พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 117

ตอนที่ 117 เชิญศาล

คนในร้านยาเข้ามาห้ามเลือดให้หลิงหลงฮูหยินกับเสี้ยโล่เยว่ พวกนางต่างก็ตกใจจนหน้าซีด คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ดูบอบบาง อ่อนแอนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมขนาดนี้

องค์รัชทายาทเห็นเสี้ยหลีโม่กล้าทำร้ายคนถึงสองคนต่อหน้าเขา ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ จึงสั่งไปว่า “ทหารจับนางผู้หญิงชั่วร้ายผู้นี้

ซือถูจิ้งขึ้นหน้ามาก่อนจะพูดว่า “ข้าก็อยากจะรู้นักว่าใครมันกล้าเข้ามา”

หลีโม่กับซือถูจิ้งสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าไป

องค์รัชทายาทข่มกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ เดินขึ้นหน้ามาหนึ่งก้าว จ้องไปที่ซือถูจิ้งพร้อมพูดว่า “จู่กูกู ดูเหมือนท่านจะชอบเข้ามายุ่งกับเรื่องของชาวบ้านจริงๆ เลยนะ ท่านไตร่ตรองให้ดีๆ ล่วงเกินข้าแล้วมันไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรอก”

ซือถูจิ้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “องค์รัชทายาท เจ้าช่างประเมินตัวเจ้าสูงส่งเสียจริง พาคนของเจ้ากลับไปเถอะ ถ้าอยากจะแก้แค้นให้กับพระชายาในอนาคตของเจ้า ก็ไปฟ้องศาลเอานะ ให้ศาลเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เถอะ”

พูดจบ นางก็สั่งคนขับรถม้าว่า “คนที่อยู่ด้านนอก เตรียมตัวไปจวนเฉิงเสี้ยง”

องค์รัชทายาทขบฟันแน่นก่อนจะพูดว่า “ได้ พวกเราไปที่จวนเฉิงเสี้ยง ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง ทหาร ไปเชิญศาลมา”

องค์รัชทายาทไม่แม้แต่จะสนใจเสี้ยโล่เยว่ สนใจเพียงแค่อยากจะเอาชนะในเรื่องนี้เท่านั้น เสี้ยโล่เยว่ในตอนนี้ได้เสียโฉมไปแล้ว อีกทั้งเมื่อครู่นี้การมองใบหน้าของนาง ก็ทำให้เขารู้สึกรังเกียจขึ้นมา เขาไม่อยากเห็นหน้าของนางอีกต่อไปแล้ว

คนในร้านยาห้ามเลือดให้เสี้ยโล่เยว่กับหลิงหลงฮูหยินเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้าออก มองดูแล้วโหดร้ายและน่ากลัวยิ่งนัก

เสี้ยโล่เยว่ฟื้นขึ้นมาแล้ว พูดกับองค์รัชทายาทด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “ฝ่าบาท ท่านจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้พวกเราด้วยนะเพคะ”

พูดจบนางก็เดินเข้าไปใกล้

องค์รัชทายาทตกใจจนถอยออกไป โบกมือไล่แล้วพูดด้วยความรังเกียจว่า “เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าเอาเลือดมาเปื้อนตัวข้า”

สีหน้าของเสี้ยโล่เยว่ซีดขาว มองด้วยสายตาเหลือเชื่อ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ฝ่าบาททรงพูดอะไรเพคะ?”

องค์รัชทายาทกวักมือเรียกองครักษ์ “พาข้าขึ้นรถม้าที แล้วก็ส่งพวกนางขึ้นรถม้าของตัวเองกลับจวนตระกูลเฉิงเสี้ยง”

“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์รีบประคององค์รัชทายาทออกไป แทบจะหามองค์รัชทายาทขึ้นรถม้ากันเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง หลีโม่ก็ประคองหลี่ซื่อออกมาแล้ว หลี่ซื่อรู้สึกเวียนหัวมากจึงพิงไปกับตัวของหลีโม่ อีกทั้งนางมองไม่เห็น จึงต้องก้าวเท้าเดินไปเรื่อยๆ ตามหลีโม่

เสี้ยโล่เยว่เห็นหลีโม่กับหลี่ซื่อ ความเจ็บแค้นก็พุ่งขึ้นมาเต็มหัวใจ อยากจะพุ่งเข้าไป แต่เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของหลีโม่ ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา จึงด่าว่า “เจ้ามันคนสารเลว รอให้กลับถึงจวนก่อนเถอะ ข้าจะให้ท่านพ่อจัดการเจ้า เจ้าทำลายชีวิตของเจ้าเองนะ”

หลีโม่ทำราวกับไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ประคองหลี่ซื่อเดินออกไป แต่สีหน้ายังคงเย็นชาดังเดิม

หมอกำลังประคองหลิงหลงฮูหยินให้ลุกขึ้นมา ตอนนี้นางเวียนหัวมาก เวียนหัวจนแทบจะลุกไม่ไหว ผมที่ชุ่มไปด้วยเลือดปกคลุมศีรษะของนาง ทำให้การมองเห็นถูกบดบังไปเล็กน้อย นิ้วก้อยของนางขาดออกไปแล้ว ไม่สามารถต่อมันกลับเข้ามาได้อีก หมอใช้ผ้าห่อรัดพันเอาไว้ ใส่แผลห้ามเลือดไปแล้ว แม้จะเป็นการห้ามเลือดเพียงชั่วคราว แต่ก็ถือว่าจัดการได้แล้วระดับหนึ่ง

นางจ้องไปที่หลีโม่ หลังจากที่ใบหน้าของนางถูกปกคลุมไปด้วยผมที่เปื้อนเลือด ภายในแสงไฟที่มืดสลัว นางราวกับผีร้ายในยามค่ำคืนก็ไม่ปาน นางกัดฟันพูดออกมาประโยคหนึ่ง “หลี่ชุ่ยยู่ เสี้ยหลีโม่ พวกเจ้าคอยดูเถอะ”

ถึงแม้นางจะพูดเช่นนี้ แต่จริงๆ แล้ว นางตกใจแทบแย่

นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสี้ยหลีโม่ถึงได้เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมร้ายกาจขนาดนี้ ตอนที่นางถูอกริชนั่นพุ่งเข้ามา แต่ตาก็ยังไม่ได้กะพริบ แววตาที่โหดร้ายนั่น ทำให้นางคิดว่ากำลังเจอกับผีร้ายที่ผุดขึ้นมาจากนรกก็ไม่ปาน

นางรู้สึกหวาดกลัวมาก ในที่สุดนางก็รู้สึกว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลีโม่อีกต่อไป

“ไม่ใช่เพคะ” หลีโม่เช็ดกริชเสร็จแล้ว จากนั้นก็มองไปที่ซือถูจิ้ง แววตาก็เปล่งประกายราวกับแสงคบเพลิง “คนที่ไม่เสียดายชีวิต กับคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ต่างหากล่ะที่น่ากลัวที่สุด เมื่อกี้นี้องครักษ์ขององค์รัชทายาทมีไม่เยอะ อีกทั้งยังมีสองคนที่ต้องประคองเขาเอาไว้ ถ้าข้าไม่ได้ทำท่าทางที่โหดร้ายออกมา ก็คงทำให้พวกเขากลัวไม่ได้ อีกอย่างที่ข้ากล้าลงมือเช่นนี้ หนึ่งคือกริชในมือของข้าเป็นของฮ่องเต้องค์ก่อน ข้อสองเพราะองค์หญิงอยู่ด้วย ไม่มีใครไม่ยำเกรง หากไม่มีสองอย่างนี้ ต่อให้ข้าโหดเหี้ยมเพียงใด พวกเขาก็ไม่กลัว”

คนที่ไม่เสียดายชีวิต ถึงแม้มีเพียงมีดบางๆ เล่มเดียว แต่ถ้าโหดเหี้ยมเหมือนหมาบ้าก็สามารถฆ่าคนได้หลายคน

คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ในมือมีอำนาจบารมี เขาสามารถสั่งให้เจ้าอยู่ก็ได้ตายก็ได้ องค์รัชทายาทเป็นคนมียศถาบรรดาศักดิ์ แต่ก็สู้อำนาจของอ๋องซื่อเจิ้งไม่ได้

ดังนั้น มีเพียงสองอย่างอยู่ในมือ นางจึงกล้ารวบรวมพลังทั้งหมดที่มีพุ่งเข้าไป

ซือถูจิ้งพยักหน้า “เจ้าอย่าเพิ่งดีใจไป พอเจ้ากลับจวนเฉิงเสี้ยงแล้ว เมื่อเรื่องของศาลเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้ว เรื่องมันก็จะไม่ง่ายขนาดนั้น ไม่ใช่บอกว่าเจ้ามีนิสัยดุร้ายแล้วผู้พิพากษาจะถอยให้เจ้า เมื่อรับคดีมาแล้ว ศาลก็ต้องเขียนบันทึกลงในแฟ้มคดี แม้แต่เจ้าเจ็ดก็ช่วยเจ้าไม่ได้ มีหลายคนที่เห็นเจ้าลงมือกับพวกนาง เจ้าอาจจะไม่ได้เป็นอิสระขนาดนั้น”

เมื่อครู่นางบอกให้องค์รัชทายาทไปฟ้องศาล มันเป็นเพียงคำพูดขู่เท่านั้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าองค์รัชทายาทจะสั่งให้คนไปหาจริงๆ ซือถูจิ้งจึงรู้สึกเสียใจมาก รู้สึกว่าตนกำลังทำร้ายหลีโม่

หลีโม่หัวเราเบาๆ “คงต้องให้องค์หญิงช่วยแล้วเพคะ”

เมื่อครู่นี้จะต้องใช้ความโหดเหี้ยม แต่เมื่อเรื่องถึงศาล เราก็ต้องมีการวางแผนเอาไว้

ซือถูจิ้งพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่ว่าข้ากลัวว่ามันจะไม่สามารถช่วยเจ้าเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ได้”

หลีโม่ส่ายหน้า “ไม่ใช่ให้องค์หญิงเห็นแก่ความสัมพันธ์เพคะ เพียงแค่องค์หญิงบอกผู้พิพากษาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ก็พอเพคะ”

ซือถูจิ้ง “แต่ว่า เจ้าคิดว่าสองแม่ลูกนั่นจะยอมรับง่ายๆ หรือว่านางเป็นคนผลักฮูหยิน? พวกนางจะต้องพยายามปฏิเสธหัวชนฝาแน่ อีกอย่างองค์รัชทายาทสั่งให้คนไปที่ศาล จะต้องเป็นจิงจ้าวอิ้งใต้เท้าเหลียงแน่นอน จิงจ้าวอิ้งในตอนนี้ก็คือใต้เท้าเหลียง หลานชายของเหลียงไถ้ฝู้ ญาติขององค์รัชทายาท หากศาลได้รับจดหมายของหลิงหลงฮูหยินสองแม่ลูก บวกกับคนที่เห็นเจ้าลงมือทำร้ายพวกนาง เจ้าคงรอดจากคุกได้ไม่ง่าย”

หลี่ซื่อที่ฟังอยู่ตลอด ตอนนี้จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “องค์หญิง ตอนนี้หม่อมฉันยังเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนเฉิงเสี้ยง ภรรยาหลวงกับอนุภรรยาแบ่งแยกชัดเจน หากยังไม่มีหลักฐาน อย่างไรศาลก็ต้องไต่สวนหม่อมฉันก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม