พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 186

ตอนที่ 186 สถานการณ์ในเมืองปักกิ่ง

เมื่อซือถูเย้นได้ยินคำพูดของนาง ก็เกิดการครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มขมวดปมคิ้วอย่างช้า ๆ “เปินหวางไม่รู้ว่าบทเรียนในครั้งนี้เจ้าจะถูกหรือว่าผิด การแก่งแย่งชิงดีในจวนไม่เหมาะสมในตำหนัก แต่เปิดหวางคิดว่าน่าจะเหมือนกัน ไม่ระวังก็สามารถปลิดชีวิตได้ เจ้าผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ย่อมถึงขั้นสูญเสียชีวิตตัวเองได้ เปินหวางผิดพลาดเล็กน้อย ย่อมสูญสิ้นธารธาราแห่งราชวงศ์ต้าโจวไป ดังนั้น เปินวางจึงได้วางแผนทุกด้านอย่างละเอียดรอบคอบทุกย่างก้าวเช่นนี้ วันนี้จึงมาเน้นย้ำกับเจ้า สถานการณ์ในตำหนักตอนนี้เคร่งเครียดมาก ทุกแผนร้ายเพทุบายและวังวน แม้กระทั่งลอบสังหารล้วนพุ่งตรงมาทางเปินหวางทั้งสิ้น ดังนั้น หากเจ้าไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองหรือจิตใจที่อ่อนแอ เปินหวางก็คงจะทุ่มกายใจไปเป็นกังวลเจ้า”

นี่เป็นครั้งแรกที่หลีโม่ได้ฟังเขาพูดเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองอย่างเป็นทางการ เมื่อก่อนเขาไม่เคยพูดเรื่องเหล่านี้แต่อย่างใด

นางถามขึ้นเบาๆว่า “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ”

เมื่อนางเห็นใบหน้าที่อบอุ่นของเขา จึงได้ลองหยั่งเชิงถามขึ้นว่า “ฮ่องเต้ทรงประชวรด้วยโรคอะไรหรือเพคะ? สถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ซือถูเย้นส่ายหน้า “เปินหวางเองก็ไม่รู้ ตั้งแต่ที่ท่านทรงประชวรมา ก็ปล่อยให้เสด็จแม่จัดการรักษามาโดยตลอด อีกทั้งยังก่อตั้งท่านหมอหลวงเฉพาะทางเพื่อรักษาอาการประชวรของเสด็จพี่ด้วย ท่านหมอหลวงเหล่านี้ได้ดื่มกินอยู่ภายในตำหนักซีเวย ไม่มีพระราชโองการรับสั่งจากเสด็จแม่ ก็ห้ามออกมา”

“จะบอกว่า หลังจากที่ฮ่องเต้ประชวรหนัก ท่านก็ไม่ได้พบเขาอีกเลยหรือเพคะ?” หลีโม่อดถามขึ้นด้วยความประหลาดใจไม่ได้

“พบกันแล้ว ยิ่งในตอนที่เขามีรับสั่งแต่งตั้งเปินหวางเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง เปินหวางจึงได้ไปปรึกษาหารือกับสหายรบแล้วรับสั่งให้เปากงกงร่างพระราชโองการด้วยตัวเอง ในครั้งนั้นเสด็จแม่ ฮองเฮาและองค์รัชทายาทไถ้ฝู้ก็ประทับอยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วย เปินหวางจึงไม่กล้าลองหยั่งเชิงออกไปแต่อย่างใด ”

“ทำไมถึงได้เป็นความลับขนาดนี้ ?” หลีโม่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าป่วยด้วยโรคอะไร ทำไมต้องเป็นความลับถึงเพียงนี้?

ใบหน้าของซือถูเย้นบาดเจ็บเล็กน้อย “เปินหวางพอเดาได้ เมื่อเสด็จพี่สวรรคตหวนคืนสู่สรวงสวรรค์แล้ว เสด็จแม่ทรงเป็นกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อความมั่งคงของราชวงศ์ต้าโจว ดังนั้นจึงให้ป่าวประกาศออกไปว่าเสด็จพี่ยังคงอยู่ในระหว่างรักษาตัว ”

เป็นไปไม่ได้ หลีโม่จึงได้นึกถึงเรื่องที่ซือถูเย้นได้เอ๋ยปากให้นางไปทำการรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ แล้วฮองไท่เฮาโต้กลับอีกทั้งยังคัดค้านหัวชนฝาด้วย ทางหนีทีไล่ก็ไม่มีแต่อย่างใด

ซือถูเย้นมองไปทางนาง “หากเจ้าฉลาดมากพอ ก็น่าจะรู้ว่าเปินหวางก็พอเดาออก คนอื่นๆก็ล้วนคาดเดาเช่นนี้ หากพวกเขาคาดเดาได้ว่าฮ่องเต้สวรรคตแล้ว งั้นตำแหน่งฮ่องเต้ ใครจะมานั่งต่อละ? ”

หลีโม่พยักหน้า ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด “หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ความจริงสถานการณ์ในตอนนี้ท่านเองก็สุดที่จะรับได้มากกว่าหม่อมฉัน มีศัตรูโจมตีรอบด้าน ”

“พวกเขาโจมตีเปินหวางอยู่บ่อยครั้ง ความคิดของไถ้ฝู้คือต้องการประคับประคองให้องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ แต่องค์รัชทายาทไร้ความน่าเกรงขาม อีกทั้งยังคิดว่าตัวเองถูกอยู่เสมอด้วย ถึงตอนนั้นก็คงจะถูกเหลียงไถ้ฝู้ยึดครองอำนาจไปได้โดยง่าย อำนาจ สิทธิมหาศาลเช่นนี้ การคิดช่วงชิงธารธาราของตระกูลมู่หลงไป ย่อมง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ”

ถึงแม้ว่าหลีโม่จะเคยคิดเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้คิดลึกล้ำมากมายขนาดนั้น เพราะสถานภาพของนางเองก็ไม่ดีนัก

ภายใต้สถานการณ์อันเลวร้ายขนาดนี้ เขาต้องแบ่งใจมาเป็นกังวลนาง นางรู้สึกละอายใจและ......ซาบซึ้งมาก

นางเห็นแก่ตัวมาโดยตลอด ทุกห้วงความคิด ล้วนนึกถึงเพียงแค่ตัวเอง ต่อให้อยู่ใกล้เขา ก็เพื่อทำให้ตัวเองมีภูเขาที่พักพิงอย่างมั่งคงเท่านั้น

แต่ เขาวางแผนที่จะทำอะไรกันแน่?

แม่นางที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตร ชื่อเสียงเสื่อมเสียจะมีหน้าประทับใจได้อย่างไร

“จริงสิ วันนี้พวกเจ้ามาหาอะไรในจวนเฉิงเสี้ยงหรือ?” หลีโม่นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน

ซือถูเย้นพูดขึ้น “ตรวจสอบทั้งเมืองแล้ว ไม่พบคนบ้าที่ไล่กัดผู้นั้นแต่อย่างใด ดังนั้นเปินหวางจึงสงสัยว่าเสี้ยห้วยจุนจะให้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงหรือไม่”

หลีโม่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ “หากซ่อนตัวอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงจริง จะเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยหรือเพคะ? เขาไม่กลัวว่าคนบ้าผู้นั้นจะทำร้ายคนในจวนเฉิงเสี้ยงหรือ?”

“หากมีพระราชโองการรับสั่งในส่วนของทหาร เขาสามารถโยกย้ายไปให้คนของทหารทางตอนเหนือและทหารราบได้ มีจำนวนสามหมื่นนาย หากไม่มีพระราชโองการในส่วนทหาร เขาทำได้เพียงแค่โยกย้ายไปยังส่วนเก่า ประมาณเก้าพันคนเท่านั้น ตามกฏระเบียนข้อบังคับ แต่มีข้อเรียกร้องนี้ ในกรณีที่บีบให้กษัตริย์สละราชสมบัติ เก้าพันนายนี้ เขาต้องใช้อย่างแน่นอน ”

หลีโม่เข้าใจทันที เหลียงไถ้ฝู้ต้องการลดกำลังทางทหารของซือถูเย้นลงก่อน หากกองทหารหนานย่อยยับลงทั้งหมด ซือถูเย้นก็จะเหลือแค่เพียงทหารรักษาพระราชวัง หากเขาออกคำสั่งทหารรักษาพระราชวังได้ เมื่อเกิดเรื่อง ทหารรบทุกฝ่ายจะมาเข้ามาช่วยวังไม่ทัน ซือถูเย้นเองก็ไร้ซึ่งหนทางต้านทาน

ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะยืนขึ้นแล้วพูดต่อว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เราน่าจะไปดูภรรยาใหม่หน่อยนะ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

หลีโม่ยิ้ม “หม่อมฉันเหลือทางออกไว้ให้แก่พวกนางแล้วเพคะ ไม่มีทางสิ้นวายแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าโฉมหน้างดงามดุจดอกไม้จะได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

ทั้งสองเดินออกไปข้างนอก ซือถูเย้นดึงมือของนางทันใด “จริงสิ เมื่อสักครู่เจ้าบอกว่าจะให้เปินหวังดูของ ยังไม่เห็นเลย”

หลีโม่ถลึงตาใส่เขา “ปล่อยวางไม่ได้หรือเพคะ?”

“ปล่อยวางไม่ได้ แต่ไม่แปลกใจเจ้าเลย แม่บ้านไม่อาจทำกับโดยไม่มีข้าวได้จริงๆ เจ้าอยากได้ค่าตอบแทน เปินหวางไม่ได้ตาบอดนะ ”

“ไม่ช้าก็เร็วพิษจะเข้าทำร้ายเจ้า” หลีโม่เปิดประตู ก่อนทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้อย่างร้ายกาจ

ซือถูเย้นเดินออกไปอย่างเอื่อยเฉือย “ข้ามีหมอเสี้ยอยู่ เกรงว่าพิษของเจ้าคงจะสูญเปล่านะสิ?”

หลังจากที่ทั้งสองเดินไป ซูชิงและเซียวโธ่ก็ลงมาจากบนหลังคา เซียวโธ่มองไปทางแผ่นหลังของซือถูเย้นที่นวยนาดออกไปอย่างช้าๆ รับไม่ได้จริงๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจว่า “เช่นนี้ช่างเถอะ? ไม่สู้สักหน่อยหรือ? ท่านอ๋องรังแกมากไปกระมัง?”

“ใช่ ข้าละผิดหวังในตัวท่านอ๋องมาก!” ซูชิงพูดออกมาอย่างโหดเหี้ยม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม