ตอนที่ 181 ชั่วชีวิตของตระกูลผู้สูงส่ง
เปลวไฟแห่งนี้ ได้ขยายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เซียวโธ่ได้ออกคำสั่งให้ทำการอพยพแขกผู้มีเกียรติออกไป แต่ให้อพยพคนชราและคนป่วยออกไปก่อน ส่วนวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เหลือให้มาช่วยกันดับเพลิง
หลังจากที่หน่วยงานในเมืองปักกิ่งทราบข่าวว่าเกิดเหตุไฟไหม้ในจวนเฉิงเสี้ยง หน่วยงานจึงได้จัดคนให้เข้ามาช่วยกันดับเพลิงทันที
กองไฟมังกรที่เหลืออยู่ ได้ถูกโยนลงไปในทะเลสาบเพื่อทำการดับไฟทั้งหมด คนที่ถือกองไฟมังกรก็เข้าร่วมกันดับเพลิงด้วย
กองไฟมังกร หมายถึง โคมไฟที่เรียงเป็นตับยาวเฟื้อย
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยที่นั่งเงียบๆอยู่ในห้องได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขยายออกมาจากด้านนอก มุมปากก็อดที่จะกระตุกยิ้มเล็กน้อยไม่ได้
นางรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คิดจะกำจัดเอ้อร์เสิ่นแทนมารดา ก็ต้องกำจัดเสี้ยหลีโม่บุตรสาวของหลี่ซื่อด้วย หลังจากนี้ที่ได้อยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้แล้ว ยังจะมีใครกล้ามาต่อรองกับนางอีกหรือไม่?
(เอ้อร์เสิ่น) ภรรยาของน้องชายรองของสามี
“คุณหนู ท่านอยากออกไปดูหรือไม่เพคะ? ดูเหมือนว่าด้านนอกจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้วนะเพคะ” สือหลิวสาวใช้ที่อยู่เป็นเพื่อนนางได้พูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยังคงนั่งวาดคิ้วอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องประทินผิวอย่างเงียบๆ “ไม่ไปหรอก มีอะไรให้น่าดูกันละ? ข้ากลัวเห็นซากศพ”
หงฮวาสาวใช้ที่อยู่เป็นเพื่อนกับนางก็ได้ขึ้นหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหนู บัดนี้เอ้อเหยก็ออกไปดับเพลิงอยู่ด้านนอกด้วย หากท่านไม่ไป เกรงว่าวันข้างหน้าเกิดถูกซักถามขึ้นมา จะกล่าวหาว่าท่านใจแคบได้นะเพคะ”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยเม้มริมฝีปากเข้าหากัน “ข้าเป็นภรรยาใหม่ สถานที่อันตรายเช่นนี้ข้าสมควรต้องไปด้วยหรือ? ท่านปู่ไม่มีทางตำหนิข้าได้หรอก อีกอย่าง หากบ้านสองไร้ซึ่งแม่นางที่ทรงเสน่ห์เช่นเอ้อร์เสิ่น อารองก็เป็นแค่เพียงเสือกระดาษ ไม่มีความโหดร้าย ขนาดข้าเองก็ยังไม่กลัวเลยสักนิด”
หงฮวาได้ยิ้มพร้อมพูดออกมาว่า “ก็จริงเพคะ ในอดีตหากไม่ใช่เพราะบารมีของฮูหยินรอง บ้านสองก็คงจะถูกท่านใหญ่ทำลายไปจนถึงตำหนักเย็นแล้ว บัดนี้ฮูหยินรองก็ไม่มีแล้ว ฮูหยินของเราออกหน้าออกตาได้แล้วละเพคะ”
“ท่านแม่ถูกรังแกมาตลอดชั่วชีวิต ก็สมควรเปลี่ยนสถานะเป็นฝ่ายชนะได้แล้ว” นางชำเลืองมองไปยังท่าทางที่สง่างดงามดุจหยกในกระจก ด้วยความพึงพอใจ แต่แล้วกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลัน “หงฮวา เข้ามานี่ สีน้ำมันทาเล็บและสีลิปกลอสดูไม่เข้ากันเลยใช่หรือไม่?”
นางยกนิ้วมือขึ้นมา พร้อมกับทำปากแข็งทื่อเล็กน้อย “ไม่เข้ากันจริงๆด้วย เจ้านำลิปกลอสที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ทรงประทานเป็นรางวัลเมื่อตอนที่เข้าวังมาในครั้งที่แล้วออกมาแต่งเติมให้สดใสขึ้นอีกสักหน่อยสิ วันนี้ข้าเป็นภรรยาใหม่ ไม่ยอมให้แม่นางด้านนอกนั้นมาช่วงชิงความโดดเด่นของข้าเป็นอันขาด ”
สือหลิวจึงพูดขึ้นว่า “เดิมทีคุณหนูทรงชอบทาสีแดงทับทิมบนริมฝีปากล่างมากที่สุด พระขนงสีดำ ช่วยขับผิวหนังของคุณหนูให้ดูขาวเนียนสะอาดมากยิ่งขึ้นเพคะ”
“บางทีอาจเป็นเพราะว่าไม่เคยแต่งตัวมานานหลายปี หากไม่ใช่เพราะการออกเรือนอีกครั้ง ตลอดชั่วชีวิตนี้ก็คงจะงอตัวอยู่ใต้แสงไฟ” ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยถอดทอดใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็มองซ้ายและขวาคนที่สะท้อนอยู่ในกระจก “พวกเจ้าบอกมาสิว่าข้ากับหลี่ซื่อ ใครงดงามมากกว่ากัน?”
หงฮวาหลุดขำออกมา “ที่คุณหนูถามเช่นนี้เกรงว่าจะเป็นการสบประมาทตัวเองเกินไป หลี่ซื่อก็เป็นหญิงแก่ชราแล้ว จะมาเทียบเทียมเท่าท่านได้อย่างไรกันละเพคะ?”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยยิ้มออกมาไม่พอใจพร้อมกับด่านางออกไปว่า “หงฮวา ปากของเจ้าช่างโหดร้ายเกินไปเสียจริง ทำไมถึงได้พูดจาเช่นนี้ละ? ตอนวัยเยาว์หลี่ซื่อเองก็เป็นหญิงงามคนหนึ่งเชียวนะ ถึงจะแก่ตัวลงในปีนี้ ก็น่าจะมีลักษณะท่าทางที่อ่อนช้อยงดงามเหมือนเมื่อครั้งยังอ่อนเยาว์อยู่บ้างสิ ถึงวันนี้ไม่ควรจะให้นางออกมาจากจวนก็ตาม แต่อย่างน้อยเรียกข้าเข้าไปพบ ดื่มสุราแสดงความเคารพให้แก่แขกผู้มีเกียรติพร้อมกันก็ได้”
สือหลิวจึงถามขึ้นว่า “คุณหนูไม่เคยเจอหลี่ซื่อหรือเพคะ?”
“ไม่เคยเจอนะสิ ความจริงข้ากับหลี่ซื่อก็มีส่วนที่คล้ายคลึงอยู่นะ นางเป็นคนชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ข้าเองก็เป็นคนชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เพียงแต่สภาพจิตใจของข้าสงบกว่านาง นางไม่สามารถสงบจิตสงบใจเวลาอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงนี้ได้ วัยแก่ชราก็ยิ่งต้องเคี่ยวกรำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุตรสาวผู้ปราดเปรื่อง ที่อ่อนแอยิ่งกว่าอะไร หากหลี่ซื่อกลับมา ข้าเองก็ต้องทำดีต่อนาง ซึ่งดีกว่าตอนที่ต้องประทับอยู่กับเฉินหลิงหลงเสียอีก”
สือหลิวจึงอดพูดออกไปไม่ได้ว่า “หัวใจของคุณหนูนั้นอ่อนแอ บัดนี้หลี่ซื่อผู้นี้ได้ถูกกักตัวอยู่ในตันชิงเสี้ยนจู่ กลัวว่าจะกำเริบสืบสานหยิ่งยโสเสียยิ่งกว่าเมื่อก่อนนะสิเพคะ”
“ไม่มีทางกำเริบสืบสานได้หรอก หลังจากที่เสี้ยหลีโม่ตาย นางก็จะไร้ซึ่งที่พึ่งพาอีกต่อไป อ๋องซื่อเจิ้งก็จะไม่มีทางสนใจนาง อีกอย่าง จวนหลี่ที่ประทับอยู่ก็จะถูกย้าย พูดได้ว่านางจะไม่เหลือใครให้พึ่งพิงในเมืองปักกิ่งอีกแล้ว หากจะอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงจนสิ้นอายุขัย ก็คงจะรู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร”
หงฮวาพุ่งออกไป แล้วก็พบว่าประตูภายในห้องนั้นปิดสนิท ใบหน้าของนางจึงได้ซีดเผือดลง “พวกบ่าวจะต้องไปช่วยกันดับเพลิงตำหนักรองๆกันหมดแล้วแน่เลย”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยตื่นตกใจขึ้นภายในใจ ก่อนจะพูดขึ้นน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เร็ว หาทางเปิดประตูออกไปให้ได้”
ประตูถูกล็อคจากด้านนอก ในตอนที่ทั้งสองคนกำลังออกแรงดึงอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงโซ่เหล็กดังขยายออกมาด้วย
“มีคนขังเราอยู่ด้านนอก” หงฮวาแสดงสีหน้าตื่นตกใจอย่างมาก
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยร้อนใจมาก “ทำอย่างไรดีละ? ที่นี่ยังมีทางอื่นอีกไหม?”
ไม่มีแล้วเพคะ ห้องนี้มีประตูแค่บานเดียว เดิมทีเคยมีประตูข้าง แต่ถูกล็อคไว้เหมือนกัน” สือหลิวย้ายเก้าอี้ออกมาจากในห้อง แล้วออกแรงทุบประตู เปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้าเริ่มสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ควันยิ่งน้อยเปลวไฟก็ยิ่งโหมกระหน่ำอย่างเห็นได้ชัด จนกระทั่งเกิดเสียง “แกร็ก” ดังขึ้น ครั้นต่อมา ก็ตามมาด้วยเสียง “ปังปังปัง” เสียงที่ดังสนั่นสร้างความตกใจไม่น้อย ประตูหน้าต่างภายในคลังเก็บของได้ถูกระเบิดจนกระจัดกระจายออกไป
เปลวไฟได้ลุกโชนขึ้นในช่วงพริบตาเดียว กวาดออกไปตามระเบียงทางเดินอย่างรวดเร็ว เดิมทีตรงระเบียงทางเดินนั้นไม่มีสิ่งของวางแต่อย่างใด ตามหลักเหตุผลไม่มีการลุกไหม้ขึ้นอย่างแน่นอน แต่ราวกับว่าบนพื้นได้ถูกราดด้วยน้ำมัน เปลวไฟจึงได้ลุกโชนขึ้นในช่วงพริบตาเดียว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย !” สือหลิวและหงฮวาต่างพากันส่งเสียงตะโกนออกไปกันอย่างลือลั่น
ด้านนอก มีคนที่กระตุกยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากด้านใน หลังจากนั้นนางก็ถอดริบบิ้นไหมออกมา จากนั้นก็หยิบกระป๋องน้ำมันออกมาแล้วโยนออกไปทางประตูใหญ่ทันที เป็นเหตุให้ไฟได้เพิ่มการลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ทำการสะบัดแล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที
เมื่อนำมันถูกประตูแล้ว มันถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นาน ประตูบานนี้ก็กลายเป็นเศษซาก พวกนางจึงสามารถหนีรอดออกมาจากที่นี่ได้
“ทุกคนต้องการจะฆ่าข้า ข้าเพียงแค่ขู่ขวัญทุกคน จิตใจของข้านั้นอ่อนแอมาก เสี้ยหลีโม่ ความเมตตากรุณาของเจ้าข้าต้องชดใช้ ต้องชดใช้ด้วย .......ชั่วชีวิตแห่งความร่ำรวยและยศศักดิ์!” หลีโม่ทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ และรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นสินค้ามือสอง ครุ่นคิดจนจะกลายเป็นบ้าอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...