหลืองครีมราวกับไข่หาน เส้นผมสีดำบริสุทธิ์ปล่อยลงมาให้ปลิวพลิ้วไสวไปกับสายลม บนผมของเธอติดกิ๊บไข่มุกเอาไว้หนึ่งอัน ทำให้เธอเด็กสาวอายุ 20 ปีที่มีรูปร่างผอมเพรียวและสง่างาม แถมยังมีบรรยากาศรอบตัวดูอบอุ่นอีกด้วย
เซี่ยซีหว่านยิ้มและพูดว่า “เถียนเถียน ฉันขอยืมคำพูดที่เป็นสิริมงคลขอพวกเธอหน่อยนะ”
ทันใดนั้นฟ่านเถียนก็ดึงเซี่ยซีหว่านเอาไว้และพูดว่า "หว่านหว่าน เธอดูนั่นสิ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ล่ะ คุณท่านเยี่ยมาแล้ว ฉันได้ยินมาว่าคราวนี้เขาเป็นหัวหน้าผู้คัดเลือกด้วยล่ะ !”
เซี่ยซีหว่านเงยหน้าขึ้น ด้านหน้าของเธอมีกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งหมดล้วนเป็นนักศึกษาวัยหนุ่มสาวที่มาสมัครเข้ารับการคัดเลือกจากสถาบันวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ทุกคนต่างพากันหลีกทางเดินให้เขา ผู้คนสองสามคนที่สวมใส่เสื้อสูทสีดำเดินนำหน้ามา หนึ่งในกลุ่มผู้ติดตามที่อยู่ด้านหน้าสุดสวมชุดจงซานสีดำทั้งชุด นั่นคือ คุณท่านเยี่ย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่ง
ทันใดนั้นดูเหมือนว่าคุณท่านเยี่ยจะรู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาจึงหันศีรษะและดวงตาที่ขุ่นมัวอันเฉี่ยวคมของเขาคู่นั้นมองไปยังเซี่ยซีหว่านอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งสองคนประสานสายตากัน เซี่ยซีหว่านรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกในดวงตาของคุณท่านเยี่ย
จากนั้นณท่านเยี่ยก็ถอนสายตาและเดินหายไปที่สุดทางเดินพร้อมกับฝูงชนจำนวนมาก
“หว่านหว่าน ตอนนี้คุณท่านเยี่ยท่านนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลในด้านการแพทย์แผนจีน ตำแหน่งของท่านมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันได้ยินมาเป็นการส่วนตัวว่า การแสวงหาทักษะทางการแพทย์ของคุณท่านเยี่ยนั้นมาถึงจุดที่บ้าบิ่นไปแล้ว และฉันก็ได้ยินมาอีกว่าคุณท่านเยี่ยกำลังศึกษาเรื่อง...ความเป็นอมตะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่ายรักคุณสามี
กลับมาลงเรื่องนี้ต่อหน่อยค่ะ😁😁😁...
รอตอนต่อไปนานมากแล้ว ครับ...
นิยายแปลที่ติดตามก็ไม่มีการอัปเดทนิยายไทยก็เดิมฯเรื่องใหม่ก็เค้าโคลงจากเรื่องเดิมแม้จะเปลี่ยนชื่อแต่คนอ่านก็จำได้ค่ะ บางเรื่องที่ติดตามไปติดเหรียญที่เเอปอื่น ยังไงต่อไปดี...
ไม่มีอัพเดตต่อ...หรือเลิกแปลเรื่องนี้ไปแล้ว...
เรื่องนี้รออัปเดทนานมากค่ะนิ่งเลยค่ะ...