พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 195

ตอนที่ 195 เพิ่มสมาชิก

ดาบนี้ ถ้าฟันลงมาที่ตัวอ๋องเหลียง อ๋องเหลียงก็จะถูกฟันเป็นสองท่อน

หลีโม่ตกใจจนขาอ่อน จะห้ามก็สายไปแล้ว

เดิมทีคิดว่าอ๋องเหลียงจะหนีไม่พ้นเคราะห์ครั้งนี้เสียแล้ว แต่ไม่นึกว่าเขาจะกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเหาะขึ้นไปบนต้นไทรที่ล้มทับลงมา แล้วก็กระโดดจากต้นไทรนั้น ขึ้นไปบนหลังคาอีกที

แต่ว่า รังษีความแรงของดาบก็ยังทำให้เสื้อผ้าบางส่วนของเขาฉีกขาด เผยให้เห็นกล้ามหน้าที่ขาวผ่องออกมา

หลีโม่เห็นแล้วตาค้าง ที่คืออ๋องเหลียงที่คนต่างก็พูดว่าไม่เอาถ่านหรือ? คนที่เดินยังจะไม่ตรงอยู่ๆก็กระโดดขึ้นไปอย่างนั้น

อ๋องเหลียงตะโกนอยู่บนหลังคา “เสี้ยหลีโม่ ถือโอกาสตอนที่องครักษ์ยังไม่มาถึง เจ้ารีบเอาไอ้บ้านี่ออกไปซะ”

เตาเหล่าต้าก็ยังคงมึนงงว่าตัวเองนั้นทำอะไรผิดไป แล้วมองไปยังหลีโม่อย่างแปลกใจ

หลีโม่ถอนหายใจแล้วก็ลากเตาเหล่าต้าไป “ไปกันเถอะ เจ้าทึ่ม ถ้าไม่ไปก็จบเห่กันแน่”

เตาเหล่าต้าตกใจจนหน้าซีด วิ่งมาสักสามสี่ก้าว ก็นึกได้ ว่ามีอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะชา แล้วก็รีบวิ่งกลับไปเอา “ซาลาเปาไส้หมูของข้า ”

“เย็นเอ๋อร์หยิบมา!” หลีโม่ตะโกน “ถ้ายังไม่ไปจะไม่มีข้าวให้กินแล้วนะ”

เตาเหล่าต้าคิดว่าการไม่มีข้าวกันนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ซาลาเปาพวกนี้ไม่สามารถกินได้ทั้งชีวิต พิจารณาแล้ว ก็กัดฟันแล้ววิ่งตามหลีโม่ไป

รอบนรถม้าอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นเย็นเอ๋อร์วิ่งออกมา ถืออาหารถุงใหญ่มาด้วย นางปีนขึ้นรถม้าแล้วก็โยนให้เตาเหล่าต้า พูดอย่างหอบๆว่า “ต่อจากนี้เจ้าจะบุ่มบ่ามแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ ถ้าท่านอ๋องเป็นอะไรขึ้นมา คุณหนูใหญ่ของเราก็จะซวยไปด้วย”

เตาเหล่าต้า ตกใจ “ทำไมหรือ? เขาจะเป็นวิญญาณมาหลอกฟลอนคุณหนูใหญ่หรือ? ถ้าเป็นผีข้าไม่มีวิธีจัดการมันนะ”

หลีโม่คิดว่าควรจะสอนเรื่องความเข้าใจของมนุษย์ให้เตาเหล่าต้าเสียหน่อยแล้ว

“เจ้าชื่ออาต้าใช่มั้ย ?” หลีโม่ไม่อาจจะเรียกเขาเหล่าต้าได้

“ข้าชื่อ เตาเหล่าต้า ” เขาย้ำชื่อตนเอง ในมือก็ยังกำอาหารไว้แน่น เพราะกลัวเย็นเอ๋อร์จะแย่งไป

“หลังจากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า อาต้า”

“แต่ว่าข้ามีชื่อว่า เตาเหล่าต้า นะ”

“ชื่อ อาต้า ไม่งั้นอดกินเนื้อนะ” หลีโม่กัดฟันพูด

“..........” อาต้าก็ยอม “อื้ม ข้าชื่อ อาต้า”

หลีโม่ยื่นมือมา “เอาดาบมาให้ข้า”

เตาเหล่าต้าสังสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอาดาบยื่นให้หลีโม่ “แม่ข้าให้ข้าไว้ คุณหนูใหญ่อย่าเอาไปขายนะ”

“ไม่ได้จะเอาไปขาย” หลีโม่ตีหน้าผากตนเอง “เจ้าจำไว้นะ วันหลังถ้าข้าไม่ให้เจ้าลงมือ เจ้าห้ามลงมือเด็ดขาด นอกจากข้าจะถูกทำร้ายจนแย่ เจ้าถึงจะลงมือได้ แต่ก็ห้ามใช้ดาบไปฟันเค้ามั่ว และอีกอย่าง จำไว้ว่า ใครเป็นศัตรูข้า ใครเป็นเพื่อนข้า ข้าคิดว่าเดี๋ยวไว้จะเล่าให้เจ้าฟัง ไม่สิ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้เจ้าฟังเลย มีอีกอย่าง อ๋องเหลียงนั้นเป็นเพื่อนของข้า วันหลังเจ้าห้ามลงมือกับเขา ถึงแม่เขาจะขึ้นเสียงกับข้า เจ้าก็ห้ามลงมือ”

เตาเหล่าต้าถลึงตาอันใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์ของตน “ไม่ลงมือก็มีข้าวกินหรือ?”

“มีสิ สามมื้อ รับรองพอกิน”

เตาเหล่าต้าตัวสั่นระริก ดูเหมือนว่าจะตื่นเต้นมาก ในชีวิตนี้เขาไม่เคยได้ยินว่าไม่ลงมือตีคนก็มีข้าวกินด้วย

เหล่าต้าพยักหน้าถี่ๆ “ได้เลย ได้เลย คุณหนูใหญ่ว่าไงข้าก็ว่าตาม”

เย็นเอ๋อร์เหลือบมองอาต้า “สำเนียงของเจ้านี่ ทำไมแปลกจัง? เดี๋ยวก็สำเนียงเสฉวน เดี๋ยวก็สำเนียงอะไรก็ไม่รู้”

“ข้าเป็นคนเสฉวน ต่อมาก็ไปอยู่ภาคเหนือ เลยมีทั้งสองสำเนียง ” คำพูดเมื่อครู่เป็นสำเนียงเมืองหลวง แต่ พูดได้แปลกเอามากๆ

เย็นเอ๋อร์ไม่ชอบความหยาบคายของเตาเหล่าต้า แล้วก็มองไปที่เขาอย่างไม่พอใจ “ต่อจากนี้เจ้าติดตามคุณหนูใหญ่ ก็ต้องทำตามกฏระเบียบ อย่าหาเรื่องมาให้คุณใหญ่”

เตาเหล่าต้าก็ตั้งใจรับฟัง “ข้ารู้แล้ว”

รถม้าขับมาถึงวัดร้างทางตะวันออกของเมืองตามที่เตาเหล่าต้าบอกไว้ มีผู้หญิงที่มีลักษณะคิ้วเข้มตาโตเหมือนกับเตาเหล่าต้าวิ่งออกมาจากข้างใน น่าจะอายุประมาณ13-14 ใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นดำ เสื้อผ้าทั้งเก่าและขาดวิ่น ใส่รองเท้าหญ้าแฝก แต่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าเท้า ตอนวิ่งเกิดเสียงแปะแปะ

“พี่ข้า เจ้ากลับมาแล้วหรือ? ” เด็กน้อยนั้นเห็นเตาเหล่าต้า ก็จะโกนอย่างดีใจ แต่มองไปที่หลีโม่และเย็นเอ๋อร์อย่างระแวดระวัง

เตาเหล่าต้าเอามือดึงคอเสื้อน้องตัวเองออกมา “เรียนคุณหนูใหญ่และคุณหนูเล็กสิ”

อาต้าไม่รู้ว่าเย็นเอ๋อร์ก็เป็นสาวใช้เช่นกัน เพราะเห็นเย็นเอ๋ฮร์ใส่เสื้อผ้าดี ก็เลยนึกว่าเป็นคุณหนูเหมือนกัน

“ข้าไม่ใช่คุณหนูเล็ก ข้าเป็นสาวรับใช้ของคุณหนูใหญ่ ” เย็นเอ๋อร์รีบแก้ต่าง

สาวน้อยคนนั้นเดินเข้ามาแล้วพูดอย่างไพเราะว่า “ทำความเคารพ คุณหนูใหญ่ และสาวรับใช้คุณหนูใหญ่ค่ะ”

หลีโม่เห็นว่านางถึงแม้จะอายุยังน้อย แต่ไม่กลัวคนแปลกหน้าเลย ทำให้เกิดความรู้สึกภูกใจขึ้นมา “เจ้าชื่ออะไรล่ะ?”

“ข้ามีชื่อว่า เตาเสี่ยวเอ้อ ค่ะ” หนูน้อยตอบ

อีกคนชื่อเตาเหล่าต้า อีกคนชื่อเตาเสี่ยวเอ้อ พ่อของทั้งสองคนนี้ตั้งชื่อง่ายไปหน่อยมั้ย

แต่หลีโม่ก็ไม่ค่อยเข้าใจชีวิตสังคมของคนแคว้นต้าโจสักเท่าไร ในราชวงศ์ต้าโจ คนมีโอกาสเรียนหนังสือนั้นมีน้อย ประชากร2ใน3ล้วนไม่ได้รับการศึกษา ไม่รู้หนังสือแม้แต่ตัวเดียว

การตั้งชื่อนั้นปกติจะไปให้ครูสอนหนังสือเป็นคนตั้งให้ แต่ว่าก็ต้องมีค่าตอบแทน คนที่ไม่ค่อยมีเงิน ก็เสียดายเงิน ก็เลยเอาตัวเลขมาตั้งชื่อลูก บางบ้านมีลูกเยอะ เกิน10คน หรือบางที รุ่นก่อนหน้าใช้ตัวเลขไปแล้ว ก็จะเอาคำอื่นมาแทรกตรงกลาง แล้วเริ่มเรียงใหม่ กลายเป็นชื่อจำพวก จางฉงอี จางฉงเอ้อ จูฉงปา อะไรพวกนี้

แต่ว่า ชายหญิงที่เข้ามาทำงานในจวนในตำหนักนั้น เจ้านายก็จะช่วยตั้งชื่อให้ เรียกว่า ประทานชื่อ

แต่ว่า ก็มีคนมากมายที่ไม่เอาตัวเลขมาตั้งชื่อ ก็จะเอาพวกสิ่งของอะไรในบ้านมาตั้ง แต่ต้องเป็นคำที่ง่ายๆ เพราะว่า ถึงแม้ชื่อแซ่จะเป็นคนอื่นที่ใช้เรียกตนเอง แต่ก็ต้องเอาตนเองเขียนได้ง่ายๆด้วย ยากไปก็เขียนไม่ได้ ง่ายๆถึงจะดี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม