พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 131

ตอนที่ 131 คุณหนูชุดแดง

หลีโม่พูดขึ้นเบาๆว่า “หลานยู้กูกูไม่จำเป็นต้องเสด็จหรอกเพคะ ไปก็ไม่มีประโยชน์ หม่อมฉันได้ส่งหยางมามาไปแทนแล้วเพคะ วันนี้ฮูหยินก็ล้วนแล้วแต่ไม่เสด็จกันทั้งนั้น นางต้องการแค่เพียงพักผ่อนอยู่ในห้องเท่านั้นเพคะ”

โอกาสเช่นนี้ในกาลข้างหน้า เสด็จแม่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วม ก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว ในเมื่อวันนี้ยืนหยัดว่าอยากให้นางมา ก็ไม่ต้องไปสนใจว่าจะมีการแสดงอะไรรออยู่?

การแสดงที่ดีนี้ จำเป็นต้องขึ้นแสดงด้วย แต่ผู้กำกับไม่สามารถแสดงเป็นนายหญิงได้ดีพอ จึงต้องเป็นนาง

นายหญิงแก่หรี่ตาลงมองหลีโม่ “ถ้าเช่นนั้น วันนี้เจ้าจะมาโวยวายใส่ข้าหรือ?”

หลีโม่ยิ้ม “หลีโม่มาตามความต้องการของนายหญิงแก่เพคะ ยังไงก็ต้องมาอวยพรวันเกิดให้นายหญิงแก่ไม่ใช่หรือเพคะ? หลีโม่ก็ขอให้นายหญิงแก่มีอายุยืนยาวเป็นหมื่นๆปี อายุมั่นขวัญยืนนะเพคะ”

“ในฐานะที่เป็นแม่ใหญ่ของตำหนัก วันนี้มีแขกมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นางก็ยังไม่ปรากฏออกมาอีก มันใช้ได้ที่ไหนกัน ?” นายหญิงแก่พูดขึ้นด้วยความเดือดดาล

หลีโม่มองไปทางหลิวซื่อ “บุตรชายของอารองไม่มาหรือเพคะ? นายหญิงสองสามท่านของอารองก็ไม่เห็นวี่แววเลย”

“บังอาจ” เมื่อหลิวซื่อได้ยินประโยคนี้ จึงได้พูดขึ้นด้วยแววตาโกรธเคืองว่า “พวกนางเป็นสนม บุตรของพวกนางก็เป็นลูกนางสนม จะมาเทียบเทียมกับเสด็จแม่ของเจ้าได้อย่างไร? หรือเจ้าจะบอกว่าเสด็จแม่ของเจ้าก็เป็นนางสนมเช่นกัน? ไม่ผิด ตอนนี้นางไม่ออกมาก็เท่ากับเป็นนางสนม นางต้องค้นหาด้วยตัวเองแล้วละ”

นางคิดว่าการใช้วิธีการนี้จะสร้างความอับอายให้แก่หลีโม่ได้ และทำให้หลีโม่รู้สึกลำบากใจมากยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรฮูหยินผู้ทรงสง่าและคุณหนูลูกภรรยาหลวงก็ถูกคนสร้างความอับอายกล่าวหาว่าเป็นนางสนมและลูกนางสนมอยู่แล้ว มันเป็นอะไรที่น่าอับอายขายหน้าอย่างยิ่งยวดเสียจริง

แต่หลีโม่ทำได้เพียงยิ้มออกมาบางๆ “เสด็จแม่ของหม่อมฉันทรงประทับอยู่ในตำหนัก ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นนางสนมแล้วอย่างนั้นหรือ? ไม่เพคะ นางสนมก็ล้วนแล้วแต่สู้ไม่ได้ทั้งนั้น เหล่าข้าหลวงชั้นผู้ใหญ่ก็ต่างพากันเหยียบย้ำรังแกอยู่เหนือศีรษะ นี่เป็นตำหนักที่ไร้ซึ่งกฎระเบียบอย่างยิ่ง พวกท่านยังไม่คุ้นชินอีกหรือ? ทำไมถึงได้แสดงท่าทางตื่นตระหนกตกใจเช่นนี้ละ?”

“เจ้าช่างโหดร้ายเสียจริง!” หลิวซื่อพูดขึ้นด้วยสายตาเหยียดหยาม

หลีโม่ยืนแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง โดยไม่พูดอะไรออกมาอีก

นายหญิงแก่ถอนหายใจออกมา ก่อนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ใช้หมี่ซั่วก่อน แล้วให้ข้าออกไปต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของวันนี้”

เมื่อหลิวซื่อเห็นว่านายหญิงแก่ก็ไม่ได้กล่าวคำใด จึงได้จ้องเขม็งไปทางหลีโม่ ถือซะว่ายกโทษให้นางชั่วคราวละกัน

หลังจากทานหมี่ซั่วแล้ว แขกผู้มีเกียรติก็เริ่มทยอยกันมาเรื่อยๆ

เที่ยงวันนี้ได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นภายในสวนดอกไม้แห่งนี้

เมื่อวานนี้เหล่านางในก็ต่างวิ่งวุ่นกันตลอดทั้งวัน เพื่อจัดแจงสวนดอกไม้ให้สวยสดงดงาม นอกจากนี้ก็ยังมีสายไฟห้อยระโยงระยางอยู่บนต้นไม้ ซึ่งบนสายไฟเหล่านั้นได้ติดอักขระอวยพรวันเกิดอีกด้วย ช่างงดงามวิจิตรตระกาลตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้จริง ๆ

สิ่งที่อยู่ ณ เบื้องหน้าสายตาของหลีโม่ในตอนนี้ เหมือนกับเรื่องตลกของเทพยาดาอย่างหนึ่ง เป็นดั่งที่เซียวโธ่พูดไว้จริง ๆ จวนเฉิงเสี้ยงไม่อยากเสียหน้า จึงได้ทำการจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่ในวันนี้อย่างใหญ่โต

บรรดาแขกเริ่มทยอยกันเดินทางมาถึงหน้าประตู หลีโม่ เสี้ยโล่เย่วและเสี้ยงฟางเอ๋อร์ต่างก็พากันไปต้อนรับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้ แต่แทบจะไม่มีใครสนใจหลีโม่เลยแต่อย่างใด เพราะ ชื่อเสียงเรียงนามของนางเหม็นเน่าที่สุดในเมืองปักกิ่ง เมื่อคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในเมืองปักกิ่ง แววตาที่มองไปทางหลีโม่ ก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ส่วนคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เหล่านี้เองก็รู้สึกว่า สมาพันธ์เช่นนี้จะต้องลุกขึ้นมาขับไล่นาง โจมตีนางอย่างแน่นอน

หลีโม่ตื่นตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมอง

ก็เห็นเพียงแค่หญิงสาวผู้สวมใส่ชุดคลุมสีแดงกำลังยืนเท้าสะเอวพร้อมกับชี้มือส่งเสียงด่าทอไปทางคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เหล่านั้น ท่าทางของนางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างมากทีเดียว คิ้วของนางดำเข้มยิ่งกว่าบุรุษ ดวงตากลมโตสดใสเต็มไปด้วยความโกรธเคือง ด่าจนหูดับตับไหม้และยังคงด่าไปอย่างต่อเนื่อง

“ที่เจ้าพูดว่ามีคนตั้งใจลงน้ำเพื่อหลอกล่อองครักษ์ไปทำเรื่องชั่วช้านั้น เจ้าเคยเห็นมากับตาอย่างนั้นหรือ? ไม่เห็นกับตาเจ้าพูดลอยๆขึ้นมาได้อย่างไร ? แล้วที่ข้าได้ยินมาว่าเจ้ายักคิ้วหลิ่วตากับพ่อค้าหาบเร่ เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? อย่างนั้นข้าก็สามารถเอาไปพูดกับคนอื่นได้เหมือนกันนะสิ?”

เสี้ยโล่เยว่ขมวดคิ้ว “คุณหนูเฉิน เจ้าก็ทำเกินไป เรายังไม่ได้พูดถึงเจ้าเลย แล้วเจ้าจะมาโวยวายอะไรมากมายเช่นนี้กันละ?”

แม่นางที่ถูกเรียกว่าคุณหนูเฉินได้หันหน้าไปมองเสี้ยวโล่เยว่ พร้อมกับพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้าคือเสี้ยโล่เยว่ใช่ไหม? เสี้ยหลีโม่คือพี่สาวของเจ้าไม่ใช่หรือ? มีคนมากมายรอบตัวเจ้าปลุกปั่นสร้างข่าวลือทำร้ายชื่อเสียงของพี่สาวเจ้า เจ้าไม่แก้ต่างเพื่อนางสักคำสักนิด แต่พอข้าพูดถึงผู้อื่นแค่คำเดียว เจ้าก็รีบแก้ต่างให้ทันที ไม่สนใจความสัมพันธ์ใกล้ชิด คนในครอบครัวเจ้าไม่แก้ต่าง แต่แก้ต่างให้ผู้อื่น แม้แต่สุนัขเจ้าก็เทียบเทียมไม่ได้"

“เจ้า....” เสียโล่เยว่ไม่เคยถูกคนด่าเสียๆหายๆเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งเสียงของคุณหนูเฉินก็ค่อนข้างดังเป็นพิเศษด้วย ยั่วเย้าให้คนรอบๆตัวต่างพากันหันมามอง “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ จวนเฉิงเสี้ยงไม่ต้อนรับเจ้า เชิญ!”

“เจ้าเป็นเจ้าของหรือ? หากเจ้าเป็นเจ้าของจวนเฉิงเสี้ยง ข้าก็ไม่อยากจะมานักหรอก มีอย่างที่ไหนกัน? เจ้ายืนนินทาจอแจคุยเรื่องพี่สาวของตัวเองกับพวกนาง ในสายตาของข้า เจ้าก็เป็นนกเหมือนพวกนางไม่ต่างกัน ยุให้รำตำให้รั่ว ก่อกำแพงฉาบฉวยเอาหน้า เป็นคนเหลวแหลกไร้สาระ!”

ตลอดชีวิตนี้หลีโม่ไม่เคยได้ยินใครพูดคำสกปรกได้ไพเราะเสนาะหูเช่นนี้มาก่อน นางอดที่จะลุกขึ้นปรบมือไม่ได้

นางมองไปทางคุณหนูเฉิน นางด่าจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด คิ้วหนาสีดำก็ขมวดเข้าหากัน ใบหน้ารูปไข่แสดงความโกรธเคืองไม่เสื่อมคลาย ใบหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าชุดคลุมสีแดงที่สวมใส่อยู่บนตัวเสียอีก เสียงประทัดก็มิอาจหยุดเสียงด่าทอได้แต่อย่างใด เผ็ดร้อนดั่งพริกเม็ดแดงอย่างไรอย่างนั้น

“องครักษ์ พานางออกไป !” เสี้ยโล่เยว่พาลโกรธ ทำการขับไล่คนต่อหน้าแขกผู้มีเกียรติเป็นจำนวนมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม