ตอนที่ 199 เหลียงซื่อเอาความ
เหลียงซื่อเข้ามาก็ไม่ได้เป็นจุดสนใจนัก เพราะว่า ถ้าในจวนมีงานเลี้ยงอะไร นางก็จะยุ่งเข้าออกเป็นธรรมดา
แต่ว่า ครั้งนี้นางเข้ามาแล้วก็นั่งลงเลย แล้วก็ถามเสี้ยงเฉิงเสี้ยง “ท่านเฉิงเสี้ยง ไม่ทราบว่า เหตุไฟไหม้ห้องในวันแต่งงานของท่าน ท่านสืบคดีชัดเจนแล้วหรือยัง”
จิ้นโก๋กงไม่ห้ามที่นั่งจู่ๆก็ถามเรื่องนี้ขึ้น เขายังคงสีหน้านิ่งเฉย แล้วก็ตำหนิว่า “ฮูหยินรอง มาถามเรื่องนี้ในวันนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะ คราวหลังไว้ค่อยว่ากัน”
เหลียงซื่อยิ้มเล็กๆ ในรอยยิ้มเหมือนมีอะไรที่พูดไม่ออก “ทำไมจะไม่เหมาะสมเล่า? ถือโอกาสที่วันนี้มีทุกท่านอยู่ เรื่องนี้ควรพูดถึง”
ซีเหมินเสี่ยวเยวี่ยมองไปที่นายท่านรองซีเหมิน เรื่องนี้นายท่านรองเพิ่งทราบข่าวทีหลัง เพราะว่านางบอกเขาว่า ให้อดทนไว้ก่อน แล้วเฉิงเสี้ยงจะช่วยให้ได้ตำแหน่งหู้ปู้ซื่อหลาง
นายท่านรองก็กลับมาปรึกษาจิ้นโก๋กง จิ้นโก๋กงก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของซีเหมินเสี่ยวเยวี่ย เพราะว่า ตำแหน่งหู้ปู้ซื่อหลางเป็นตำแหน่งที่รวยได้ง่าย ปีนึงหาเงินได้มาก
ที่สำคัญที่สุดคือสายตำแหน่งนี้เลื่อนขั้นได้ง่าย จะถึงตำแหน่งหู้ปู้ซ่างซูก็แค่รอเวลา เพียงแค่มีเสี้ยเฉิงเสี้ยงคอยช่วย ตำแหน่งหู้ปู้ซื่อหลางก็แค่เอามาชั่วคราว จุดมุ่งหมายสูงสุดคือ หู้ปู้ซ่างซู
ตระกูลจิ้นโก๋กงไม่มีคนได้ตำแหน่งขุนนางระดับ2มานานแล้ว
ซ่างซู คือตำแหน่งขุนนางหลักระดับ2 สำหรับจวนโก๋กงแล้ว มันคือการกระโดดข้ามขั้นอย่างดี
ลูกคนโตก็ไม่ได้เรื่อง ทำงานมา20กว่าปี ได้เป็นแค่หัวหน้าศาลาว่าการ เขาหวังว่าจะมีสักคนที่เชิดหน้าชูตา ไม่ต้องพูดถึงเสียสละเหลียงซื่อ ถึงแม้จะต้องเสียสละพี่คนโต เขาก็ยอม
“เฉิงเสี้ยง สอบสวนไปถึงไหนแล้ว?” เหลียงซื่อเห็นว่าเฉิงเสี้ยงไม่ตอบ ก็เลยถามซ้ำ
เสี้ยฉฺงเสี้ยงตอบด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก “ฮูหยินรองไม่ต้องรีบร้อน ข้าได้ส่งเรื่องนี้ให้ศาลาว่าการไปจัดการสอบสวนแล้ว แต่ว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้น น่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย”
เหลียงซื่อหัวเราะเย็น “ในเมื่อมีศาลาว่าการมาสอบสวนเอง เช่นนั้น ก็ควรจะมาถามข้าเอง เพราะข้าและคุณหนูใหญ่ตระกูลเสี้ยอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น”
ผู้คนในงานได้ยินดังนั้น ก็นิ่งเงียบไป
วันงานแต่งของจวนเฉิงเสี้ยงเกิดเหตุไฟไหม้ คนในงงานนี้รู้ดี รวมทั้งไท่ป่าว
แต่ว่า เนื่องจากเหตุการณ์วันนั้นหามศพออกมาแค่ศะเดียว สุดท้ายยืนยันว่าเป็นเสี้ยฉวน ส่วนเสี้ยหลีโม่แหละเหลียงซื่อ ถึงแม้จะมีคนบอกว่าทั้งสองคนนี้อยู่ด้านใน แต่ตอนที่ไฟกำลังจะดับนั้น เสี้ยหลีโม่กลับปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นคนมากมายก็คิดว่า นางทั้งสองออกไปจากห้องขณะที่เกิดไฟไหม้
นายหญิงแก่ได้ยินคำของเหลียงซื่อ ก็รู้ว่าท่าไม่ค่อยดีแล้ว เหลียงซื่อจะกบฏแล้ว
นายหญิงแก่ก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุยกัน “พอเถอะ วันนี้เป็นวันดี ที่ทุกคนมารวมตัวกัน อีกอย่างใต้เท้าไท่ป่าวก็อยู่ ไม่พูดเรื่องที่ไม่สบายใจกันดีกว่า ”
นายหญิงแก่มองไปที่จิ้นโก๋กง “นายท่านโก๋กง เรื่องไฟไหม้นั้นเกือบจะทำร้ายฮูหยินรองเสียแล้ว ข้าก็รู้สึกผิด แต่ครั้งนี้เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ไม่มีคนอยากทำร้ายฮูหยินรองหรอก”
พูดจบ นางก็ลุกขึ้นทำความเคารพเหลียงซื่อ “ฮูหยินรองโปรดอย่าว่ากล่าวเลย คนแก่อย่างข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย เรื่องที่เป็นเหตุสุดวิสัย คนเราไม่สามารถไปควบคุมอะไรได้”
จิ้นโก๋กงบีบมือตนเอง แล้วพูดว่า “ไม่มีใครกล่าวโทษจวนเฉิงเสี้ยงหรอก นายหญิงแก่ไม่ต้องเก็บมาใส่ใจ ”
เมื่อพูดจบ เขาก็ทำหน้าไม่พอใจใส่เหลียงซื่อ “พอได้แล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป นายหญิงแก่ก็ขอโทษเจ้าแล้ว ยังจะเอาอย่างไรอีก?”
เหลียงซื่อก็พูดเข้าข้างตัวเองอีกว่า “คนที่ถูกขังในห้องนั้นมี3คน มีข้า คุณหนูใหญ่เสี้ย พ่อบ้านตระกูลเสี้ย เสี้ยฉวน ตอนนั้นที่ข้าเข้าห้องไปก็รู้สึกว่าเวียนหัวหมดแรง คุณหนูใหญ่ก็ให้แม่สื่อไปรินน้ำให้ข้า แม่สื่อคนนั้นก็เลยรอดไปได้ ส่วนพ่อบ้านเสี้ยฉวน เดิมทีเขาอยากจะออกไป แต่ว่า ตอนนั้นข้าและคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่าด้านนอกนั้นกำลังจะเกิดไฟไหม้ ดังนั้นก็เลยสั่งให้พ่อบ้านอยู่ต่อ เสี้ยฉวนไม่ยินยอม ถึงขั้นจะเอาเก้าอี้ทุ่มใส่คุณหนูใหญ่ พ่อบ้านคนนั้นมีท่าทีรีบร้อนจะออกจากห้องนั้น ก็เลยทำให้ข้าทั้งสองเกิดสงสัยขึ้น ตอนนั้นยังไม่เกิดไฟไหม้ เพียงแต่ได้ยินเสียงการแห่มังกรไฟ เสียงกลองเสียงฉาบดังมาก และในตอนที่เสียงกลองเสียงฉาบดังมาถึงหน้าประตูเท่านั้น เสี้ยฉวนก็เปิดประตูรีบหนีออกไป คุณหนูใหญ่ก็คว้าเก้าอี้ทุ่มออกไป โดนขาพ่อบ้านคนนั้นพอดี ขาหัก แล้วพ่อบ้านก็วิ่งไม่ได้ พอถึงตอนไฟลามมาถึง พ่อบ้านคนนั้นก็คลานมาขอให้พวกเราช่วยเหลือ แล้วบอกว่าเขาทำตามคำสั่ง เขาไม่ใช่คนวางเพลิง ”
เหลียงซื่อพูดถึงจุดนี้ ตัวก็สั่นระริก นางไม่มีวันลืมภาพความเจ็บปวดทรมานและสายตาความหวาดกลัวและสิ้นหวังของพ่อบ้านเสี้ยฉวนวันนั้นได้
พ่อบ้านเสี้ยนฉวนนอนดิ้นกลิ้งกับพื้นราวกลับแมลงที่ถูกไฟไหม้ ปากก็ตะโกนด้วยความเจ็บปวด ตอนนั้นนางอยู่บนผ้าที่หลีโม่ยกนางขึ้นไป นางมาลงมาจากคานหลังคา เห็นพ่อบ้านยกสองมือขึ้นขอความช่วยเหลือจากหลีโม่ “คุณหนูใหญ่ ช่วยข้าด้วย ข้าแค่ทำตามคำสั่ง”
“พอได้แล้ว หุบปากซะ!” จิ้นโก๋กงลุกขึ้น แล้วตหวาดว่า “ในเมื่อเจ้าทั้งสามคนล้วนอยู่ภายใน ส่วนเสี้ยฉวนก็ได้ถูกเผาตายไปแล้ว แล้วเจ้าทั้งสองรอดออกมาได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไปร่วมมือกับคนนอกเพื่อมาทำลายจวนโก๋กงหรอกนะ? เจ้าจับไว้ให้ดี จวนโก๋กงต่างหากที่เป็นบ้านของเจ้า เสี้ยหลีโม่และหลี่ซื่อให้อะไรกับเจ้า เจ้าถึงได้หักหลังจวนโก๋กง?”
เหลียงซื่อหัวเราะเย็นๆ “หักหลังจวนโก๋กงหรือ? เป็นโทษใหญ่หลวง ท่านพ่อได้ยินข้ากล่าวหาจวนโก๋กงว่าไม่ดีสักคำไหม? เรื่องที่ไฟไหม้ มีไรเกี่ยวข้องกับจวนโก๋กง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...