ตอนที่ 137 ความวุ่นวายยกใหญ่
หลานหยู้กูกูรุดหน้าเพื่อที่ผลักประตูห้องพักเข้าไป แต่กลับพบว่าประตูนั้นถูกล็อกจากด้านใน
หลานหยู้กูกูตื่นตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพูดกับนายหญิงว่า “นายหญิงแก่ ประตูห้องนี้ล็อกอยู่ มีคนอยู่ข้างใน”
นายหญิงแก่พูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ? ปกติแล้วห้องพักนี้ไม่มีคนเลยนะ”
“หรือว่าฮูหยินจะประทับอยู่ข้างใน?” หลานหยู้กูกูคาดเดา
หลิงหลงฮูหยินและเสี้ยโล่เยว่เองก็พาเหล่าหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเข้ามาที่นี่ เมื่อเสี้ยโล่เยว่ได้คนพูดถึงหลี่ซื่อว่าอาจจะอยู่ข้างใน จึงได้หมุนตัวกลับไปสอบถามซู่หยู้ว่า “มันเกิดอะไรขึ้น? ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าฮูหยินได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ยังไม่ค่อยติดตามนางมาดีๆอีก”
ซู่หยู้พูดขึ้นอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “คุณหนูรอง ฮูหยินทรงบอกว่าอากาศนั้นจะค่อนข้างหนาว จึงให้หม่อมฉันนำเสื้อคลุมตัวนอกมาด้วยเพคะ”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไม่สามารถให้นางอยู่ที่นี่ไว้เพียงลำพังได้นะสิ” เสี้ยโล่เยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
ซู่หยู้พูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เพียงลำพังหรอกเพคะ เฉินเอ้อก็ประทับอยู่ด้วย ฮูหยินก็ต่างรู้จักกับเฉินเอ้อมาเนิ่นนานหลายปี เฉินเอ้อก็มายังลานเสี้ยจื้ออยู่บ่อยครั้ง เหมือนกับเสี้ยฉวนผู้ดูแลบ้าน ดังนั้นหม่อมฉันจึงขอร้องเฉินเอ้อช่วยดูแลฮูหยินก่อน หม่อมฉันจึงไปนำเสื้อคลุม”
เมื่อเสี้ยฟางเอ๋อร์ได้ยิน ก็พูดขึ้นด้วยความใคร่สงสัยว่า “ดวงอาทิตย์ในวันนี้ก็ช่างใหญ่โต นางยังรู้สึกหนาวหรือ? ช่างน่าแปลกใจเสียจริง ในฐานะที่เจ้าเป็นนางในติดตัวนาง ทำไมไม่ให้เฉินเอ้อไปนำเสื้อคลุมมาให้ แต่กลับทิ้งให้ป้าสะใภ้ใหญ่อยู่เพียงลำพังกับบุรุษตามลำพัง ใช้ได้ที่ไหนกัน ? ”
ด้านนั้น เฉิงเสี้ยงเสี้ยก็พาอาเสี้ยรองและอ๋องเหลียงเข้ามา
เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกนาง สีหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยก็เคร่งขรึมขึ้นทันใด “ช่างเถอะ ให้นางพักผ่อนอยู่ในนั้นแหละ เราไปกันเถอะ”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยรีบร้อนให้ทุกคนออกไป แต่กลับทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยขึ้นภายในใจ
หลี่ซื่อก็สูญเสียการมองเห็น ถูกล็อกอยู่ภายในห้องพัก เขากลับไม่มีคำสั่งให้เปิดประตูแต่อย่างใด แล้วยังให้ทุกคนออกไปอีก ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายในอย่างแน่นอน?
อาเสี้ยรองกลับพูดออกไปว่า “ พี่สะใภ้อยู่ข้างในใช่ไหม? รีบเปิดประตูเร็ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีโจรเข้าไปทำมิดีมิร้ายก็ได้?”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยพูดน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ไม่ต้อง ไปกันเถอะ ไปกันให้หมดเลย”
เขาเดินเข้ามาไล่ต้อนคนให้เดินออกไปอย่างหยาบคาย ซึ่งแตกต่างกว่าปกติที่เขาเป็นมากทีเดียว ถึงขึ้นผิดปกติเลยทีเดียว
เมื่ออ๋องเหลียงหันกลับไป ก็เห็นหลีโม่และเฉินหลิ่วหลิ่วยืนอยู่ใต้ต้นหลิวข้างริมแม่น้ำ นางกระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
อ๋องเหลียงจึงได้แต่ยิ้มออกมาเงียบไป ก่อนพูดออกไปว่า “องครักษ์ มาเปิดประตูสิ!”
อ๋องเหลียงออกคำสั่ง องครักษ์ก็ต่างรุดหน้ากันเข้ามา เตรียมพร้อมกับทุบประตูเข้าไป
หลิงหลงฮูหยินและเสี้ยโล่เยว่มองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความลำพองใจ
เสี้ยฟางเอ๋อร์รู้แผนการมาจากเสี้ยโล่เยว่ จึงเฝ้ารอคอยมากทีเดียว นางตามหาแม่ของแม่ตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก แต่กลับไม่พบนาง จึงอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้
เมื่อประตูถูกองครักษ์ทุบจนเปิดออก ก็มีคนพุ่งนำเข้าไปข้างในทันที
ซู่หยู้จึงรีบพุ่งเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อนเช่นกัน พร้อมกับตะโกนร้องเรียกว่า “ ฮูหยิน ฮูหยินเพคะ!”
เมื่อแขกทุกคนถอยออกกันไปแล้ว สวนดอกไม้ขนาดใหญ่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยศีรษะคนสุดลูกหูลูกตาส่วนใหญ่เฝ้ารอดูความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น
ตระกูลสูงส่งที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูเหล่านี้ เป็นลูกหลานของครอบครัวตระกูลขุนนางที่ชอบคนทะเลาะตบตีเป็นที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวอื้อฉาว ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนกับแมวเหมียวที่ได้กลิ่นปลา เฝ้ารอไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
เมื่อทั้งสองคนสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ถูกโยนออกมา ยังไม่ทันที่จะได้ถามไถ่ ภรรยาผู้หนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามา จากนั้นก็ทำการทุบตีเฉินเอ้อจนตาปูดหน้าบวม ฝ่ามือได้ทำการตบตีหลายต่อหลายครั้ง ตีไปพลางก็พูดด้วยความโกรธเคืองไปพลาง “เฉินเฮ้อ เจ้าละอายใจบ้างไหม ? เจ้าเคยสัญญากับข้าแล้ว ว่าจะตัดขาดความสัมพันธ์กับหลิวซื่อและเฉินหลิงหลง ข้าเพิ่งจะให้เจ้ายืมเงินจากพ่อแม่ข้า เจ้ากล้าหลอกข้าอีกหรือ? แล้วยังจะมาคลุกคลีกับคนต่ำช้าเช่นนี้อีก เจ้าไม่อายแต่ข้าอาย เจ้าเคยคิดที่จะทำเพื่อข้าเพื่อลูกบ้างไหม? ไม่ใช่เพราะเฉินหลิงหลงที่ให้กำเนิดลูกของเจ้า ข้าต่างหากที่เป็นผู้ให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้า เฉินเอ้อ ไหนๆเจ้าก็มีอายุขัยสั้นแล้ว ทำไมไม่ตายให้รู้แล้ว รู้รอดเลยละ!”
ภรรยาทุบตีไปพลางและด่าทอด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวไปพลาง อีกทั้งยังร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหลปะปนกัน ทุกคนมองไปทางนาง เพียงแค่รู้สึกว่านางโดนรังแกได้รับความไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด จนทำให้นางถึงได้ยั้งสติไว้ไม่อยู่
ส่วนคำพูดของนาง ที่เสียงดังโวยวายก็ดึงดูดคนในกลุ่มคนหันมาไม่น้อย
เสี้ยโล่เยว่พุ่งตรงไปเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ดึงนางไว้ ก่อนพูดด้วยความโกรธเคืองว่า “เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร ? หากข้าจะฉีกปากเจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
แม่หญิงที่กำลังอยู่ในอาการโกรธจึงได้ตบตีเฉินเอ้อจนเกิดอาการมึนงงโดยที่ไม่มีโอกาสจะได้พูด เมื่อเห็นเสี้ยโล่เยว่พุ่งตรงเข้ามารั้งนางที่กำลังโกรธ นางจึงได้เตะเข้าไปที่ท้องน้อยอย่างไม่คิดทันที “ข้าจะพูดจาไร้สาระหรือไม่ ก็คงต้องไปถามแม่นางที่ไม่รู้จักคำว่าไร้ยางอายผู้นั้น ในตอนที่นางออกเรือน คงจะรวบเอาพี่น้องของเจ้าไปเรียบร้อยแล้วมั้ง? เจ้าคิดว่าเจ้ามีเงินทองอยู่ในจวนเฉิวเสี้ยงแล้วจะดูสูงส่งหรือ? เจ้าก็เป็นแค่ลูกสาวของเฉินเอ้อที่ต่ำช้าเท่านั้นแหละ!”
ในวินาทีนั้น เฉิงเสี้ยงเสี้ยที่รู้สึกแค่เพียงเหมือนฟ้าถล่มลงมา สมองเหมือนกับถูกทุบจนแยกออก ความรู้สึกนึกคิดว่างเปล่า
นายหญิงแก่กลอกตาทั้งสองข้างไปมาด้วยความไม่สบอารมณ์ ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือด นางยื่นมือออกไป จากนั้นก็ชี้ไปทางนางผู้นั้น “ให้ข้า ... ไล่นางออกไปให้ข้าที!"
ข้ารับใช้ของขุนนางใหญ่รีบรุดหน้าเข้าไปดึงตัวของนางไว้ ซึ่งพลังกำลังของนางนั้นมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุดทีเดียว นางพุ่งไปยังตรงหน้าของหลิงหลงฮูหยิน ดวงตาแดงก่ำ พร้อมกับอ้าปากพูดออกไปด้วยความโกรธแค้นว่า “ทำไมเจ้าถึงได้ไม่มียางอายเช่นนี้? ในตอนแรกเจ้าทอดทิ้งเขาจนไร้ซึ่งอนาคต ไม่ออกเรือนกับเขาแต่เลือกจะไปออกเรือนกับเฉิงเสี้ยงเสี้ย ทำไมยังกลับมายุ่งเกี่ยวกับเขาอีก? หลายปีมานี้ เขาเอาแต่วิ่งเต้นไปยังจวนเฉิงเสี้ยงเพราะเจ้า เขาถึงได้ทิ้งตำหนักหลังนี้ไป ทำไมเจ้าถึงได้จิตใจอำมหิตเฉกเช่นนี้? ทุกคนล้วนเป็นหญิงสาว ทำไมถึงได้ทำให้ข้าเจ็บช้ำน้ำใจเช่นนี้? ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้?”
นางด่าพร้อมกับร่ำไห้ยกใหญ่ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปรุมทึ้งหลิงหลงฮูหยิน น่าสงสารจนยากที่จะพรรณนาออกมาได้ หลิงหลงฮูหยินรู้สึกแค่เพียงเหมือนมีปุยฝ้ายติดอยู่ในลำคออย่างไรอย่างนั้น ถึงอยากจะเอ๋ยปากอธิบายแต่ก็ไม่สามารถพูดอธิบายให้กระจ่างชัดออกมาได้ ทำไมนางถึงคิดไม่ออก เมื่อเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ดั่งที่นาเช่นนี้ ภรรยาที่เรียกว่าเฉินเอ้อผู้นี้ นางรู้มาโดยตลอด แต่เดิมที่ทั้งสองคนก็ไม่ได้แต่งงานกัน ทำได้เพียงอยู่กินกันฉันสามีภรรยา อยู่เพื่อให้กำเนิดบุตรก็เท่านั้น
“ไม่ ข้ากับเขาไม่ได้.........เขาเพียงแค่มาที่นี่เพราะมีธุระเท่านั้น .........” หลิงหลงฮูหยินสัมผัสได้ถึงแววตาที่ส่อถึงความโหดร้ายที่อยากจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อออกมาจากดวงตาของเฉิงเสี้ยงเสี้ย ส่งผลให้กลัวจนน้ำเสียงติดๆขัดๆไปในทันที ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงลง จนล้มลงไปบนพื้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...