พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 185

ตอนที่ 185 หลังจากนี้จะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด

เมื่อเหลียงซือพูดประโยคสุดท้าย ทำให้หลีโม่ตื่นตกใจทันที

เพื่อปกป้องครอบครัวของนาง กลับต้องมาพบเจอกับความโหดร้ายของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย

ไม่ว่านางตายในน้ำมือของคนใด หลีโม่ไม่มีทางใจ่อ่อนเด็ดขาด แต่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ นางกลับนึกถึงเสี้ยหลีโม่เจ้าของร่างเดิมขึ้นมาอย่างมาทราบสาเหตุ

ในใจของเสี้ยหลีโม่เจ้าของร่างเดิมมีแต่ความโกรธแค้นชิงชัง ความเกลียดชังและความเจ็บปวดรวดร้าวนี้เกิดขึ้นเพราะถูกพ่อที่ตัวเองรักมากที่สุดทำร้าย นางเฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาโดยตลอด เฝ้ารอที่พ่อจะกลับมาให้ความสำคัญกับนาง แต่สุดท้ายกลับต้องมาพบเจอกับหายนะครั้งใหญ่

การบาดเจ็บจากคนที่รัก เป็นการคร่าชีวิตได้ดีที่สุด

ดังนั้นนางจึงได้ปีนผ้าแพรลงไป แล้วใช้ผ้าแพรมัดตัวนางไว้ เพื่อปกปิดความคิดที่ตัวเองช่วยนาง ดังนั้นจึงได้ถือโอกาสพาไก่สองตัวออกไปด้วย

ในระหว่างที่ช่วยเหลียงซื่อออกมานั้นแสนจะยากลำบาก เพราะเปลวไฟในตอนนั้นรุนแรงมากขึ้นแล้ว เกือบจะเผาผ้าแพรจนขาดออกจากกัน วินาทีสุดท้าย หลีโม่จึงใช้มือดึงนางขึ้นมา เพื่อไม่ให้นางตกลงไปในกองเพลิง

แต่วินาทีสุดท้ายเป็นช่วงอันตรายมากที่สุด ขาทั้งสองข้างของหลีโม่เกี่ยวอยู่กับไม้ที่ไม่มีความมั่นคงเอาเสียเลยบนหลังคา หากนางล้มลงไป ก็คงจะไม่สามารถช่วยขึ้นมาได้

เรื่องนี้ นางไม่กล้าพูดออกมา แต่บุญคุณในการช่วยชีวิตในครั้งนี้ กลับทำให้เหลียงซื่อจารึกอยู่ภายในใจ

ซูชิงจึงนึกบางอย่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน “แล้วห้องใหม่เกิดเพลิงไหม้ได้อย่างไรกัน?”

หลีโม่ส่ายหน้า “หม่อมฉันก็ไม่รู้เพคะ เปลวไฟน่าจะถูกพัดพาออกไป”

“ถูกพัดพาออกไปไกลขนาดนี้เลยหรือ? ห้องใหม่กับตำหนักรองมีระยะห่างกันพอสมควร” ซูชิงรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้

“งั้นก็ไม่รู้แล้วเพคะ บางทีภรรยาคนใหม่อาจจะทรงหิว แต่ไม่มีอะไรเสวย ก็เลยจุดไฟภายในห้อง จนไม่ระวังเลยลามไปถึงห้องใหม่ก็ได้”

ซูชิงเข้าใจในทันที จึงได้พูดด้วยความแปลกใจว่า “เจ้ายังเดินไปยังตำหนักใหม่ได้อย่างสบายใจอีกหรือ? แล้วเจ้าหนีออกมานานแค่ไหนแล้ว? เจ้ายืนมองเราเข้าไปช่วยเจ้าเหมือนคนโง่อย่างนั้นหรือ?”

สีหน้าของซือถูเย้นแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที จากนั้นก็ยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “ซูชิง เซียวโธ่ ไม่ต้องดื่มเหล้านี้แล้ว รับไม่ได้ ที่ที่มีคนหาว่าเราโง่!”

ซือถูจิ้งมองไปทางซูชิงด้วยสายตาตำหนิ “ปากเจ้าร้ายยิ่งนัก”

ซูชิงแสดงออกถึงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด “งั้นไม่ใช่หรือ? ตัวเองหนีรอดออกมาได้แล้ว ทำไมไม่มารายงานละ? ให้เราวุ่นวายอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงเหมือนคนโง่ นางช่างดีจริง แถมยังตั้งใจเผาเจ้าสาวอีก สนุกมาเลยใช่ไหม?”

“เซี่ยวโธ่เจ้าพูดสิ!” ซือถูจิ้งส่งเสียงออกมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากเซียวโธ่

เซียวโธ่ส่งเสียงเอ่อออกมาอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นก็มองไปทางหลีโม่แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าก็ไม่สมควรเลยจริงๆ ท่านอ๋องเสียงอันตรายไปช่วยเจ้า เจ้ากลับหลบหนีออกมาได้ ไม่หน้าหนาไปหน่อยหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าเปลวไฟในนี้มันอันตรายมากแค่ไหน? หลังคาเกิดการยุบตัว หากซูชิงไม่ดึงเข้าออกมา เกรงว่าตอนนี้เขาก็คงดบสิ้นท่ามกลางเปลวไฟไปแล้ว ”

“หุบปาก ไสหัวออกไป!” ซือถูจิ้งถลึงตามองไปทางเขา “ร้ายแรงขนาดนี้เลยหรือ? ก่อนที่ห้องจะยุบตัวลงมา มีคนออกมาด้วยไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นละพูดไปเรื่อย?”

เซียวโธ่ตื่นตกใจเล็กน้อย “ คนข้างนอกนั้นไม่ใช่คน องค์หญิงให้ข้าพูดไม่ใช่หรือ?”

หลีโม่นึกไม่ถึงว่าซือถูเย้นจะเป็นกังวลถึงขั้นพุ่งเข้ามาช่วยนาง ที่นางไม่ปรากฏตัวออกมาเร็วๆนั้นเป็นเพราะว่า หนึ่งต้องการให้เหลียงซื่อได้พัก สองอยากจะสั่งสอนซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยสักเล็กน้อย นางคิดไม่ถึงว่าซือถูเย้นจะเสี่ยงอันตรายมาช่วยนางจริงๆ

หลีโม่เดินมาตรงหน้าของซือถูเย้นที่หน้าดำคล้ำเครียด ก่อนพูดเบาว่า “ท่านอ๋อง ข้าพูดได้ไหมเพคะ?”

ซือถูเย้นจึงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “หลบซ่อนตัวเพราะต้องการหัวเราะเยาะเปินหวางใช่ไหม?”

นัยน์ตาของหลีโม่แสดงออกถึงความสำนึกผิด “พูดไม่กี่คำเพคะ”

“ไม่มีอะไรต้องพูด” ซือถูเย้นเดินขึ้นหน้าด้วยใบหน้าที่เย็นชา

หลีโม่ร้อนใจ จึงได้รั้งแขนเสื้อของเขาไว้ “อย่าไป หม่อมฉันมีของจะให้ท่านดูเพคะ”

“ก็ดูที่นี่!” ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หลังจากนั้นก็ยังถือโอกาสพาไก่สองตัวออกมาด้วยเพื่อปกปิดความคิดที่ตัวเองช่วยนางออกมา แบบนี้ใช่ไหม?” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย แววตาโกรธเคืองไม่ลดละ

เพราะ ในตอนที่นางอุ้มไก่ปรากฏตัวออกมา ท่าทางมีความสุขมากทีเดียว

นางมองต่ำลง “ได้ หม่อมฉันยอมรับผิด ครั้งนี้หม่อมฉันตั้งใจช่วยเหลียงซื่อออกมา”

“เหตุผลละ?” ซือถูเย้นจ้องมองไปทางนาง

“เพราะ.........หรือท่านอ๋องไม่เข้าใจ? ถึงแม้จะบอกว่าจิ้นโก๋กงนั้นจะยังมีอำนาจก็ตาม แต่บัดนี้จวนโก๋กงล้วนเป็นเรื่องของฮูหยินรอง อีกทั้งทรัพยากรส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งฮูหยินรอง บัดนี้หม่อมฉันมีหนีบุญคุณกับนาง ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยต้องกำจัดความสงสัยนางแน่ นางเลยบอกว่านางจะช่วยหม่อมฉันสู้กับซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย?”

“หากไม่ได้ละ?” ซือถูเย้นถามกลับ

“งั้นหม่อมฉันก็เสียสร้อยข้อมือไปเสียเปล่า!”หลีโม่ยื่นมือออกไปลูบข้อมือของตัวเอง ในตอนที่ช่วยเหลียงซื่อออกมา สร้อยข้อมือเพียงเส้นเดียวของนางได้หายไป

ซือถูเย้นมองไปทางข้อมือที่เต็มไปด้วยบาดแผลของนาง ก่อนปล่อยวางอย่างไร้สิ้นคำพูดอีก “มือทั้งสองข้างของเจ้า ยังมีใส่เครื่องประดับอะไรได้อีก?เชือกเส้นหนึ่งไม่มัดคอเจ้าอยู่หน้าประตูก็ดีมากแล้ว มีคนแปลกหน้ามาก็ต้องส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายสิ ”

หลีโม่ทอดถอนหายใจ “อย่างไรก็ตามวันนี้ก็เป็นความผิดของหม่อมฉัน เจ้าจะพูดอย่างไรหม่อมฉันก็ไม่อาจโต้แย้งได้”

ซือถูเย้นถอนหายใจออกมา ก่อนมองไปทางนาง “เสี้ยหลีโม่ ครั้งนี้เจ้าทำให้เปินหวางผิดหวัง เจ้ารอดพ้นมาจากแผนการประทุษร้ายในจวนเฉิงเสี้ยงได้ หากใจเจ้าไม่กล้าหาญมากพอ ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็จะตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น เปินหวางไม่สามารถเฝ้ามองเจ้า ปกป้องเจ้า ได้ตลอดเวลา เปินหวางสามารถต่อสู้อยู่เคียงข้างเจ้าขัดขวางแผนการร้ายได้ แต่เจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย หลังจากที่ออกเรือนมาอยู่จวนเฉิงเสี้ยงแล้ว หลายวันมานี้ เจ้าต้องปกป้องตัวเอง เข้าใจไหม?”

หลีโม่เข้าใจความโกรธเคืองที่ไม่รู้มาจากไหนได้ทันที นางไม่สามารถปกป้องตัวเองให้ดีๆได้ แต่ เรื่องที่นางทำวันนี้มีผลลัพธ์มากพอ

“นี่เป็นคำพูดที่ไพเราะที่สุดที่เคยพูดกับหม่อมฉันมา” หลีโม่ย่นจมูกเล็กน้อย “หม่อมฉันอยากร้องไห้”

“โกหก!” ซือถูเย้นผลักหน้าออกไป

“ในตอนที่เจ้าไม่พูดจาร้ายกาจ เจ้าเป็นคนพิเศษมากคนหนึ่ง” ดวงตากึ่งหยกของหลีโม่มองไปทางใบหน้าที่ค่อยๆดูอบอุ่นขึ้น “หม่อมฉันให้สัญญา หลังจากนี้จะไม่มีวันใจอ่อนอีกโดยเด็ดขาด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม