พายุรักแห่งเม็ดทราย นิยาย บท 8

เจ้าชายซารีฟร์อ่านเบอร์โทรที่เขียนไว้พร้อมกับเงยหน้าขึ้นเลิกคิ้วเข้มหนาเป็นคำถาม ใบหน้าหล่อเหลายังคงมีรอยยิ้มแตะแต้มไปทั่วด้วยความถูกใจ

นาราภัทรยิ้มแป้นพยักหน้าหงึกๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเอ่ยตอบแบบกวนๆ

“ค่ะ 911 โทรได้ตลอด 24 ชั่วโมงไม่เว้นวันหยุดราชการหรือวันหยุดนัดขัตฤกษ์”

คราวนี้เจ้าชายองค์รองแห่งราชวงศ์อัลนูรีนหัวเราะก๊ากด้วยความขบขำดังกว่ารอบแรกหลายเท่าจนแองจิล่าลูกค้าคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ รวมทั้งเหล่าองครักษ์ได้หันมามองด้วยความสงสัย

“อืม...ไม่มีปัญหา ให้โทรไป 911 แล้วติดต่อเจ้าได้ในแผนกไหน ข่าวกรอง สืบสวน หรือว่า ‘หน่วยสวาท’”

นาราภัทรถึงกับหน้าตึงร้อนผ่าวแดงก่ำไปหมดรู้ว่าบุรุษต่างชาติหล่อเหลาคนนี้ตั้งใจเน้นคำตรงคำว่า ‘สวาท’ เป็นพิเศษราวกับจงใจให้นึกถึงเรื่องอื่นมากกว่าจะเป็นหน่วยพิเศษของสหรัฐอเมริกา

“ว่าไง ให้เราติดต่อเจ้าได้ในแผนกไหน”

เจ้าชายซารีฟร์ถามย้ำพร้อมด้วยรอยยิ้มขบขำเมื่อเห็นหญิงงามจอมแก่นแก้วนิ่งเงียบไม่ตอบสักทีรู้สึกชอบใจยิ่งนักที่เห็นพวงแก้มเนียนแดงปลั่งขึ้นมาทันตาเห็นตอนที่เขาได้จงใจเอ่ยเน้นตรงคำว่า ‘สวาท’

นารภัทรหันมาแยกเขี้ยวตีหน้าบึ้งขึงตาใส่บุรุษหล่อเหลาที่ยังคองจ้องมองยิ้มยียวนรอคำตอบและเมื่อรู้ว่าไม่มีทางเลี่ยงได้หญิงสาวจึงกัดฟันกรอดกระชากเสียงตอบห้วนๆ แบบมะนาวไม่มีน้ำ

“แผนกอาชญากรรม”

เจ้าชายซารีฟร์หัวเราะร่วนขบขำไม่หาย เออหน่อ...สงสัยกินรังแตนมาอีกแล้วแน่ๆ น้ำหนาวถึงได้เล่นงานตอกกลับไม่มีลดราวาศอก

“ถ้ามีเจ้าหน้าที่สวยๆ เหมือนเจ้าอยู่ในแผนกอาชญากรรมต่อต้องให้โทรหาตลอด 24 ชั่วโมงเราก็ไม่เกี่ยง พร้อมเต็มใจอย่างยิ่ง”

“สงสัยเป็นพวกโรคจิตชอบโทรป่วนเมือง”

นาราภัทรตอกกลับซึ่งๆ หน้าไม่เกรงอกเกรงใจบุรุษหนุ่มละลายใจบรรดาสาวๆ ผู้นี้จะยิ่งใหญ่เป็นใครมาจากไหน

ราชิตกับอาดิลถึงกับพากันสำลักหัวเราะเมื่ออิสตรีชาวไทยแสนงดงามกล้าตอกหน้าต่อว่าเจ้าชายซารีฟร์ผู้ที่ได้ชื่อว่าคาสโนว่าแห่งทะเลทรายโดยไม่คิดเกรงกลัว ตั้งแต่รับใช้เจ้าชายหนุ่มพวกเขาได้เห็นหญิงสาวมากหน้าหลายตาทั้งบรรดาไฮโซดารานางแบบที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเจ้าชายนักรัก ทุกคนล้วนแต่เอาอกเอาใจเพื่อให้ได้เงินทองสิ่งตอบแทนจำนวนมหาศาลจากการคอยอยู่ปรนนิบัติเจ้าชายซารีฟร์ ทุกคนล้วนแต่พูดจาฉอเลาะอ่อนหวานไม่เคยมีใครสักคนที่ตอกกลับเจ้าชายซารีฟร์จนหน้าหงายเหมือนอิสตรีแสนงามผู้นี้มาก่อน

เจ้าชายซารีฟร์หันไปขึงตาใส่องครักษ์ทั้งสองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะด้วยความขบขำเล็ดลอดมาเข้ามากระทบประสาทหู เมื่อหันไปขู่เหล่าองครักษ์ให้หยุดหัวเราะแล้วก็ได้เอ่ยสนทนากับน้ำหนาวต่อ

“ใครว่าเราเป็นโรคจิต เราไม่ชอบโทรหาใครพร่ำเพรื่อหรอกน่ะ จะจำเพาะเจาะจงแค่หญิงสาวที่เราหมายปองเพียงเท่านั้น”

ความเป็นคนใจร้อนมักทำการใดให้ทันตามความต้องการของตนเองเสมอเจ้าชายซารีฟร์จึงได้รุกฆาตโดยไม่รั้งรอกอปรกับอยากลองใจหญิงงามที่ต้องตาต้องใจเหมือนกันว่าจะง่ายได้มากเพียงใดถ้าหากรู้ว่าเขาคือใคร

นาราภัทรทำทองไม่รู้ร้อนทำหูทวนลมไม่ได้ยินไม่รับรู้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ต้องการสิ่งใด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย ดวงตากลมโตที่สงบนิ่งนั้นหญิงสาวได้หวาดหวั่นใจเต้นสั่นสะท้านกับดวงตาคมกริบที่ทอดมองแน่นิ่งไม่ละสายตาไปจากใบหน้าของเธอแม้แต่วินาทีเดียว

‘โอเคอยากได้เบอร์โทรเดี๋ยวจัดให้อีกรอบ’

หญิงสาวงึมงำอยู่ในใจก่อนจะหันไปสะกิดเพื่อนสาวที่ยืนคำตาหวานจ้องมองบุรุษหล่อเหลาไม่วางตา

“แองจิล่า สุภาพบุรุษท่านนี้ต้องการเบอร์โทรแองจิล่าน่ะ”

ขณะเอ่ยบอกเพื่อนสาว นาราภัทรก็คลี่ยิ้มพรายยักคิ้วใส่บุรุษหนุ่มอย่างยียวนไม่สนใจอาการฮึ่มๆ ของอีกฝ่ายที่ถลึงตาใส่ราวกับโมโหนักหนา

“อยากได้เบอร์โทรของแองจิล่าหรือคะ ไม่มีปัญหาแองจิล่าเต็มใจให้เสมอค่ะ”

แองจิล่ากระวีกระวาดรีบเขียนเบอร์โทรพร้อมกับที่อยู่ให้บุรุษหนุ่มคมเข้มเสร็จสรรพโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายร้องขอให้เสียเวลา

“ได้แล้วค่ะเบอร์โทรพร้อมกับที่อยู่ของแองจิล่า โทรได้ตลอดเวลาเลยนะคะแองจิล่าจะเปิดเครื่องรอ”

เจ้าชายซารีฟร์กลอกตาขึ้นอย่างเซ็งๆ รับกระดาษแผ่นเล็กที่หญิงชาวอเมริกันยื่นมาให้อย่างเสียไม่ได้ก่อนจะยื่นต่อให้เหล่าองครักษ์ที่พากันยืนอมยิ้มขบขำอยู่ไม่ห่าง

เจ้าชายนักรักชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างามที่เชิดขึ้นอย่างดื้อรั้นเอาการจนจมูกโด่งงามสัมผัสแผ่วเบากับพวงแก้มแดงปลั่งพร้อมกันนั้นก็แอบสูดกลิ่นหอมละมุนละไมจรุงใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ยย้ำคำเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ

“เราไม่ต้องการเบอร์โทรผู้หญิงคนนี้ แต่เราต้องการเบอร์โทรของเจ้า...น้ำหนาว”

“อยากได้ก็หาเอาเองสิ”

นาราภัทรเอ่ยตอบเป็นภาษาไทยอย่างลืมตัวไม่ทันคิดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ได้เอ่ยวาจากับเธอเป็นภาษาไทยและเรียก

ชื่อเล่นของเธออย่างชัดเจนสนิทสนมและเมื่อน้ำคำวาจาของบุรุษหนุ่มคมเข้มค่อยๆ ซึมซับเข้าทั่วกาย หญิงสาวก็เบิกตาโตอ้าปากค้างละล่ำละลักเอ่ยถามเหมือนคนละเมอ

“เมื่อสักครู่...คุณเรียกดิฉันว่าอะไรนะคะ”

“น้ำหนาว...”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยตอบเสียงนุ่มด้วยภาษาไทยชัดคำ ใบหน้าหล่อเหลาระบายไปด้วยรอยยิ้มแห่งความขบขำระคนถูกใจเมื่อเห็นหญิงสาวอ้าปากหวอด้วยความคาดไม่ถึง

“คะ...คุณพูดภาษาไทยได้”

“อืม...ใช่เราพูดได้แถมยังอ่านออกเขียนได้ดีไม่แพ้เจ้าของภาษา”

เจ้าชายนักรักแห่งทะเลทรายเอ่ยตอบยิ้มๆ ดวงตาเต้นระริกมันระยับ เห็นเรียวปากอิ่มเอิบสีหุกลาบอ้าปากกว้างจนเห็นลิ้นสีชมพูนุ่มทำให้อยากกดจุมพิตเข้าไปดูดชิมความหอมหวานจากเรียวปากของหญิงสาวยิ่งนัก น้ำหนาวช่างกระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาได้ดียิ่ง แค่คิดว่าได้ชิมรสชาติหวานฉ่ำจากเรียวปากผิวกายเนียนลออที่โผล่พ้นขอบเสื้อลายเสือแบบสปอร์ตก็ทำเอาอารมณ์ความต้องการของเขากระเจิงแล่นพล่านทั่วทุกรูขุมขน

นาราภัทรจ้องมองบุรุษหล่อเข้มที่นั่งยิ้มทำตาพราวใส่ด้วยความไม่เชื่อสักเท่าไหร่ว่าคนที่มีนัยน์ตาคมกริบดำขลับคิ้วดำดกหนาจมูกโด่งได้รูปสวยโครงหน้าหล่อเหลาคมเข้มออกไปทางชาวตะวันออกกลางหรืออาหรับจะสามารถพูดอ่านเขียนภาษาไทยได้และที่ทำให้เธอแปลกใจหลายเท่าคือเขารู้จักชื่อเล่นของเธอได้อย่างไร

“ถึงกับอึ้งเลยหรือน้ำหนาว”

เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยแซวยิ้มๆ ยังไม่อยากแนะนำตัวเองจนกว่าหญิงสาวใคร่อยากรู้และเอ่ยถามออกมา

นี่แหละ! บุรุษชาติอาหรับแห่งราชวงศ์อัลนูรีนของแท้แน่นอนที่ถนัดสั่งหญิงอื่นจนเคยชิน แต่ใช่ว่าอิสตรีสาวชาวไทยจะยอมอ่อนข้อโอนอ่อนให้กับความร่ำรวยความหล่อเหลาง่ายๆ ดังที่เจ้าชายซารีฟร์นึกคิด

“ไม่ต้องไปส่ง โตแล้วกลับบ้านเองได้”

นาราภัทรตอกกลับโดยไม่สนใจว่าเจ้าชายหนุ่มจะโกรธเคืองสักเพียงใด ก็เธอไม่ใช่ราษฎรปวงผองชาวอัลนูรีนนี่ที่ต้องลนลานทำตามคำสั่งของเจ้าชายซารีฟร์

เจ้าชายซารีฟร์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ น้ำหนาวเป็นหญิงสาวคนแรกและคนเดียวในโลกที่กล้าปฏิเสธสิ่งที่เจ้าชายนักรักแห่งทะเลทรายได้หยิบยื่นให้ ถ้าเป็นหญิงอื่นป่านนี้คงกระโดดตัวลอยวิ่งแจ้นเข้าไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ภายในรถหรู และเพราะน้ำหนาวเป็นหญิงเดียวที่ทำให้เขามีใจรักภักดีได้ตั้งแต่แรกเห็นจึงทำให้เขาอดทนกับหญิงสาวได้มากที่สุดและต้องการพบเจอะเจอได้เห็นใบหน้างามแก่นแก้วจนต้องตามหญิงสาวมาถึงที่ทำงาน

“ตีสามน่ะ น้ำหนาว เราจะรอเจ้าอยู่หน้าผับ”

เจ้าชายซารีฟร์ย้ำคำสั่งอีกครั้งโดยไม่สนใจอาการขัดเคืองกระทืบเท้าของคนถูกบังคับเหมือนกัน

“ฮึ!...เอาแต่ใจ หมดธุระหรือยัง ถอยออกจากเคาร์เตอร์ได้แล้วตัวใหญ่ยักษ์นั่งบังแบบนี้ลูกค้าคนอื่นก็เข้ามาซื้อเหล้าไม่ได้”

นาราภัทรขึงตาใส่มองเจ้าชายซารีฟร์ด้วยดวงตาเขียวปัดขณะเอ่ยปากไล่เจ้าชายหนุ่ม รู้ว่าอีกฝ่ายโกรธน่าดูแต่ก็ไม่ใส่ใจเอ่ยขอโทษ

องครักษ์ราชิตกับอาดิลถึงกับสำลักพากันกลั้นหัวเราะจนปวดกรามหน้าแดงก่ำไหล่สะท้านเมื่อได้ยินประโยคถ้อยคำที่อีกหนึ่งหญิงงามชาวสยามได้เอ่ยปากไล่เจ้าเหนือหัวของพวกตน เจ้าชายนักรักแห่งอัลนูรีนก็ใช่ย่อยเสียที่ไหนเรื่องออกคำสั่งคนใต้อาณัติต้องยกให้กับเจ้าชายซารีฟร์ แต่เหนือเจ้าชายซารีฟร์ก็ยังคงมีคุณน้ำหนาวที่พวกตนขอชูฮกว่าแน่มากๆ และก็ขอยกย่องให้เป็นเจ้าเหนือหัวของพวกตนอีกคน

เจ้าชายซารีฟร์หน้าตึงเล็กน้อยที่ถูกน้ำหนาวเอ่ยปากไล่ตรงๆ แถมยังได้ยินเสียงหัวเราะขบขำของเหล่าองครักษ์ตัวแสบที่ทำท่าจะกบฏแปรพักตร์เป็นอยู่ฝ่ายของน้ำหนาวเล็ดลอดมาให้ได้ยินได้โมโหอีกครา

“เดี๋ยวก่อนเจ้าจะไปไหน” เจ้าชายซารีฟร์เอ่ยเรียกเมื่อเห็นนาราภัทรทำท่าจะผละออกไปจากบริเวณเคาร์เตอร์

“จะไปห้องน้ำ”

นาราภัทรเอ่ยตอบเน้นคำกำลังหันหลังกลับจะเดินออกจากเคาร์เตอร์บาร์แต่ถูกมือใหญ่ร้อนผะผ่าวฉุดดึงไว้ก่อน หญิงสาวรู้สึกร้อนวาบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเมื่อถูกมือหนากอบกุมไว้แน่นเท่านั้นไม่พอนิ้วโป้งใหญ่ยังคอยกดคลึงทั่วบริเวณหลังข้อมือที่เจ้าตัวได้กอบกุมไว้

“เรารู้ว่าเจ้าตั้งใจจะหนีเรามากกว่าจะไปห้องน้ำ แต่ก็ไม่เป็นไรเราเว้นวรรคให้เจ้าทำใจสักสองสามนาที แต่ก่อนเจ้าจะหลบหนี เราอยากให้เจ้าอ่าน ‘จดหมายรัก’ ที่เจ้าได้เขียนให้เราและเราก็ได้เขียนตอบเจ้าแล้วเช่นเดียวกัน”

เอ่ยบอกเสร็จแล้วเจ้าชายซารีฟร์ก็หยิบจดหมายรักออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้ววางลงไปอย่างแผ่วเบาบนฝ่ามือนิ่มที่ตนเองได้บังคับให้หงายรอรับจดหมายและก่อนจะผละออกเจ้าชายซารีฟร์ก็ได้ย้ำคำสั่งอีกครั้ง

“ตีสามน้ำหนาว เราจะรอหน้าผับ ห้ามหนีกลับก่อน”

เจ้าชายหนุ่มผู้หล่อเหลาแห่งแผ่นผืนทะเลทรายได้เดินจากไปนานหลายนาทีแล้วแต่นาราภัทรยังคงยืนงงรับรู้กระแสไออุ่นทั้งถ้อยคำและรอยสัมผัสที่ยังคงแล่นพล่านทั่วกายใจพอรู้สึกก็รีบหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่เธอจำได้ดีว่าตนเองเป็นคนเขียนและเอาไปให้กับเจ้าชายซารีฟร์ซึ่งด้านหน้าเป็นลายมือของเธอและแน่นอนด้านหลังกระดาษที่ถูกบรรจงเขียนด้วยภาษาไทยอย่างสวยงามจะเป็นลายมือใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์

หญิงสาวคลี่จดหมายรักที่ว่าขึ้นมาแล้วพึมพำอ่านข้อความที่ตนเองได้เขียนให้เจ้าชายซารีฟร์และเจ้าชายซารีฟร์ก็ได้เขียนตอบดังที่บอกไว้ก่อนหน้านี้

“คนไร้มารยาท”

“ต้องการคนสอนมารยาท...เจ้าชายซารีฟร์ อัล ริฟาอีลส์”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พายุรักแห่งเม็ดทราย