ตอนที่ 116 ลงมือกะทันหัน
เมื่อรถม้าเดินทางมาถึง ก็เห็นรถม้าของซือถูจิ้งจอดอยู่ ทหารองครักษ์จอดรถม้าก่อนจะเข้าไปถามองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างรถม้าของซือถูจิ้ง
องครักษ์ตอบไปว่าองค์หญิงอยู่ด้านใน จากนั้นเขาก็เปิดผ้าม่านออกแล้วพูดอย่างเคารพว่า "ฝ่าบาท องค์หญิงใหญ่อยู่ด้านในพ่ะย่ะค่ะ"
องครักษ์สองประคององค์รัชทายาทลงมาจากรถม้า
ลงมือแค่สามสิบไม้นับว่ายังลงมือเบาอยู่ หากเปลี่ยนเป็นทหารในกองทัพ สามสิบไม้คงทำให้เขาพิการได้เลยกระมัง
ทหารองครักษ์ในวังหลวงยังลงมือไม่หนักเท่าไหร่ เพียงแต่องค์รัชทายาทผู้นี้ ตั้งแต่เล็กไม่เคยได้รับความลำบาก เรียนวิชาการต่อสู้ก็แค่หมัดเท้าปักบุปผาเท่านั้น ดังนั้นจึงสลบไปเพราะทนความเจ็บปวดไม่ไหวตอนถูกตี
เดิมทีเขาต้องพักรักษาตัวอยู่ในตำหนัก แต่ฮองเฮารีบส่งตัวเขาออกจากไปวังไปที่จวนเหลียงไถ้ฝู้ องค์รัชทายาทได้รับบาดเจ็บหนัก ในฐานะองค์รัชทายาท หากไม่ออกหน้าเอาใจเหล่าขุนหน้า อาจเป็นเหตุให้เหล่าขุนนางพวกนั้นเอาใจออกหากได้ ดังนั้นถึงแม้ฮองเฮาจะสงสารเขา แต่ก็ต้องส่งเขาออกจากวังทั้งที่ยังบาดเจ็บ เพื่อรักษาใจของพรรคพวกองค์รัชทายาทให้มั่นคง
เพียงแต่ฮองเฮาจะคิดถึงได้อย่างไรว่า เขาจะไม่ไปทำเรื่องที่ต้องทำ กลับเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ในจวนเฉิงเสี้ยงอีก
เจ้าของร้านยาเห็นองค์หญิงท่านหนึ่งมาแล้ว ต่อมาก็ยังเป็นองค์รัชทายาทมาอีก จึงรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก รีบไปปลุกคนในร้านให้คอยมารับใช้ อีกทั้งยังเอาน้ำชาทั้งหมดในร้านมาต้อนรับ หลังจากนั้นก็ถอยออกไปคอยรับใช้อยู่มุมมุมหนึ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ และไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องที่โชคดีหรือโชคร้าย
หลี่ซื่อที่อยู่ด้านในได้ยินเสียงเข้า ก็ดึงหลีโม่เอาไว้ แล้วพูดกำชับว่า "อย่าแผลงฤกธิ์อะไรเด็ดขาด"
หลีโม่ตอบเบาๆ ว่า "ท่านแม่วางใจเถอะ ข้ารู้ความเหมาะสมดี"
หลี่ซื่อพูดอีกว่า "องค์หญิงเพคะ ดูแลตัวเองดีๆ นะเพคะ"
ซือถูจิ้งพูดว่า "ฮูหยินโปรดวางใจ ตอนนี้ในราชสำนักไม่มีผู้ใดกล้ารังแกข้าแล้วล่ะ"
จากนั้นทั้งสองคนก็ออกไปพร้อมกัน สายตาของหลีโม่มองไปที่องค์รัชทายาทก่อนจะมองไปที่หลิงหลงฮูหยินและเสี้ยโล่เยว่ที่อยู่ด้านหลังองค์รัชทายาท
"บังอาจ เห็นข้าแล้วเหตุใดถึงไม่คุกเข่าลง?" รัชทายาทเห็นเสี้ยหลีโม่ จึงพูดตำหนิออกมาก่อน
หลีโม่ดึงสายตากลับมา แล้วทำความเคารพตามพิธี "เสี้ยหลีโม่ถวายบังคมองค์รัชทายาท"
ซือถูจิ้งดึงมือของหลีโม่ให้ลุกขึ้นมา แล้วมองไปที่องค์รัชทายาทช้าๆ "องค์รัชทายาทวางอำนาจบาตรใหญ่เสียจริง ไม่ทราบว่าเห็นข้าที่เป็นกูไหน่ไนของเจ้าหรือไม่ องค์รัชทายาทจะคุกเข่าถวายบังคมหรือไม่?"
องค์รัชทายาทก็เหมือนเพิ่งสังเกตเห็นซือถูจิ้ง สีหน้าที่เย่อหยิ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย "ที่แท้จู่กูกูก็อยู่ที่นี่ด้วย ข้าไม่คิดว่าเสี้ยหลีโม่จะบังอาจสั่งให้คนไปขวางรถม้าของจวนเฉิงเสี้ยง ที่ด้านในนั้นเป็นพระชายาในอนาคตขององค์รัชทายาท"
ซือถูจิ้งไม่พูดอะไร แต่หันไปมองหลิงหลงฮูหยินกับเสี้ยโล่เยว่ด้วยสาตาดุดัน
หลิงหลงฮูหยินกับเสี้ยโล่เยว่ขึ้นหน้ามาถวายบังคม พวกนางย่อตัวลงเล็กน้อย "ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่"
"คุกเข่าลง" ซือถูจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ใครเป็นคนสอนเรื่องกฎเกณฑ์ให้กับเจ้า"
หลิงหลงฮูหยินที่มีสีหน้าหวาดกลัว ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสี้ยโล่เยว่ก็เดินขึ้นหน้ามาพูดว่า "องค์หญิงเพคะ ที่นี่ก็ไม่ใช่วังหลวง อีกทั้งหม่อมฉันก็ได้รับพระประสงค์ของฮองเฮาให้อภิเษกกับองค์รัชทายาท ตามกฎระเบียบแล้ว หม่อมฉันไม่จำเป็นต้องคุกเข่าถวายบังคม"
ซือถูจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ใครสอนเรื่องกฎระเบียบข้อนี้ให้กับเจ้า จวนเฉิงเสี้ยงที่ร่ำรวยสง่าผ่าเผย สอนกฎระเบียบที่ราวกับไร้การศึกษาเช่นนี้ จะไม่ต่ำต้อยเกินไปหน่อยหรือ? อย่าว่าแต่ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้เป็นพระชายาขององค์รัชทายาทเลย แม้เจ้าแต่งงานกับองค์รัชทายาทแล้ว เมื่อเห็นองค์หญิงเจิ้นโก๋ เจ้าก็ยังต้องคุกเข่าถวายบังคม แม้แต่แม่สามีในอนาคตของเจ้า ฮองเฮาที่ว่าสูงส่งนัก ก็ยังต้องเรียกข้าด้วยความเคารพว่าหวงกูกู"
เสี้ยโล่เยว่ตะลึงไปเล็กน้อย ความจริงแล้วพิธีการของพระราชวัง นางไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไร รู้เพียงแค่ว่าพระชายาขององค์รัชทายาทก็คือฮองเฮาในอนาคต เป็นหญิงสาวที่มีเกียรติสูงสุดในใต้หล้านี้ และไม่ต้องถวายบังคมองค์หญิงด้วยซ้ำ
ซือถูจิ้งพูดเสียงเคร่งขรึมว่า "ยังไม่คุกเข่าอีกหรือ?"
ดังนั้นนางจึงสั่งให้ทหารเก็บดาบกลับไป สั่งว่า “ถอยออกไปให้หมด”
ประโยคนี้ฟังแล้วช่างเด็ดขาดจริงๆ อีกทั้งสีหน้าของนางระหว่างที่พูดก็นิ่งแข็งดุจหินผา
ท่าทางที่เคร่งขรึมขององค์หญิงเจิ้นโก๋ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก
นางยังมองไปที่หลีโม่ แววตาของหลีโม่ดุดันมาก อีกมือหนึ่งของนางก็กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมา นางคิดไว้แล้วว่าหลีโม่จะชิงลงมือก่อน เพราะว่าหากองค์รัชทายาทออกหน้าไต่สวนเรื่องนี้ ก็เท่ากับว่าดึงองค์หญิงเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ผลสุดท้ายก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา
หลีโม่ไม่อยากลากนางลงเหวไปด้วย ดังนั้นจึงตัดสินใจทำเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ในฐานะที่เคยเป็นหมอของทหาร นางรู้ว่าต้องลงมือน้ำหนักเท่าไหร่ การปะทะชนในครั้งนี้ ทำให้หลิงหลงฮูหยินล้มลงไปนอนกองกับพื้น หน้าผากของนางก็มีเลือดไหลออกมาไม่รู้
ทำให้เสี้ยโล่เยว่กับองค์รัชทายาทตกใจสุดขีด องค์รัชทายาทจะคิดถึงได้อย่างไรว่านางจะกล้าทำร้ายคนต่อหน้าเขา
อีกอย่างหลีโม่ยังไม่ยอมรามือง่ายๆ นางหยิบกริชเล่มนั้นออกมา แล้วพุ่งไปทางมือขวาของนาง
หลิงหลงฮูหยินร้องตะโกนอย่างน่าเวทนา เสี้ยโล่เยว่พุ่งเข้ามาราวกับคนบ้า ปากก็พูดพร่ำว่า “ข้าจะฆ่าเจ้าเสี้ยหลีโม่
องค์รัชทายาทเห็นแววตาที่ดุดันของเสี้ยหลีโม่” แล้วมองดูมือของนาง จึงตะโกนด้วยความตกใจว่า แย่แล้ว เสี้ยโล่เยว่ถอยไป แผลฉกรรจ์บนใบหน้าทำให้กลายเป็นสายธารของเลือด
เสี้ยโล่เยว่รู้สึกชาๆ ที่ใบหน้า แล้วก็รู้สึกว่าแก้มด้านซ้ายมันรู้สึกชิ้นๆ นางจึงยกมือขึ้นมาจับดู พอนางเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด นางก็ตกใจจนตาพร่าเลือนเป็นลมไปนอนลงกับพื้น
หลีโม่ใช้ผ้าเช็ดเลือกออกจากกริช จึงพูดกับเจ้าของร้านยาด้วยใบหน้าไม่รู้สึกใดๆ “รบกวนท่านหมอช่วยห้ามเลือดให้พวกนางด้วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...