“ได้ค่ะ”วารุณีนั่งลงตรงข้ามเขา จากนั้นพูดจุดประสงค์ที่นิรุตติ์มาหาเธอออกมาหมด
นัทธีฟังจบ ก็ยืนขึ้นมาทันที“คุณจะบอกว่า ในมือของเขามีเบาะแสความจริงที่พ่อแม่ผมเสียไป?”
“เขาพูดแบบนี้เองค่ะ แต่สรุปว่ามีหรือไม่ ฉันไม่รู้ ต้องรอเขาได้พินัยกรรมไปถึงจะรู้ค่ะ”วารุณียักไหล่แล้วพูดความจริงออกไป
มือนัทธีที่วางไว้บนโต๊ะทำงานก็กำขึ้นมา
พินัยกรรม......
ที่แท้ก่อนคุณปู่จะฆ่าตัวตาย ยังทิ้งพินัยกรรมไว้!
“ประธานนัทธี คุณว่าฉันควรจะตอบตกลงเขาไหมคะ?”วารุณีมองนัทธี
นัทธีเม้มริมฝีปาก“รับปากเขาไป แต่อย่าบอกเขา ว่าผมรู้ทั้งหมดนี้แล้ว”
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า คลายหินที่อยู่กลางใจออกไปทันที
ในเมื่อเขาให้เธอตอบตกลงไป ก็หมายความว่าเขาหาพินัยกรรมได้แล้ว จะยอมให้เธอทำสำเนาอีกอัน ให้เธอเอาไปให้นิรุตติ์
ถึงตอนนั้น เธอก็ไม่ติดค้างนิรุตติ์แล้ว
คิดไป วารุณีก็ยิ้มออกมา“ประธานนัทธี คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันต้องช่วยคุณจากผู้อำนวยการนิรุตติ์ แล้วเอาเบาะแสของพ่อแม่คุณมาแน่”
นัทธีได้ยินที่เธอพูด คิ้วที่ขมวดก็คลายออก กำลังจะพูดอยู่นั้น ประตูห้องทำงานก็ถูกเคาะ เสียงของเด็กสองคนเข้ามาจากด้านนอก
“หม่ามี๊ พ่อ กินข้าวกัน คุณยายส้มทำอาหารอร่อยๆมากมายเสร็จแล้ว เร็วๆหน่อย”
นัทธีมองไปที่วารุณี“ไปเถอะ กินข้าวก่อน เรื่องของพินัยกรรม ผมจะหาทางหาออกมาให้ได้”
เขาก็อยากรู้ว่า ในพินัยกรรมของคุณปู่ ซ่อนความลับอะไรไว้ ถึงทำให้นิรุตติ์อยากได้เร็วขนาดนี้
“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า จากนั้นลุกขึ้นตามนัทธีออกไป
กินข้าวเสร็จ วารุณีจึงพาลูกทั้งสองคนกลับไปที่คอนโดของตัวเอง เอาการตัดสินใจของตัวเองส่งข้อความบอกนิรุตติ์
คิดไม่ถึงว่านิรุตติ์จะกำหนดเวลาให้เธอ ภายในสองเดือน เธอจะต้องสอบถามที่อยู่ของพินัยกรรมจากปากของนัทธีมาให้ได้ และเอามาให้เขา
แบบนี้ วารุณีจึงลูบขมับ ไม่ตอบอีก
เวลาสองเดือนไม่ถือว่านาน และก็ไม่ถือว่าสั้นไป น่าจะพอที่จะให้นัทธีหาพินัยกรรมเจอ
คิดไป เธอก็วางโทรศัพท์ลง เตรียมอาบน้ำให้ลูกสองคนแล้วพักผ่อน
วันถัดมา วารุณีเพิ่งมาถึงสตูดิโอ กระเป๋ายังไม่ทันวาง ปาจรีย์ก็ถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น“เป็นไงบ้าง บอกประธานนัทธียัง?”
“บอกแล้ว”วารุณีเดินเข้าออฟฟิศ วางกระเป๋าลง
ปาจรีย์ตามอยู่หลังเธอ“งั้นถึงตอนนั้นประธานนัทธีรับปากจะให้สำเนาเธอ ไปรับมือกับนิรุตติ์นั่นหรือเปล่า?”
“เปล่า แต่เขาน่าจะให้”วารุณีถอดสูทเล็กที่เข้ารูปบนตัวออก แขวนไว้ที่หิ้ง
“งั้นก็ดี งั้นฉันก็จะได้โล่งอก”ปาจรีย์ตบหน้าอก จากนั้นเอาสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ“นี่เป็นสัญญาร่วมมือของทางกองรายการ ฉันให้ฝ่ายกฎหมายดูแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เธอดูสิ”
“อือ”วารุณียื่นมือไปรับสัญญามา แล้วเปิดอ่าน
ดูเสร็จ เธอก็ไม่รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร จึงลงชื่อของตัวเองไปที่ด้านล่าง เอาสัญญาให้ปาจรีย์“กองรายการได้บอกไหม อัดวาไรตี้เมื่อไหร่?”
“อีกครึ่งเดือนข้างหน้า ดังนั้นครึ่งเดือนนี้พวกเราก็เริ่มยุ่งแล้ว ก่อนเริ่มอัดรายการตอนแรก ต้องออกแบบตัดชุดของไอดอลมาล็อตหนึ่ง”ปาจรีย์นั่งลงไปแล้วพูด
วารุณีพยักหน้าอย่างจริงจัง สื่อว่าเข้าใจ“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวต่อไปฉันจะรีบออกแบบเสื้อผ้าออกมา ส่วนที่โรงงานก็ให้เธอคอยจับตาดู”
ปาจรีย์ทำท่าOKไปให้
หลังจากเธอไป วารุณีจึงหยิบอัลบั้มออกแบบอันใหม่เล่มหนึ่งมาเปิด จากนั้นเปิดข้อมูลของไอดอลพวกนั้นที่คอมพิวเตอร์ หลังจากแน่ใจสไตล์ที่เหมาะสมกับพวกเขาแล้ว จึงเริ่มวาดออกแบบ
จนถึงตอนเที่ยง กินข้าวเที่ยงเสร็จ วารุณีก็แบกกระเป๋า เรียกรถไปที่สถานีโทรทัศน์ เตรียมวัดสัดส่วนของเหล่าไอดอลพวกนั้น แบบนี้ถึงจะตัดเสื้อผ้าออกมาได้ดีกว่า
ครึ่งชั่วโมงถัดมา ก็ถึงสถานีโทรทัศน์
ไม่ใช่แค่มองดูเท่านั้น เธอยังหยิบโทรศัพท์ออกมา แอบบันทึกวิดีโอไว้
“ปวิช ทำอย่างไรดี ตอนนี้พิชญาเป็นแบบนี้แล้ว”ขยานีจับคอเสื้อของปวิช ร้องไห้อย่างเจ็บปวด
ปวิชมองเธออย่างทนไม่ไหว“ผมไม่ได้บอกคุณแล้วหรือไงว่า คุณอย่ามาหาผมที่นี่ ถ้ามีคนจำคุณได้ กว่าผมจะได้งานนี้มาไม่ง่ายเลยนะ เดี๋ยวจะตกงานได้”
ได้ยินประโยคนี้ วารุณีเงยคาขึ้นทันที
ที่แท้ปวิชทำงานที่สถานีโทรทัศน์
ทั้งๆที่ไม่นานมานี้ยังเป็นคนว่างงาน คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเปลี่ยนไปทันที กลายเป็นพนักงานที่สถานีโทรทัศน์ ไม่รู้ว่าในนี้มีการช่วยเหลือของขยานีหรือไม่
“คุณพูดแบบนี้ได้ไงกัน!”
ดวงตาขยานีแดงก่ำ มองปวิชอย่างตำหนิ“สรุปว่างานของคุณสำคัญ หรือว่าพิชญากันแน่ ตอนนี้พิชญาถูกคนกลุ่มหนึ่งรังแก ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ขาก็เป๋ ต่อไปยังต้องถูกส่งกลับไปที่โรงพยาบาลประสาท คุณว่ามาสิถ้าหากกลายเป็นคนบ้าจริงๆ หรือว่าคิดสั้นจะทำไง!”
ปวิชตบเสื้อที่ถูกเธอดึงจนยับ“คุณจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับผมทำไม?”
วารุณีพยักหน้า。
เธอก็รู้สึกว่าแปลก เรื่องของพิชญา ทำไมขยานีต้องมาพูดกับปวิช
“ทำไมเหรอ?แน่นอนว่าฉันอยากให้คุณคิดหาวิธี ช่วยพิชญาไง!”ขยานีตอบกลับเสียงดัง
ปวิชก็ยิ่งดูทนไม่ไหวมากขึ้น“ช่วย?ผมจะช่วยยังไง?ผมแค่คนตำแหน่งเล็กๆ จะมีความสามารถไปช่วยเธอได้ไง ทำไมคุณไม่ไปหาสุภัทรสามีคุณล่ะ?”
“ตอนนี้สุภัทรไม่เหลือความสามารถอะไรแล้ว ตระกูลศรีสุขคําล้มละลายแล้ว เขายังถูกนัทธีจับตาดูด้วย เลยไม่กล้าลงมือ ถ้าไม่ใช่ว่าเขายังมีเงินบำนาญอยู่ ฉันก็จะหย่ากับเขาแล้ว แต่คุณต่างกัน ไม่ใช่ว่าคุณมีเพื่อนสักสองสามคนเหรอไง?คุณ......”
“หยุดเลย!”ปวิชตัดบทเธอ“ผมไม่มีทางช่วยเธอ แล้วให้เพื่อนสองสามคนนั้นของผมโดนประธานนัทธีจับตาดูหรอกนะ!”
เขายังต้องพึ่งพาเพื่อนสองสามคนนั้นของเขาเพื่อมาใช้ชีวิตในแต่ละวันอีก จะทำให้พวกเขาเสี่ยงได้ไง
“ปวิช!”ขยานีโกรธจนหน้าแดงตะโกนออกมา“คุณเป็นแบบนี้ได้ไง พิชญาก็เป็นลูกสาวของคุณ ทำไมคุณใจดำแบบนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ
อ่านจบครบทุกตอนแล้วค่ะ สนุกมากค่ะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ติดงอมแงมเลย นางเอกฉลาดทันคนดีค่ะ ขอติอย่างเดียวคือ พิมพ์ผิดเยอะมากทำให้เสียอรรถรสใน การอ่าน เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ🫶🏻...
แล้วกโอ้เอ คุยยืดยาดอยู่นั่น หนีสิคะ ไปหาตำรวจก่อน แจ้งว่ามีสตอคเกอร์ ขอความคุ้มครองจากตำรวจ รอนัทธีส่งคนไปรับ...
นางเอกโง่มาก มีคนชั่วอยู่ในบ้าน ก็ต้องรีบกำจัดสิ เก็บไว้ให้มันทำร้ายตัวเองกับลูกเหรอ น่าจะรีบบเอาวีดีโอให้สามีดูแล้วแจ้งตำรวจ...