พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 108

ตอนที่ 108 แต่งแต้มอย่างสันติ

วินาทีนี้ ทุกคนแทบจะลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังด้านนอกขอตำหนัก

บุรุษผู้สวมใส่ชุดของอ๋องซื่อเจิ้งลวดลายมังกรน้ำสีดำที่กำลังเหาะเหินถูกโอบล้อมโดยองครักษ์กลุ่มหนึ่งผู้หนึ่งเดินเข้ามา ย่างก้าวสุขุม ด้วยใบหน้าที่แสนเย็นชาภายใต้พระมาลาห้อยหยก เหมือนกับทุกครั้งที่เขาเดินเข้าวังมา ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

และผู้ที่เดินเข้ามาพร้อมกับเขาก็คือเสี้ยหลี่โม่ผู้ที่หายตัวไปพร้อมกัน ข้างกายของเสี้ยหลี่โม่ก็คือเซี่ยวโธ่และซูชิง ประกบอยู่ด้านหลังของพวกเขา ส่วนด้านหลังของคนทั้งสี่ ก็มีองครักษ์ที่ย่างก้าวพร้อมเพรียงเรียงเป็นหนึ่ง ได้รับการฝึกฝนอย่างชำนาญตามมาด้วย

จื่นเฉิงพุ่งตัวออกไปด้วยความตื่นตระหนก “ท่านอ๋อง”

ซือถูเย้นก็ตบไปบนบ่าของเขา “ถอยก่อน”

จื่นเฉิงถอยลงไปหลังก้าวหนึ่ง “พะยะคะ!” แต่ยังคงแสดงออกถึงความตื่นเต้นที่มิอาจปิดบังได้ขึ้นมาบนใบหน้า

รอยยิ้มบนใบหน้าของอ๋องหนานหวยค่อยๆเก็บอาการอย่างช้าๆ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยวราวกับงูพิษแทน แต่ก็ยังคลี่ยิ้มได้อย่างทันท่วงที พร้อมกับก้าวเดินอย่างรวดเร็ว “เสด็จพี่ ท่านกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว”

ซือถูเย้นหยุดย่างก้าว จากนั้นก็ชำเลืองมองไปทางเขา “เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”

“ใช่นะสิ น้องกลับมาแล้ว” อ๋องหนานหวยมองไปทางเขาด้วยความยินดีปรีดาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับว่าการกลับมาอย่างปลอดภัยของเขา จะเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนักของเขา

เหลียงไถ่ฝู้มองไปทางซือถูเย้น ตลอดชีวิตนี้ไม่เคยทำเหมือนอย่างตอนนี้มาก่อน ยินดีปรีดาให้กับการปรากฏตัวของซือถูเย้น

ฮองเฮาก็เป็นเช่นนี้ นางถอนหายใจออกมายาวๆ

ถึงแม้ว่าเมื่อซือถูเย้นกลับมาจะทำให้แผนการในช่วงเวลานี้ของนางคว้าน้ำเหลวก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าที่อำนาจผู้ดูแลประเทศตกไปอยู่ในมือของอ๋องหนานหวย เพราะซือถูเย้นไม่ได้แสดงออกถึงความแสวงหาต่อบังลลังก์กษัติย์แต่อย่างใด

แต่ นี่เป็นเพียงความคิดที่แวบเข้ามาในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น การกลับมาของซือถูเย้น บ่งชี้ถึงจุดจบของรูปแบบของสามทหารเสือ นี่เป็นการแยกส่วนที่ยากยิ่งกว่าเมื่อครั้งต่อกรกับอ๋องซื่อเจิ้งไปก่อนหน้านั้น

แต่ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้ว

อ๋องซื่อเจิ้งยังไม่สิ้นพะชนม์ หลักฐานของอ๋องหนานหวยเมื่อสักครู่ก็ยังไม่เป็นจริง สิ่งที่เรียกว่าที่ตกอยู่ในมือของฮองไทเฮา ย่อมไม่มีทางปล่อยออกมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ซือถูเย้นรู้ถึงความสัมพันธ์ ในเวลานี้จึงไม่ได้พูดจาไร้สาระเกินไปแต่อย่างใด ดังนั้น จดหมายฉบับนี้จึงไม่สามารถเปิดออกได้

เมื่อหลิงหลงฮูหยินเห็นหลี่โม่จึงได้ตะโกนร้องไปออกไปว่า “เป็นไปไม่ได้ นางยังไม่ตาย?”

เมื่อคนจำนวนมากได้ยินก็ล้วนแล้วแต่มองไปทางหลิงหลงฮูกหยินด้วยความแปลกใจกันทั้งนั้น คำพูดนี้ช่างไม่เหมาะสมมากเสียจริง

เมื่อหลี่โม่ได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่มองนาง แต่กลับมองไปทางหลี่ซื่อที่อยู่ข้างกายของนาง จากนั้นก็พยักหน้าไปทางหลี่ซื่อเล็กน้อย

ราวกับว่าหลี่ซื่อจะรู้ก่อนแล้วว่านางปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไร จึงไม่ได้แสดงออกถึงความตกใจมากมายนัก นอกจากยิ้มแล้วพยักหน้าไปทางนาง

คนเหล่านั้นต่างก็พากันเดินขึ้นหน้าไปแสดงความเคารพต่อฮองไทเฮา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความตื่นเต้นของฮองไทเฮา ได้ดึงมือของซือถูเย้นไว้ “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว”

ซือถูเย้นมองไปทางหลี่โม่ด้วยสายตาลึกซึ้ง “มีความช่วยเหลือของพระสนม แม้จะไม่สามารถเข้าไปยังตำหนักของฮ่องเต้ได้ทันท่วงทีไม่ได้ ”

ฮองไทเฮามองไปทางเขาด้วยความประหลาดใจ และมองไปทางหลี่โม่อีกครั้ง ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ดูเหมือนว่า ไทเฮามักจะทรงเอ๋ยถึงหลี่โม่ไว้ในจดหมายอยู่เสมอ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด

ซือถูเย้นประคองไทเฮานั่งลง จากนั้นก็สะบัดชายเสื้อแล้วหมุนตัวกลับมา เขาที่อยู่เหนือขึ้นไป ดั่งเทพเจ้าลงมาประทับ สร้างภัยคุกคามไม่น้อย

เหล่าขุนนางต่างพากันคุกเข่าทำความเคารพ “ขอถวายบังคมท่านอ๋องซื่อเจิ้งพะยะคะ”

ซือถูเย้นกวาดตามองไปทางทุกคน สุดท้ายก็มาตกอยู่บนใบหน้าของเหลียงไถ่ฝู้ ซึ่งเหลียงไถ่ฝู้อยู่ในฐานะราชนิกุล จึงไม่จำเป็นต้องคุกเข่าทำความเคารพท่านอ๋องที่มีอำนาจฮ่องเต้ดำเนินการผู้นี้ เพียงแค่โน้มตัวพอเป็นพิธีเท่านั้น

เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาทั้งสี่ประสานกัน นี่เป็นความพ่ายแพ้ต่ออ๋องซื่อเจิ้งเป็นครั้งแรกของเหลียงไถ้ฝู้ เมื่อเห็นดวงตาทั้งสองข้าง ก็ก้มหน้าลงไปต่อ

แต่ หลายปีที่ไร้ซึ่งความรักความเมตตา กลับกลายเป็นความเกลียดชัง คนที่แข็งแกร่งอาฆาตพยาบาทสร้างภัยคุกคามที่แฝงอยู่ในแก่ตัวเอง

หากไม่ใช่เพราะเขามีประโยน์ ก็คงจะถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้ว

อ๋องหนานหวยเองก็นั่งลงเช่นเดียวกัน เขาไม่ได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา ราวกับว่าเขาไม่เคยต้องการตำแหน่งผู้ดูแลประเทศอย่างไรอย่างนั้น

วินาทีที่หมุยเฟยเห็นซือถูเย้นกลับมา นางจึงได้วางใจลง

อย่างน้อย ก็เพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอดต่อไปชั่วคราว

นางมองไปทางหลี่โม่ พร้อมกับก่อเกิดความรู้สึกคิดเล็กคิดน้อยอยู่ภายในใจ

จากนั้นก็ชำเลืองมองไปทางอี๋เฟยแวบหนึ่งด้วยจิตใต้สำนึก ใบหน้าของอี๋เฟยแสดงความเคร่งขรึมออกมา แต่นัยน์ตากลับแสดงฉายแววโกรธเคืองออกมา เสี้ยหลี่โม่รู้ความลับของนาง นางต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเสี้ยหลี่โม่ เมื่อหมุยเฟยคิดได้เช่นนี้ นางก็สามารถตัดสินใจเส้นทางเดินของตัวเองภายในใจ

หลังจากที่ซือถูเย้นและหลี่โม่นั่งลง ก็ได้มองไปทางอ๋องฉี สีหน้าเย็นชาค่อยๆเก็บอาการลง มุมปากกระตุกรอยยิ้มออกมา “อ๋องฉี ข้าเฝ้ารอให้เจ้าเข้ามายังแคว้นจิง เฝ้ารออยู่นานมากทีเดียว”

อ๋องฉีพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆว่า :“อ๋องซื่อเจิ้ง เมื่อข้าเห็นเจ้า ในใจจึงเกิดความมั่นใจขึ้นมาทันใด สัญญาฉบับนี้ เจ้าต้องเป็นผู้ลงนาม เปิ่นวางจึงจะวางใจ”

ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยการแสร้งทำเป็นไม่รู้ :“อ๋องฉี ข้าไม่อยู่ สนธิสัญญาของแคว้นเป่ยม่อยังคงดำเนินต่อไปอย่างแน่นอน ทั้งสองประเทศเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน คอยอุ้มชูสนับสนุนความเจริญของทั้งสองประเทศ เป็นนโยบายระหว่างประเทศที่ดีมากทีเดียว สัญญาฉบับนี้ล้วนแล้วแต่เหมือนกัน ความหมายไม่เปลี่ยน มุ่งเน้นความยุติธรรมและการพัฒนา”

ในตอนที่เขาพูดออกมา เขาก็ได้หันไปมองยังองค์รัชทายาทเล็กน้อย วันนี้องค์รัชทายาทดูเหม่อลอย เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของเขา ก็รีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยขึ้นมามองเขา

อ๋องฉีพยักหน้า จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงซาบซึ้งว่า “ใช่ ใช่ นโยบายประเทศเหมาะสม สมควรยืนหยัดต่อไป”

ซือถูเย้นชี้ไปทางนักฆ่าสองสามคนเหล่านั้น ก่อนถามขึ้น: “เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านั้น? ทำไมถึงได้คุกเข่าอยู่ที่นี่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม