ลำแสงสีทองอร่ามของอรุณรุ่งเบิกฟ้าที่ผ่านมาหลายชั่วโมงจนเรียกว่าสายของวันใหม่ ได้สาดแสงทอดเงาเข้ามาในห้องนอนเล็กของหญิงงามชาวไทยที่เพิ่งข่มตาหลับลงได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมงดีจำต้องลืมตาขึ้นเพราะฝืนข่มตาให้หลับต่อไม่ได้อีกแล้ว
นาราภัทรลุกขึ้นจากเตียงนอนเดินโผเผเข้าไปในห้องน้ำได้อย่างยากลำบากหัวสมองหนักอึ้งขอบตาร้อนผ่าวปวดตุบๆ จากการอดหลับอดนอนซึ่งมีสาเหตุมาจากพิษจุมพิตของเจ้าชายซารีฟร์นั่นเอง
“โอ้...แย่แล้ว นี่ตัวฉันหรือนี่”
หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างโทรมซีดเซียวของตนเองปรากฏอยู่บนกระจกเงา เพราะอดนอนข่มตาหลับไม่ลงทำให้ใบหน้างามดูซีดไร้สีเลือด ขอบตาดำคล้ำลึกโบ๋ราวกับหมีแพนด้าไม่มีผิด
“อีตาเจ้าชายจอมฉวยโอกาส เพราะคุณทีเดียวทำให้หน้าตาฉันเป็นแบบนี้”
นาราภัทรร้องตีโพยตีพายโทษเจ้าชายหนุ่มแห่งอัลนูรีนที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้เธอมีสภาพเช่นนี้ เมื่อคืนหลังจากตบหน้าเจ้าชายซารีฟร์แล้วเธอก็หวาดหวั่นเหมือนกันว่าจะถูกอีกฝ่ายทำร้ายกลับคืนบ้าง พอกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์แล้วก็ใช่ว่าจะข่มตาให้หลับลงได้ง่ายๆ ใจเจ้ากรรมคอยแต่กระหวัดคำนึงถึงเจ้าชายหนุ่มผู้ที่มอบจุมพิตร้อนผะผ่าวหวานฉ่ำจุมพิตแรกในชีวิตให้กับเธอ
“คอยดูน่ะ ถ้ามาจูบเราอีกครั้งจะตบให้หนักกว่านี้อีก”
ปากก็บ่นงึมงำมือบางก็ยกขึ้นถูริมฝีปากของตนเองด้วยหวังจะลบรอยแห่งความหวานฉ่ำออกไปจากกายใจแต่ยิ่งถูยิ่งเช็ดออกก็ยิ่งจดจำ รสสิเสน่หายิ่งซึมซับเข้าไปทั่วทุกขุมขนมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อทำอะไรตัวต้นเหตุไม่ได้หญิงสาวก็บ่นงึมงำเอ่ยอาฆาตออกมาอีกหน
“คราวนี้จะไม่ตบอย่างเดียว แต่จะกัดให้ลิ้นขาดไปเลย”
“น้ำหนาว...เป็นอะไรไปน่ะ เห็นบ่นงึมงำคนเดียวตั้งนานแล้ว”
นาราพรรณโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำแล้วเอ่ยถามแฝดพี่ด้วยความสงสัย เธอตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาเตรียมอาหารเช้าไว้รอพี่สาวด้วยรู้ว่าอีกฝ่ายเลิกงานดึกกว่าจะกลับถึงห้องได้พักผ่อนก็เกือบรุ่งสางแล้วเพราะฉะนั้นในทุกๆ วันเธอจะเป็นคนทำมื้อเช้าไว้รอพี่สาว
“น้ำค้าง เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมดเลย”
นาราภัทรหันมายิ้มแห้งๆ ให้น้องสาวก่อนจะเลียบเลียงเคียงถามด้วยเกรงว่าน้ำค้างจะรู้เรื่องที่เธอถูกเจ้าชายซารีฟร์จูบเมื่อคืน
น้ำค้างเปิดประตูห้องน้ำออกกว้างแล้วสาวเท้ายาวๆ มาหยุดยืนใกล้คนถาม
“เพิ่งโผล่หน้าเข้ามาตะกี้นี่แหละ เราทำโจ๊กไว้รอแล้วกำลังจะเข้ามาปลุกให้น้ำหนาวไปกินด้วยกันก็ได้ยินเสียงบ่นงึมงำราวกับหมีกินผึ้ง แล้วนี่ไปโกรธใครมาล่ะถึงได้ทำหน้ายุ่งตีหน้ายักษ์ตั้งแต่เช้า”
“เอ่อ...ไม่มีหรอก ไม่ได้โกรธใคร”
น้ำหนาวหลบตาแฝดน้องขณะที่เอ่ยตอบรู้ว่ายังไงๆ น้ำค้างก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน แต่จะให้เธอบอกน้องว่ากำลังโกรธบุรุษชาติอาหรับผู้ที่บังอาจมามอบจุมพิตแรกให้กับเธอก็คงจะไม่ได้เช่นเดียวกัน
“อย่ามาโกหกให้ยากเลยน่ะน้ำหนาว เราไม่เชื่อตัวหรอก ต้องมีใครมาทำให้แม่เสือสาวไม่พอใจแน่ถึงได้ตื่นมาบ่นตั้งแต่เช้า” น้ำค้างค้านเสียงแข็งด้วยรู้นิสัยของแฝดพี่เป็นอย่างดี
นาราภัทรกลอกตาขึ้นบนอย่างเซ็งๆ นี่แหละข้อเสียของความเป็นฝาแฝด ไม่ว่าเธอจะรู้สึกเช่นไรน้ำค้างก็รับรู้ความรู้สึกทุกข์ร้อนของเธอได้ทุกอย่างราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน
“ขอเราอาบน้ำสัก 10 นาทีได้มั้ยเดี๋ยวจะออกไปอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น”
“เลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือน้ำหนาวทำไมทำเสียงซีเรียสจังเลย”
น้ำค้างจับต้นแขนเนียนของแฝดพี่แล้วบีบไว้แน่นอย่างลืมตัว สีหน้าแววตาเริ่มเป็นกังวลกับเรื่องที่อีกฝ่ายกั๊กไว้ไม่ยอมเอ่ยบอกสักที
“ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่เราเป็นกังวลเรื่องงานนิดหน่อย ไม่ได้เลวร้ายอะไรมา น้ำค้างออกไปก่อนนะเดี๋ยวเราอาบน้ำเสร็จแล้วจะเล่าให้ฟัง”
น้ำหนาวปฏิเสธเสียงอ่อนพยายามดุนหลังให้น้องสาวออกจากห้องน้ำไวๆ ก่อนที่เธอจะปิดความลับเรื่องที่ถูกจูบไว้ไม่มิดเผลอหลุดปากออกมา
น้ำค้างยอมออกมาจากห้องน้ำตามแรงผลักของแฝดพี่ แต่ก่อนที่จะปิดประตูห้องน้ำให้อีกฝ่ายเธอก็ได้หันไปเอ่ยย้ำกับน้ำหนาวอีกครั้ง
“ถ้างั้นน้ำค้างจะอุ่นโจ๊กรอ ให้เวลาอาบน้ำแค่ 5 นาทีแล้วรีบมาเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ยายน้ำค้าง!” นาราภัทรร้องเสียงหลงก่อนจะตวาดแว้ดด้วยความโมโหระคนขบขำ “อาบน้ำน่ะไม่ใช่วิ่งผ่านน้ำ”
“5 นาที น้ำหนาว เร็วๆ ด้วย”
น้ำค้างปิดประตูห้องน้ำให้แฝดพี่เรียบร้อยโดยไม่ลืมตะโกนย้ำอีกครั้งจากนั้นก็ต้องหัวเราะร่วนออกมาด้วยความขบขำเมื่อได้ยินเสียงวัตถุบางอย่างลอยมากระทบประตูห้องน้ำพร้อมกับเสียงบ่นงึมงำไม่ขาดสายของแฝดพี่
กันกับหญิงสาวซึ่งควรงดงามทั้งกายใจที่ก่อเกิดเป็นตัวตนของพวกเธอ...
“กระหม่อมกับอาดิลชอบคุณน้ำหนาวพะยะค่ะ นอกจากจะกตัญญูเป็นเด็กดีอยู่ในกรอบศีลธรรมแล้วยังไว้เนื้อถือตัวไม่วิ่งเข้าใส่พระองค์เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่แทบตะครุบพระองค์ไว้เมื่อได้รู้ว่าพระองค์นั้นร่ำรวยมากเพียงใด”
ราชิตเอ่ยบอกตามความรู้สึกที่ตนและอาดิลเพื่อนรักได้มีให้แก่ดอกไม้งามแห่งสยามที่งดงามทั้งกายใจควรคุณค่าแก่การยกย่องเทิดทูนให้เป็นเจ้าแห่งชีวิตอีกคน
“กระหม่อมอยากมีโอกาสได้ยลโฉมราชินีแห่งอัลนูรีน ท่านอานีสต์บอกว่าเจ้าชายฮารีฟร์ทรงรักคุณนีราพรรณมาก เวลาคุณนีราพรรณสวมชุดพื้นเมืองของอัลนูรีนและเป็นชุดของท่านแม่พระองค์ ท่านอานีสต์บอกว่างดงามเหมือนราชินีองค์ก่อนไม่มีผิด”
อาดิลยิ้มกว้างขณะที่เอ่ยบอกเจ้าชายหนุ่มถ้อยคำเล่าลือถึงความงดงามของหญิงงามชาวสยามที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นราชินีนั่งเคียงคู่กับเจ้าชายฮารีฟร์ประมุขแห่งอัลนูรีนทำให้เขาอยากมีโอกาสได้ยลโฉมความงดงามของราชินีองค์ใหม่สักครั้งหนึ่ง
“อืม...เราเองก็อย่างเห็นหน้าพี่สาวของน้ำหนาวเหมือนกัน ทั้งน้ำเหนือและน้ำหนาวคงงดงามน่าหลงใหลถ้าหากได้สวมชุดประจำชาติของท่านแม่ เราเชื่อว่าเราและท่านพี่ฮารีฟร์มองคนไม่ผิดนางฟ้าทั้งสองดอกไม้แห่งสยามจะงดงามเบ่งบานอยู่ในทะเลทรายช่วยเราและท่านพี่ฮารีฟร์ทำนุบำรุงให้อัลนูรีนเจริญรุ่งเรืองเทียบเท่ากับแผ่นดินอเมริกาที่เรามาพำนักอาศัยอยู่ในขณะนี้”
สายตาอันเชียบแหลมของคาสโนว่าแห่งอัลนูรีนย่อมรู้ดีว่าดอกไม้งามดอกใดที่ควรคุณค่าแก่การเด็ดมาเชยชมและทะนุถนอมให้คอยอยู่เคียงข้างกับบุรุษชาติอาหรับ
“พวกกระหม่อมเชื่อว่าต่อไปคุณน้ำหนาวจะเป็นผู้ที่ทำให้ชีวิตของพระองค์สมบูรณ์สุขที่สุด”
ราชิตเอ่ยยิ้มๆ มองการณ์ไกลในอนาคตว่าต้องเป็นเช่นนั้น
“เราก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ปัญหาคือวันนี้และวันต่อไปเราจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกน้ำหนาวตบเอาอีก”
เจ้าชายซารีฟร์ตีหน้ามุ่ยเอ่ยปรึกษาองครักษ์ ตอนนี้คาสโนว่าแห่งอัลนูรีนวาดลวดลายไม่ออกเมื่อมาเจอหญิงงามที่มีท่าทีต่อต้านตนเองไปเสียทุกอย่าง
“ไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้พะยะค่ะ กระหม่อมและราชิตถนัดแค่เรื่องการใช้อาวุธและการอารักขาพระองค์ถ้าหากเป็นเรื่องจีบหญิงคงต้องขอบายพะยะค่ะ”
อาดิลเอ่ยตอบกลัวหัวเราะ เห็นกริยาตีหน้ายุ่งคิ้วขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยการครุ่นคิดหาหนทางเอาชนะใจสาวของเจ้าชายหนุ่มนักรักแล้วก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และใช่ว่าเขาแค่เพียงคนเดียวที่กลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่ ราชิตเองก็กลั้นเสียงหัวเราะจนไหล่สะท้านและเมื่อกลั้นไม่ไหวก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาให้เจ้าชายหนุ่มได้ถลึงตามองด้วยความขัดเคือง
“พวกเจ้าไม่มีความรักบ้างก็ให้มันรู้ไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย