พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 136

ตอนที่ 136 วางแผนไว้อย่างดี

หยางมามาตอบกลับไปด้วยเสียงเบาๆ “ฮูหยินเหนื่อยมากแล้ว เลยเข้าไปพักอยู่ด้านใน เจ้าอย่าเข้าไปรบกวนนางเลย”

กูกูพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าว่าจะไปขุดหน่อไม้ในป่าไผ่ จริงสิ ได้ยินมาว่าหยางมามาก็ชอบหน่อไม้เหมือนกัน ไปขุดให้ลานเสี้ยจื้อกันสักหัวดีไหม?”

หยางมามาหันกลับไปมองนาง แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “มีหน่อไม้ด้วยหรือ?”

“ใช่ เป็นหน่อไม้ที่รสชาติอร่อยมากด้วยละ ตอนนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว มามาเองก็ไปขุดด้วยกันสิ?” ชุ่ยยุ่นกูกูพูดขึ้น

หยางมามาชอบหน่อไม้มาก ในตอนที่นายหญิงเข้าวังไปทำความเคารพโดยที่ไม่ตั้งใจ นางชอบมาเป็นพิเศษ และเพื่อที่จะได้ลิ้มลอง จึงได้ไปขุดแถวภูเขาทางทิศใต้ด้วยตัวเอง

หยางมามาชำเลืองมองไปทางห้องพัก “เพียงแต่ว่า ฮูหยินก็ประทับอยู่ที่นี่ด้วย”

“ไม่มีใครมารบกวนฮูหยินหรอก ทุกคนต่างก็อยู่กันสวนดอกไม้ด้านหน้าด้วยกันทั้งนั้น” ชุ่ยยุ่นกูกูพูด

“งั้นก็ตามนั้น” หยางมามายืนขึ้นโดยไม่ลังเลทันใด

ชุ่ยยุ่นกูกูยิ้มพร้อมกับมองไปทางนาง จากนั้นก็เดินไปยังป่าไผ่ด้วยกันกับนาง มือขวาโบกสะบัดไปทางด้านหลัง เพื่อบอกให้องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของศาลาสองคนถอยออกไป

หากชุ่ยยุ่นกูกูไม่สามารถโน้มน้าวหยางมามาได้ ทั้งสองคนนี้ก็จะสามารถพานางไปอย่างรวดเร็ว นางเป็นคนของฮองเฮา นายหญิงแก่เลยคิดว่า ไม่จำเป็นใช้กำลังกับนาง

เมื่อองครักษ์ทั้งสองคนเดินออกไป ก่อนที่ทุกคนที่อยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลังจะเดินมา ที่นี่ช่างเงียบสงบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อผ่านไปเพียงชั่วครู่ หยางมามาก็ออกมาจากป่าไผ่ แต่มีแต่นางเพียงคนเดียวที่ออกมา

นางรีบกลับมาห้องพัก แล้วพาหลี่ซื่อไปหาเย็นเอ๋อร์ที่นั่งรออยู่ใต้ต้นหวู่ถง หลังจากนั้นนางก็หลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ แอบมองเรื่องราวทั้งหมดนี้

หลังจากผ่านเพียงชั่วครู่ ก็เห็นหลิวซื่อเดินเข้ามาเพียงลำพัง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธเคือง เมื่อมาถึงก็มองออกไปรอบๆทิศทาง แต่ก็ไม่พบเจอใครแม้แต่คนเดียว

หยางมามาจึงเดินออกมา “ฮูหยินรอง!”

หลิวซื่อมองพิจารณานางพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเป็นใคร ? ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อนเลย”

หยางมามายิ้มน้อยๆแล้วพูดว่า “ฮูหยินรอท่านอยู่ในห้องพักส่วนตัวเพคะ”

หลิวซื่อส่งเสียงหึออกมา “เจ้าคือหญิงแก่ของนางหรือ? ดี ข้าอยากจะฟังเหมือนกันว่าเจ้ารู้ความลับอะไรของข้า ถึงได้กล้ามาคุกคามข้าเช่นนี้”

นางสนมเมื่อสักครู่ผู้นั้นได้เดินเข้ามาข้างกายของนาง ก่อนจะหยุดลงที่ข้างหูของนาง เพื่อต้องการพูดความลับของนาง หากนางไม่ไป ก็จะนำเรื่องนี้ป่าวประกาศให้ทุกคนได้ทราบ

นางไม่กล้าที่จะไม่ไป เพราะนางยังมีความลับอยู่ แต่นางไม่เชื่อว่าหลี่ซื่อรู้ เรื่องนี้เดิมทีเคยเป็นความลับมาก นอกจากนางในที่อยู่กับนางแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่มีทางรู้ ดังนั้นนางจึงต้องลองหยั่งเชิงหลี่ซื่อด้วยการพูดในสิ่งที่เรียกว่าความลับ ว่ามันจะชี้ไปทิศทางนั้นหรือไม่

หลังจากที่หลิวซื่อเข้าไป หยางมามาก็หลบซ่อนตัวอีกครั้ง พร้อมกับมองไปทางเฉินเอ้อที่เดินมาจากภูเขาจำลอง เขามองสำรวจใบหน้าที่น่าเกลียดชิงชังนั้น

จากนั้นนางในผู้หนึ่งเดินเข้ามา แล้วพูดกับเขาประมาณสองสามประโยค เฉินเอ้อจึงเดินไปยังห้องพักส่วนตัว นางในผู้นี้ เป็นนางในที่คอยมารายงานข่าวคราวกับหลิวซื่อตลอด

ในขณะที่มองไปทางเฉินเอ้อที่กำลังเดินเข้าไปในห้องพัก นางในก็รีบออกไปจากรวดเร็วทันที

กลิ่นหอมรันจวนใจที่พัดผ่านคละคลุ้งอยู่ในอากาศ กลิ่นหอมที่น่าเย้ายวนใจ กลิ่นหอมที่ซ่อนปมเงื่อนอันน่าซับซ้อนนี้ ได้พัดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างของห้องพักส่วนตัว

หยางมามาชำเลืองมองไปด้วยความเย็นชา ก่อนเข้าไปภายในห้องพัก พวกเขาไม่สามารถเดินเข้าไปได้ง่ายดายขนาดนั้น

และในเวลาเดียวกัน เย็นเอ๋อร์จึงได้ทำการพาหลี่ซื่อนั้นกลับไปยังลานเสี้ยจื้อ ด้วยความรวดเร็ว ไม่นานก็พาภรรยาผู้มีรูปร่างสูงใหญ่ท่านหนึ่งเข้ามา

สวนดอกไม้ด้านหลังที่เงียบเหงาแห่งนี้เริ่มมีคนเดินเข้ามาเยี่ยมชม นายหญิงแก่ได้พาชุยไท่เฟยและนายหญิงแก่เฉินเข้ามาก่อน นายหญิงแก่มองไปทางห้องพักหลังนี้อย่างไม่สนใจ และไม่รีบร้อนพาคนเข้ามาแต่อย่างใด

“อะไรนะ?” นายหญิงแก่บันดาลโทสะขึ้นมาในทันใด “แล้วทำไมเจ้าถึงให้นางอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียว? ทำไมถึงไม่เห็นนาง”

เมื่อชุยไท่เฟยได้ยินคำพูดนี้ จึงได้ถามขึ้นว่า “ไม่เห็นนาง? หมายความว่าอย่างไร?”

“นางอาจจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นแล้ว วันนั้นก็เกิดการทะเลาะกับหลิงหลงในตอนที่ออกมาจากในวัง จนกระโดดลงจากรถม้าด้วยความโกรธเคือง ศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นไป” นายหญิงแก่เองก็จนปัญญา “เฮ้ นิสัยช่างเถรตรงเกินไปจริงๆ”

ชุยไท่เฟยไม่อยากฟังเรื่องเหล่านี้มากที่สุด “แต่เมื่อดูจากอายเจีย หญิงสาวประเภทนี้น่าจะต้องอบรมสักสอนสักหน่อย”

นายหญิงแก่หัวเราะออกมาด้วยความลำบากใจ “จะสั่งสอนก็ต้องรอให้นางดีขึ้นก่อนแล้วค่อยสั่งสอน ตอนนี้นางยังบาดเจ็บมากอยู่ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก จะไปพูดคุยกับเลขาฮ่องเต้ได้อย่างไร?”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น นางก็หมุนตัวไปทางทุกคน “ไปหารอบๆ ดูว่าฮูหยินอยู่ที่ไหน?”

“เพคะ!” บ่าวเหล่านั้นต่างก็พากันแยกย้ายออกไปทั่วสารทิศ เพื่อตามหาหลี่ซื่อ

นายหญิงแก่เฉินกลับพูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า “เรื่องที่ได้รับบาดเจ็บนี้ นางกระโดดลงมาจากรถม้าด้วยตัวเองจริงๆหรือ?”

นายหญิงแก่มองไปทางนายหญิงแก่เฉิน ถึงแม้ว่าในหลายปีมานี้นายหญิงแก่จะปรากฏตัวในแวดวงของสังคมหลากหลายรูปแบบก็ตาม แต่เพียงแค่เพื่อหาสามีให้แก่หลานสาวเท่านั้น สำหรับการแก่งแย่งชิงดีกันในตระกูลนางไม่เคยสอบถามมาก่อน นางน่าจะไม่รู้เนื้อหาความเป็นมาของเรื่องนี้หรอก?

นายหญิงแก่เดาใจไม่ถูก และก็ไม่กล้าตอบคำถามกลับไปด้วย เพียงแค่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะพูดกับชุยไท่เฟยว่า “เราไปดื่มชาในห้องพักด้านนั้นสักหน่อยเถอะ”

เมื่อเดินวนไปแล้วรอบหนึ่ง ชุยไท่เฟยก็รู้สึกเหนื่อยมากจริงๆ “คนแก่ๆเดินเหินก็ไม่ค่อยจะสะดวก ถึงจะเดินไม่ไกลแต่ก็รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลียและกระหายน้ำมาทีเดียว ก็ดี เราไปดื่มชากันสักหน่อยก่อน แล้วก็ค่อยมองหาว่าหลี่ซื่อนั้นอยู่ที่แห่งใด เลขาฮ่องเต้ให้กำเนิดบุตรสาวที่ไม่รู้ความเช่นนี้มาได้อย่างไร? ช่างเป็นหายนะแก่จวนเฉิงเสี้ยงมากเสียจริง”

นายหญิงแก่เฉินไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมา นอกจากเดินตามทั้งสองคนเข้าไป

นางเป็นคนมีประสบการณ์ด้านสนามรบมาอย่างโชกโชน ความอ่อนไหวต่อภัยอันตรายและศึกสงครามย่อมสูงกว่าคนข้างกายอยู่แล้ว นางได้กลิ่นของเขม่าควันที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเลือนรางแล้ว

ในใจของนางไม่สบายใจมากทีเดียว นางไม่ชอบถูกคนอื่นใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางไร้ซึ่งประโยชน์ใดๆแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางเกิดความรู้สึกชะงักอยู่ภายในใจขึ้นมาในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม